[ครบชุด] TQ11052 อยู่ๆก็ได้ยินเสียงลูกสาวที่จากไปแล้วเธอกลับมาจริงหรือไม่

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจบนเส้นทางสายคูเป้ 4 ประตูหรือไม่?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่คลุกคลีกับรถหรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถหรูอย่าง Mercedes-Benz CLS ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการผสมผสานความสง่างามของซีดานเข้ากับความปราดเปรียวของคูเป้ได้อย่างลงตัว แม้ว่าทาง Mercedes-Benz จะประกาศยุติสายการผลิต CLS ไปแล้วในช่วงปี 2023 แต่คำถามที่หลายคนยังคงตั้งขึ้นมาในใจเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 คือ “Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium โฉมสุดท้ายนี้ ยังน่าครอบครองอยู่ไหม?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์มือสองคุณภาพพรีเมียมในตลาดปัจจุบัน บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

CLS: การเดินทางของสไตล์ที่ไม่เคยตกยุค

Mercedes-Benz CLS ไม่ใช่แค่รถยนต์คันหนึ่ง แต่เป็นนิยามของ “รถยนต์คูเป้ 4 ประตู” ที่สร้างกระแสและแรงบันดาลใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์มาหลายทศวรรษ การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ได้พลิกโฉมหน้าของรถซีดานหรูที่เคยมีมา ด้วยเส้นสายหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ และแม้จะเป็นโฉมสุดท้ายที่ผลิตในช่วงปี 2023 ซึ่งผ่านมาแล้วหลายปีจนถึงปี 2025 แต่ดีไซน์อันเป็นอมตะของ CLS 220 d AMG Premium ก็ยังคงดึงดูดสายตาและสะกดทุกการเคลื่อนไหวบนท้องถนนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ในโลกที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็ว ดีไซน์คลาสสิกของ CLS กลับกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้มันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยสัดส่วนที่ลงตัว ไฟหน้า Multibeam LED อันโฉบเฉี่ยว เส้นสายด้านข้างที่ลื่นไหลประดุจงานศิลปะ และชุดแต่ง AMG Premium ที่เสริมความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ CLS คันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่หล่อเหลาที่สุดในตลาด รถหรูมือสอง ในปี 2025 หลายคนอาจกังวลว่ารถที่เลิกผลิตแล้วจะ “ตกรุ่น” หรือไม่ แต่สำหรับ CLS แล้ว คำว่า “เหนือกาลเวลา” น่าจะเหมาะกว่า มันคือการลงทุนในสไตล์ที่ไม่ต้องอิงตามเทรนด์ และยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มองหาสุนทรียภาพในการขับขี่ที่แตกต่างอย่างแท้จริง

สมรรถนะที่ประหยัดและเร้าใจ: หัวใจดีเซลที่ยังคงแข็งแกร่งในปี 2025

ภายใต้ฝากระโปรงของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือเครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM 654 ขนาด 2.0 ลิตร (1,950 ซีซี) แบบ 4 สูบ เทอร์โบ ที่จับคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ซึ่งให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ที่ช่วงรอบต่ำ 1,600-2,800 รอบ/นาที ตัวเลขเหล่านี้แปลเป็นการตอบสนองที่ฉับไว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและตอบสนองได้ดีเมื่อต้องการเร่งแซง

สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้โดดเด่นไม่แพ้สมรรถนะคือ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเทคโนโลยี Mild Hybrid ที่เข้ามาช่วยเสริมการทำงานในช่วงออกตัวและลดภาระของเครื่องยนต์หลัก ทำให้การขับขี่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากประสบการณ์ของผมในการทดสอบรถยนต์หลากหลายรุ่น การันตีได้ว่า CLS 220d เป็นหนึ่งในรถหรูดีเซลที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิ่งทางไกลข้ามจังหวัด คุณจะประหลาดใจกับตัวเลขที่มันทำได้

ขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด: อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 10-12 กม./ลิตร
ขับขี่ทางไกลบนถนนโล่ง: สามารถทำได้สูงถึง 18-20 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่รถซีดานขนาดเล็กบางรุ่นยังอาย
ใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมืองครึ่งหนึ่ง/นอกเมืองครึ่งหนึ่ง): อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 14-16 กม./ลิตร

ในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน การเลือก รถยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมัน อย่าง CLS 220 d ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด มันช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับรถยนต์หรูในเซกเมนต์เดียวกันที่เป็นเบนซิน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ถึงแม้จะประหยัดพลังงานในระยะยาว แต่ก็มีต้นทุนการซื้อที่สูงกว่าและข้อจำกัดเรื่องสถานีชาร์จในบางพื้นที่

ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ: ความสมดุลของความสบายและความสปอร์ต

ในฐานะผู้ขับขี่ที่ต้องการทั้งความหรูหราและความสนุกสนานในการขับขี่ CLS 220 d AMG Premium ตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน Mercedes-Benz ไม่ได้แค่สร้างรถที่สวยงาม แต่ยังมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ยอดเยี่ยม การควบคุมรถนั้นเฉียบคมและแม่นยำ พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ให้ความรู้สึกมั่นคงแม้ในย่านความเร็วสูง

โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความประหยัดสูงสุด การตอบสนองของคันเร่งจะนุ่มนวล แต่ยังคงเพียงพอสำหรับการเคลื่อนที่อย่างไม่ติดขัดในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมแนะนำสำหรับการใช้งานทั่วไป มันคือจุดลงตัวระหว่างความประหยัดและความคล่องตัว การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์มีความนุ่มนวลแต่ยังคงมีพละกำลังสำรองให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะรถติดหรือถนนโล่ง
โหมด Sport: สำหรับวันที่คุณต้องการสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตของ CLS โหมดนี้จะปลุกเร้าเครื่องยนต์ให้ตื่นตัว คันเร่งตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเพื่อรักษาพละกำลังให้พร้อมใช้งาน แรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำทำให้การเร่งแซงเป็นเรื่องง่ายดาย และคุณจะสัมผัสได้ถึงความเร็วที่พุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยที่ไม่รู้สึกว่ารถมีขนาดใหญ่หรืออุ้ยอ้ายแต่อย่างใด

แม้จะมีตัวถังที่ดูโอ่อ่า แต่ CLS คันนี้กลับมีความคล่องตัวเกินคาด การเลี้ยวกลับรถ การเข้าโค้งแคบๆ หรือแม้แต่การซอกแซกไปตามช่องว่างในการจราจร ก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ด้วยขนาดที่ไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเกินไป และรัศมีวงเลี้ยวที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม

เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย: ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด รถยนต์มือสอง ปี 2025 คือชุดเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ Mercedes-Benz จัดเต็มมาให้ ซึ่งยังคงทันสมัยและมีประโยชน์ในปัจจุบัน เทียบเท่ากับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในหลายด้าน

ระบบ Blind Spot Assist: ระบบเตือนมุมอับสายตา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน ไม่ว่าจะขับขี่หรือแม้แต่เมื่อจอดรถและกำลังจะเปิดประตู หากมีรถวิ่งผ่านมา ระบบจะแจ้งเตือนด้วยไฟและเสียง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารอบข้างปลอดภัย
ระบบเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist): ระบบนี้สามารถตั้งค่าการตอบสนองได้ ช่วยตรวจจับระยะห่างจากรถคันหน้า หากเข้าใกล้มากเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณเตือน และหากคนขับไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชนหรือลดความรุนแรงลง ถือเป็น เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ที่ช่วยชีวิตได้จริงในสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนนที่คาดเดาไม่ได้
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด ระบบนี้คือพระเอกอย่างแท้จริง CLS 220 d สามารถค้นหาที่จอดที่เหมาะสมและนำรถเข้าจอดเองได้ทั้งการจอดแบบเข้าซองและจอดเทียบฟุตบาท คุณเพียงแค่ควบคุมคันเร่งและเบรก ส่วนการบังคับพวงมาลัยและเปลี่ยนเกียร์ ระบบจะจัดการให้ทั้งหมด ทำให้การจอดรถไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นี่คือฟีเจอร์ที่แม้แต่รถรุ่นใหม่บางคันในปัจจุบันก็ยังไม่มี
กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา: มุมมองแบบรอบคันช่วยให้การขับขี่ในพื้นที่จำกัดหรือการจอดรถเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย คุณสามารถเลือกดูมุมกล้องเฉพาะจุดได้ เช่น ด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้างเพื่อการจอดเทียบฟุตบาทได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงของการขูดขีดหรือชนได้เป็นอย่างมาก ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่ผมใช้งานบ่อยที่สุดและช่วยได้มากในชีวิตจริง

ในส่วนของการเก็บเสียง Mercedes-Benz ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารก็ยังคงเงียบสงบ ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย แต่ด้วยความที่เป็นยางรันแฟลต (Run-Flat Tires) ซึ่งมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่ายางทั่วไป อาจทำให้ได้ยินเสียงยางบดถนนหรือสัมผัสถึงแรงสะท้านบ้างเมื่อวิ่งผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ อย่างไรก็ตาม นี่คือข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ด้านความปลอดภัยและสมรรถนะที่ได้

ช่วงล่างและล้อ: จุดที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ

ระบบช่วงล่างของ CLS 220 d AMG Premium ถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยม เน้นความสปอร์ตแต่ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ไม่รู้สึกว่ารถร่อนหรือควบคุมยาก นี่คือ DNA ของ Mercedes-Benz ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอาจจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษคือเรื่องของขนาดล้อและยาง รุ่น AMG Premium มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางคู่หน้าขนาด 245/35R20 และคู่หลังขนาด 275/30R20 ซึ่งแก้มยางค่อนข้างบางมาก เมื่อขับผ่านทางขรุขระ หรือตกหลุมบ่อขนาดใหญ่ อาจจะสัมผัสถึงแรงกระแทกที่ส่งเข้ามาในตัวรถได้ชัดเจน และยังมีความเสี่ยงที่ล้อและยางจะเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ายางที่มีแก้มหนากว่า

สำหรับผู้ที่มองหา CLS มือสอง ผมมีคำแนะนำเล็กน้อย: หากคุณไม่ได้เน้นความสปอร์ตจ๋าและต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้น อาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว และเพิ่มขนาดความหนาของแก้มยาง ซึ่งจะช่วยซับแรงกระแทกและเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ นี่คือการปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ความคุ้มค่าของการครอบครอง CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025

เมื่อพูดถึงการครอบครอง รถหรูมือสอง ในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้วอย่าง CLS 220 d AMG Premium คำถามเรื่อง ความคุ้มค่า Mercedes-Benz CLS ย่อมเกิดขึ้นในใจผู้ซื้อ

ราคาและค่าเสื่อมราคา: ในปี 2024 รถยนต์รุ่นนี้มีการปรับลดราคาจำหน่ายจาก 4,640,000 บาท เหลือ 3,880,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับรถใหม่ในขณะนั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2025 ในตลาดรถยนต์มือสอง ราคาจะมีการปรับลดลงไปอีกตามกลไกตลาดและสภาพของรถยนต์ ทำให้คุณสามารถเป็นเจ้าของ CLS 220 d AMG Premium ได้ในราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับออปชันและเทคโนโลยีที่ได้รับ
ค่าบำรุงรักษา Mercedes-Benz: การเป็นเจ้าของรถหรูย่อมมาพร้อมกับค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่สำหรับ CLS 220 d ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล OM 654 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาพื้นฐานไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ได้ หากมีการตรวจเช็คตามระยะและดูแลอย่างสม่ำเสมอ รถคันนี้จะยังคงอยู่กับคุณไปอีกนาน
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต: แม้ว่าแนวโน้มตลาดจะมุ่งสู่ รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น แต่สำหรับบางกลุ่มที่ยังต้องการความอิสระในการเดินทางระยะไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ และยังคงชื่นชอบพละกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล CLS 220 d ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพการประกอบและวัสดุระดับพรีเมียมของ Mercedes-Benz ทำให้มันยังคงมอบความรู้สึกของรถหรูได้อย่างเต็มเปี่ยม

บทสรุป: CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็น “เพชรเม็ดงาม” ที่น่าจับจอง

โดยรวมแล้ว สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถคูเป้ 4 ประตู ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ เหนือกาลเวลา เปี่ยมด้วยความสปอร์ตหรูหรา แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง และที่สำคัญคือมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลที่ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ พร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ยังคงทันสมัย Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในสถานะรถยนต์มือสองปี 2025 คือทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

มันคือรถที่แสดงถึงรสนิยมที่ไม่ตามกระแส แต่ยังคงโดดเด่นในแบบของตัวเอง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในเชิงของประสบการณ์การขับขี่และสุนทรียภาพที่ได้รับ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหา รถเบนซ์มือสอง คุณภาพดี มีประวัติชัดเจน และต้องการความแตกต่างอย่างมีสไตล์ CLS 220 d AMG Premium จะพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์นี้ด้วยตัวคุณเอง!

หากคุณสนใจที่จะเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่เชื่อถือได้ หรือเยี่ยมชมโชว์รูมเพื่อทดลองขับและสัมผัสความหรูหราเหนือระดับด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม CLS คันนี้ถึงยังคงเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตในใจใครหลายคนในปี 2025.## Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจบนเส้นทางสายคูเป้ 4 ประตูหรือไม่?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่คลุกคลีกับรถหรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถหรูอย่าง Mercedes-Benz CLS ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการผสมผสานความสง่างามของซีดานเข้ากับความปราดเปรียวของคูเป้ได้อย่างลงตัว แม้ว่าทาง Mercedes-Benz จะประกาศยุติสายการผลิต CLS ไปแล้วในช่วงปี 2023 แต่คำถามที่หลายคนยังคงตั้งขึ้นมาในใจเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 คือ “Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium โฉมสุดท้ายนี้ ยังน่าครอบครองอยู่ไหม?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์มือสอง คุณภาพพรีเมียมในตลาดปัจจุบัน บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

CLS: การเดินทางของสไตล์ที่ไม่เคยตกยุค

Mercedes-Benz CLS ไม่ใช่แค่รถยนต์คันหนึ่ง แต่เป็นนิยามของ “รถยนต์คูเป้ 4 ประตู” ที่สร้างกระแสและแรงบันดาลใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์มาหลายทศวรรษ การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ได้พลิกโฉมหน้าของรถซีดานหรูที่เคยมีมา ด้วยเส้นสายหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ และแม้จะเป็นโฉมสุดท้ายที่ผลิตในช่วงปี 2023 ซึ่งผ่านมาแล้วหลายปีจนถึงปี 2025 แต่ดีไซน์อันเป็นอมตะของ CLS 220 d AMG Premium ก็ยังคงดึงดูดสายตาและสะกดทุกการเคลื่อนไหวบนท้องถนนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ในโลกที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็ว ดีไซน์คลาสสิกของ CLS กลับกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้มันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยสัดส่วนที่ลงตัว ไฟหน้า Multibeam LED อันโฉบเฉี่ยว เส้นสายด้านข้างที่ลื่นไหลประดุจงานศิลปะ และชุดแต่ง AMG Premium ที่เสริมความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ CLS คันนี้ยังคงเป็นหนึ่งใน รถหรูมือสอง ที่หล่อเหลาที่สุดในตลาดปี 2025 หลายคนอาจกังวลว่ารถที่เลิกผลิตแล้วจะ “ตกรุ่น” หรือไม่ แต่สำหรับ CLS แล้ว คำว่า “เหนือกาลเวลา” น่าจะเหมาะกว่า มันคือการลงทุนในสไตล์ที่ไม่ต้องอิงตามเทรนด์ และยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มองหาสุนทรียภาพในการขับขี่ที่แตกต่างอย่างแท้จริง ดีไซน์ CLS คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสง่างามและพละกำลังที่ซ่อนเร้น มันไม่เพียงแค่พาคุณไปยังจุดหมาย แต่ยังเป็นตัวบ่งบอกถึงรสนิยมและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของคุณได้อย่างชัดเจน

การเลือก Mercedes-Benz CLS ในปี 2025 จึงไม่ใช่แค่การเลือกซื้อรถยนต์ แต่เป็นการเลือกงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ การออกแบบที่ท้าทายกาลเวลาทำให้มันยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด รถเบนซ์มือสอง โดยเฉพาะรุ่น AMG Premium ที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่ต้องพบเจอกับสภาพการจราจรที่หนาแน่น หรือการเดินทางไกลที่ต้องการความสะดวกสบายและความมั่นคง CLS คันนี้ก็สามารถตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างไร้ที่ติ

สมรรถนะที่ประหยัดและเร้าใจ: หัวใจดีเซลที่ยังคงแข็งแกร่งในปี 2025

ภายใต้ฝากระโปรงของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือ เครื่องยนต์ดีเซลเบนซ์ รหัส OM 654 ขนาด 2.0 ลิตร (1,950 ซีซี) แบบ 4 สูบ เทอร์โบ ที่จับคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ซึ่งให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ที่ช่วงรอบต่ำ 1,600-2,800 รอบ/นาที ตัวเลขเหล่านี้แปลเป็นการตอบสนองที่ฉับไว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและตอบสนองได้ดีเมื่อต้องการเร่งแซง

สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้โดดเด่นไม่แพ้สมรรถนะคือ อัตราสิ้นเปลือง CLS 220d ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเทคโนโลยี Mild Hybrid ที่เข้ามาช่วยเสริมการทำงานในช่วงออกตัวและลดภาระของเครื่องยนต์หลัก ทำให้การขับขี่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากประสบการณ์ของผมในการทดสอบรถยนต์หลากหลายรุ่น การันตีได้ว่า CLS 220d เป็นหนึ่งใน รถหรูประหยัดน้ำมัน ที่ดีที่สุดในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิ่งทางไกลข้ามจังหวัด คุณจะประหลาดใจกับตัวเลขที่มันทำได้

ขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด: อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 10-12 กม./ลิตร สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมัน ในสภาพการจราจรแบบหยุดนิ่ง
ขับขี่ทางไกลบนถนนโล่ง: สามารถทำได้สูงถึง 18-20 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่รถซีดานขนาดเล็กบางรุ่นยังอาย นี่คือจุดเด่นที่แท้จริงของ CLS ประหยัดน้ำมัน ในการเดินทางระยะยาว
ใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมืองครึ่งหนึ่ง/นอกเมืองครึ่งหนึ่ง): อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 14-16 กม./ลิตร เป็นการประหยัดที่น่าทึ่งสำหรับ รถหรู ที่มีพละกำลังขนาดนี้

ในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน การเลือก CLS 220 d ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด มันช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับรถยนต์หรูในเซกเมนต์เดียวกันที่เป็นเบนซิน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ถึงแม้จะประหยัดพลังงานในระยะยาว แต่ก็มีต้นทุนการซื้อที่สูงกว่าและข้อจำกัดเรื่องสถานีชาร์จในบางพื้นที่ สมรรถนะเครื่องยนต์ ดีเซลนี้ยังคงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทั้งพละกำลังและความประหยัดในคราวเดียวกัน

ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ: ความสมดุลของความสบายและความสปอร์ต

ในฐานะผู้ขับขี่ที่ต้องการทั้งความหรูหราและความสนุกสนานในการขับขี่ CLS 220 d AMG Premium ตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน Mercedes-Benz ไม่ได้แค่สร้างรถที่สวยงาม แต่ยังมอบ ประสบการณ์ขับขี่ CLS ที่ยอดเยี่ยม การควบคุมรถนั้นเฉียบคมและแม่นยำ พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ให้ความรู้สึกมั่นคงแม้ในย่านความเร็วสูง

โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความประหยัดสูงสุด การตอบสนองของคันเร่งจะนุ่มนวล แต่ยังคงเพียงพอสำหรับการเคลื่อนที่อย่างไม่ติดขัดในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมแนะนำสำหรับการใช้งานทั่วไป มันคือจุดลงตัวระหว่างความประหยัดและความคล่องตัว การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์มีความนุ่มนวลแต่ยังคงมีพละกำลังสำรองให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะรถติดหรือถนนโล่ง CLS 220d AMG Premium ในโหมดนี้ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
โหมด Sport: สำหรับวันที่คุณต้องการสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตของ CLS โหมดนี้จะปลุกเร้าเครื่องยนต์ให้ตื่นตัว คันเร่งตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเพื่อรักษาพละกำลังให้พร้อมใช้งาน แรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำทำให้การเร่งแซงเป็นเรื่องง่ายดาย และคุณจะสัมผัสได้ถึงความเร็วที่พุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยที่ไม่รู้สึกว่ารถมีขนาดใหญ่หรืออุ้ยอ้ายแต่อย่างใด นี่คือ ออปชั่น Mercedes-Benz ที่เพิ่มมิติในการขับขี่ได้อย่างน่าประทับใจ

แม้จะมีตัวถังที่ดูโอ่อ่า แต่ CLS คันนี้กลับมีความคล่องตัวเกินคาด การเลี้ยวกลับรถ การเข้าโค้งแคบๆ หรือแม้แต่การซอกแซกไปตามช่องว่างในการจราจร ก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ด้วยขนาดที่ไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเกินไป และรัศมีวงเลี้ยวที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม ทำให้ รถคูเป้ 4 ประตู คันนี้เป็นมากกว่าความสวยงาม แต่ยังเป็นรถที่ขับสนุกและตอบสนองได้ทุกสถานการณ์

เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย: ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด รถยนต์มือสอง ปี 2025 คือชุดเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ Mercedes-Benz จัดเต็มมาให้ ซึ่งยังคงทันสมัยและมีประโยชน์ในปัจจุบัน เทียบเท่ากับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในหลายด้าน

ระบบ Blind Spot Assist (ระบบเตือนมุมอับสายตา): ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน ไม่ว่าจะขับขี่หรือแม้แต่เมื่อจอดรถและกำลังจะเปิดประตู หากมีรถวิ่งผ่านมา ระบบจะแจ้งเตือนด้วยไฟและเสียง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารอบข้างปลอดภัย
ระบบเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist): ระบบนี้สามารถตั้งค่าการตอบสนองได้ ช่วยตรวจจับระยะห่างจากรถคันหน้า หากเข้าใกล้มากเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณเตือน และหากคนขับไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชนหรือลดความรุนแรงลง ถือเป็น ระบบความปลอดภัย CLS ที่ช่วยชีวิตได้จริงในสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนนที่คาดเดาไม่ได้
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด ระบบนี้คือพระเอกอย่างแท้จริง CLS 220 d สามารถค้นหาที่จอดที่เหมาะสมและนำรถเข้าจอดเองได้ทั้งการจอดแบบเข้าซองและจอดเทียบฟุตบาท คุณเพียงแค่ควบคุมคันเร่งและเบรก ส่วนการบังคับพวงมาลัยและเปลี่ยนเกียร์ ระบบจะจัดการให้ทั้งหมด ทำให้การจอดรถไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นี่คือฟีเจอร์ที่แม้แต่รถรุ่นใหม่บางคันในปัจจุบันก็ยังไม่มี ทำให้มันเป็นหนึ่งใน ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ที่โดดเด่น
กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา: มุมมองแบบรอบคันช่วยให้การขับขี่ในพื้นที่จำกัดหรือการจอดรถเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย คุณสามารถเลือกดูมุมกล้องเฉพาะจุดได้ เช่น ด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้างเพื่อการจอดเทียบฟุตบาทได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงของการขูดขีดหรือชนได้เป็นอย่างมาก ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่ผมใช้งานบ่อยที่สุดและช่วยได้มากในชีวิตจริง

ในส่วนของการเก็บเสียง Mercedes-Benz ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารก็ยังคงเงียบสงบ ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย แต่ด้วยความที่เป็น ยางรันแฟลต CLS (Run-Flat Tires) ซึ่งมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่ายางทั่วไป อาจทำให้ได้ยินเสียงยางบดถนนหรือสัมผัสถึงแรงสะท้านบ้างเมื่อวิ่งผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ อย่างไรก็ตาม นี่คือข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ด้านความปลอดภัยและสมรรถนะที่ได้

ช่วงล่างและล้อ: จุดที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ

ช่วงล่าง CLS ของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยม เน้นความสปอร์ตแต่ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ไม่รู้สึกว่ารถร่อนหรือควบคุมยาก นี่คือ DNA ของ Mercedes-Benz ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอาจจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษคือเรื่องของขนาดล้อและยาง รุ่น AMG Premium มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางคู่หน้าขนาด 245/35R20 และคู่หลังขนาด 275/30R20 ซึ่งแก้มยางค่อนข้างบางมาก เมื่อขับผ่านทางขรุขระ หรือตกหลุมบ่อขนาดใหญ่ อาจจะสัมผัสถึงแรงกระแทกที่ส่งเข้ามาในตัวรถได้ชัดเจน และยังมีความเสี่ยงที่ล้อและยางจะเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ายางที่มีแก้มหนากว่า

สำหรับผู้ที่มองหา CLS มือสอง ผมมีคำแนะนำเล็กน้อย: หากคุณไม่ได้เน้นความสปอร์ตจ๋าและต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้น อาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว และเพิ่มขนาดความหนาของแก้มยาง ซึ่งจะช่วยซับแรงกระแทกและเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ นี่คือการปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก การเลือกยางที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสุขในการขับขี่ได้อย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพถนนของประเทศไทย

ความคุ้มค่าของการครอบครอง CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025

เมื่อพูดถึงการครอบครอง รถหรูมือสอง ในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้วอย่าง CLS 220 d AMG Premium คำถามเรื่อง ความคุ้มค่า Mercedes-Benz CLS ย่อมเกิดขึ้นในใจผู้ซื้อ

ราคาและค่าเสื่อมราคา: ในปี 2024 รถยนต์รุ่นนี้มีการปรับลดราคาจำหน่ายจาก 4,640,000 บาท เหลือ 3,880,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับรถใหม่ในขณะนั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2025 ใน ตลาดรถหรูมือสองไทย ราคาจะมีการปรับลดลงไปอีกตามกลไกตลาดและสภาพของรถยนต์ ทำให้คุณสามารถเป็นเจ้าของ CLS 220 d AMG Premium ได้ในราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับออปชันและเทคโนโลยีที่ได้รับ นี่คือโอกาสที่ดีในการ ซื้อรถเบนซ์ ที่มีคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง
ค่าบำรุงรักษา Mercedes-Benz: การเป็นเจ้าของรถหรูย่อมมาพร้อมกับค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่สำหรับ CLS 220 d ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล OM 654 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ ทำให้ ค่าบำรุงรักษาเบนซ์ CLS พื้นฐานไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ได้ หากมีการตรวจเช็คตามระยะและดูแลอย่างสม่ำเสมอ รถคันนี้จะยังคงอยู่กับคุณไปอีกนาน การหา อะไหล่เบนซ์ CLS ก็ยังคงทำได้ไม่ยากผ่านศูนย์บริการและร้านอะไหล่ทั่วไป
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต: แม้ว่าแนวโน้มตลาดจะมุ่งสู่ รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น แต่สำหรับบางกลุ่มที่ยังต้องการความอิสระในการเดินทางระยะไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ และยังคงชื่นชอบพละกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล CLS 220 d ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพการประกอบและวัสดุระดับพรีเมียมของ Mercedes-Benz ทำให้มันยังคงมอบความรู้สึกของรถหรูได้อย่างเต็มเปี่ยม

บทสรุป: CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็น “เพชรเม็ดงาม” ที่น่าจับจอง

โดยรวมแล้ว สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถคูเป้ 4 ประตู ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ เหนือกาลเวลา เปี่ยมด้วยความสปอร์ตหรูหรา แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง และที่สำคัญคือมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลที่ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ พร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ยังคงทันสมัย Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในสถานะรถยนต์มือสองปี 2025 คือทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

มันคือรถที่แสดงถึงรสนิยมที่ไม่ตามกระแส แต่ยังคงโดดเด่นในแบบของตัวเอง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในเชิงของประสบการณ์การขับขี่และสุนทรียภาพที่ได้รับ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหา รถเบนซ์มือสอง คุณภาพดี มีประวัติชัดเจน และต้องการความแตกต่างอย่างมีสไตล์ CLS 220 d AMG Premium จะพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในระยะยาวได้อย่างแน่นอน รีวิว Mercedes-Benz CLS นี้หวังว่าจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของรถคันนี้ได้อย่างชัดเจนขึ้น

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์นี้ด้วยตัวคุณเอง!

หากคุณสนใจที่จะเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่เชื่อถือได้ หรือเยี่ยมชมโชว์รูมเพื่อทดลองขับและสัมผัสความหรูหราเหนือระดับด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม CLS คันนี้ถึงยังคงเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตในใจใครหลายคนในปี 2025.