Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ปี 2025: ยิ่งเก่ายิ่งคลาสสิก? เจาะลึกความคุ้มค่าในตลาดรถมือสองหรู
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นรถยนต์มากมายเกิดขึ้นและจากไปตามกาลเวลา แต่บางรุ่นก็ยังคงทิ้งมรดกไว้และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรักรถไม่เสื่อมคลาย หนึ่งในนั้นคือ Mercedes-Benz CLS โฉมปัจจุบัน หรือที่รู้จักกันในนาม C257 โดยเฉพาะรุ่น CLS 220 d AMG Premium ที่แม้จะยุติสายการผลิตไปแล้ว แต่กลับยิ่งเปล่งประกายความน่าสนใจในฐานะ รถยนต์มือสองพรีเมียม ที่มอบความคุ้มค่าเหนือราคาในปี 2025 นี้ หากคุณกำลังมองหา รถซีดานหรู ที่แตกต่าง ไม่ตามกระแส EV และยังคงประสิทธิภาพระดับสูง บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมว่าทำไม CLS 220 d AMG Premium จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
การกลับมาของตำนานที่ไม่เคยจางหาย: ดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา
สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS แตกต่างจาก รถยนต์หรู ทั่วไปคือแนวคิด “Four-Door Coupe” ที่ริเริ่มโดย CLS เองเมื่อสองทศวรรษก่อน และในโฉม C257 นี้ Mercedes-Benz ได้ยกระดับปรัชญานี้ขึ้นไปอีกขั้น ผมขอยืนยันว่าแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ดีไซน์ของ CLS โฉมนี้ก็ยังคงความสง่างาม ความโฉบเฉี่ยว และความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ราวกับงานศิลปะที่ถูกรังสรรค์มาให้เป็นอมตะ
ในปี 2025 ท่ามกลางกระแสการออกแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ของ CLS ยังคงโดดเด่นและเป็นที่จดจำ เส้นสายที่โค้งมนจากด้านหน้าจรดด้านท้ายที่ลาดเอียงอย่างมีเอกลักษณ์ ผสมผสานกับสัดส่วนตัวถังที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ CLS ดูปราดเปรียวราวกับ รถสปอร์ตคูเป้ แท้ๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งประโยชน์ใช้สอยของ รถซีดาน สี่ประตู ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างสบายตา ห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้นในโฉมนี้ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความหรูหราแบบคูเป้แต่มีสมาชิกในครอบครัวหลายคน หรือผู้ที่ต้องการ รถครอบครัวหรู ที่ไม่ทิ้งสไตล์ส่วนตัว
ชุดแต่ง AMG Premium ยิ่งเสริมความดุดันและสปอร์ตด้วยกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างดีไซน์เฉพาะ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ CLS 220 d AMG Premium มีรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะขับ CLS คันนี้ไปจอดที่ไหน มันก็ยังคงดึงดูดสายตาและสร้างความประทับใจได้เสมอ นี่คือ ดีไซน์คูเป้ ที่ท้าทายทุกเทรนด์ และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ CLS โฉมนี้ “ไม่ตกรุ่น” แม้ในอีกหลายปีข้างหน้า
หัวใจแห่งประสิทธิภาพ: เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่ประหยัดและทรงพลัง
ภายใต้ฝากระโปรงของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือเครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM 654 ขนาด 2.0 ลิตร (1,950 ซีซี) แบบ 4 สูบ เทอร์โบ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านประสิทธิภาพและความทนทาน เครื่องยนต์รุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องพละกำลัง แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid (EQ Boost) ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
ด้วยกำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ที่ช่วงรอบต่ำ 1,600-2,800 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความราบรื่นและแม่นยำ ทำให้ CLS 220 d AMG Premium มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่าจัดจ้านเพียงพอสำหรับ รถยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ในทุกสถานการณ์ การขับขี่ในเมือง การเร่งแซงบนทางหลวง หรือการเดินทางไกลข้ามจังหวัด ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับ CLS คันนี้
สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือระบบ Mild Hybrid ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนเสริม แต่เป็นการยกระดับ การประหยัดน้ำมันดีเซล อย่างแท้จริง มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กจะเข้ามาช่วยเสริมแรงในช่วงออกตัวและขณะเร่ง ทำให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างนุ่มนวลและลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุก นี่คือจุดที่ทำให้ CLS 220 d แตกต่างจากเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด จากประสบการณ์การทดสอบของผมในสภาพการจราจรที่หลากหลาย สามารถสรุปอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดังนี้:
ขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น: ประมาณ 10-12 กม./ลิตร ด้วยแรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งมากนัก
ขับขี่บนทางหลวงด้วยความเร็วคงที่: สามารถทำได้ดีกว่า 20 กม./ลิตร อย่างน่าทึ่ง ด้วยเกียร์ 9 จังหวะที่ช่วยรักษาความเร็วรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำและประหยัด
การใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมือง 50% / นอกเมือง 50%): เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14-16 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับ รถยนต์พรีเมียม ขนาดนี้
เทคโนโลยี Mild Hybrid ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ยังช่วยลดมลพิษและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบขึ้นในบางช่วงเวลา CLS 220 d AMG Premium จึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ขับขี่สบาย ที่มาพร้อม ประสิทธิภาพสูง และ ความคุ้มค่าด้านเชื้อเพลิง ในระยะยาว
ประสบการณ์การขับขี่: สมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความสปอร์ต
ในฐานะนักขับผู้ช่ำชอง ผมมองว่า สมรรถนะการขับขี่ ของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium นั้นถูกปรับแต่งมาอย่างยอดเยี่ยม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินได้ในทุกสถานการณ์
โหมดการขับขี่ (Dynamic Select):
ECO Mode: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการ ประหยัดน้ำมัน สูงสุด คันเร่งจะตอบสนองอย่างนุ่มนวล การเปลี่ยนเกียร์จะเกิดขึ้นที่รอบต่ำ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เป็นโหมดที่เหมาะกับการขับขี่แบบสบายๆ ในชีวิตประจำวัน
Comfort Mode: เป็นโหมดที่ผมแนะนำว่าครอบคลุมการใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางไกล การตอบสนองของคันเร่งและเกียร์มีความสมดุล ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการเร่งแซง และยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล เป็นโหมดที่มอบ ความสะดวกสบายสูงสุด ในการเดินทาง
Sport Mode: สำหรับผู้ที่ต้องการ ความสนุกในการขับขี่ และสัมผัสถึงพละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ คันเร่งจะตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ เกียร์จะค้างรอบเครื่องยนต์ไว้สูงขึ้นเพื่อพร้อมสำหรับการเร่งแซงในทันที ผมเคยทดลองกดคันเร่งในโหมด Sport เพียงไม่นาน ความเร็วก็พุ่งทะยานไปถึง 180 กม./ชม. ได้อย่างง่ายดาย การกล่าวว่า CLS รุ่นนี้ “อืด” เป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความจริงอย่างมาก
ความคล่องตัวเกินคาด: แม้จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ แต่ CLS 220 d AMG Premium กลับมีความคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจ การเลี้ยวกลับรถ การเข้าโค้ง หรือการขับลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยในเมือง สามารถทำได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ตอบสนองได้แม่นยำ ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจ
ช่วงล่างแบบสปอร์ตกับข้อแลกเปลี่ยน: เรื่องช่วงล่างคือจุดที่ผมต้องให้ข้อมูลเชิงลึกเป็นพิเศษ ระบบช่วงล่างของ CLS โฉมนี้ได้รับการปรับแต่งให้มีความ สปอร์ต มากกว่าความนุ่มนวลแบบย้วยๆ เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอาการโยนตัวหรือโคลงเคลง สร้างความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องพิจารณาคือยางรันแฟลตขนาด 20 นิ้ว (คู่หน้า 245/35R20, คู่หลัง 275/30R20) ที่มากับรถ ยางที่มีแก้มยางบางมากนี้ แม้จะดูสวยงามและเสริมความสปอร์ต แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องความนุ่มนวล เมื่อขับผ่านถนนขรุขระ หรือตกหลุมบ่อ จะรู้สึกสะท้านเข้ามาในห้องโดยสารมากกว่ายางธรรมดา และยังมีความเสี่ยงต่อความเสียหายของล้อและยางได้ง่ายขึ้น หากคุณเน้น ความสบายในการขับขี่ เป็นพิเศษ ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญอาจแนะนำให้พิจารณาการเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางที่มีความหนาขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความนุ่มนวลได้เป็นอย่างมาก โดยที่ยังคงความสปอร์ตของช่วงล่างไว้ได้
การเก็บเสียงระดับพรีเมียม: Mercedes-Benz ยังคงรักษามาตรฐานเรื่องการเก็บเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงลม เสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงยางบดถนน (ยกเว้นเสียงจากยางรันแฟลตกระทบผิวถนนที่ไม่เรียบ) ยังคงเล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลายและเพลิดเพลิน เหมาะสำหรับการพูดคุยหรือฟังเพลง
เทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: ก้าวล้ำเหนือคู่แข่ง
หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังคงน่าใช้ในปี 2025 คือชุด เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ติดตั้งมาให้ ซึ่งถือว่าล้ำหน้าสำหรับยุคนั้นและยังคงใช้งานได้ดีเยี่ยมในปัจจุบัน
ระบบ Blind Spot Assist (ระบบเตือนจุดอับสายตา): ไม่ใช่แค่เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับขณะขับขี่ แต่ยังรวมถึงระบบ Exit Warning ที่ช่วยเตือนเมื่อเรากำลังจะเปิดประตูรถแล้วมีรถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์วิ่งมาจากด้านหลัง ระบบนี้มีประโยชน์อย่างมากในการป้องกันอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในเมือง
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Active Brake Assist): ระบบนี้ไม่ได้แค่เตือนเมื่อรถเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป แต่ยังสามารถสั่งการเบรกอัตโนมัติได้ หากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองต่อคำเตือน สามารถตั้งค่าระดับการทำงานได้ว่าจะให้ระบบทำงานช้าหรือเร็ว และยังสามารถปิดระบบได้ตามความต้องการส่วนบุคคล ผมมองว่านี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ช่วยชีวิตได้จริง และเป็นสิ่งสำคัญที่ รถยนต์พรีเมียม ในยุคนี้ควรมี
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (Active Parking Assist): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด ระบบนี้จะช่วยค้นหาช่องจอดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการจอดเทียบข้างหรือจอดเข้าซอง และนำรถเข้าจอดให้เองโดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องหมุนพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง แค่ควบคุมคันเร่งและเบรกเท่านั้น นับเป็น ระบบขับขี่อัตโนมัติ บางส่วนที่ทำให้การจอดรถไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: นี่คือฟีเจอร์ที่ผมใช้บ่อยที่สุดในการขับขี่ประจำวัน ระบบกล้องรอบคันช่วยให้มองเห็นภาพรถได้จากทุกมุม ลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนกับสิ่งกีดขวาง หรือแม้แต่การจอดเทียบฟุตบาทได้อย่างแม่นยำ สามารถเลือกดูมุมกล้องแต่ละมุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยเพิ่ม ความปลอดภัยในการขับขี่ และความมั่นใจอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ วัสดุภายในและงานประกอบยังคงรักษามาตรฐานความหรูหราของ Mercedes-Benz ได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ระบบ Infotainment ที่ใช้งานง่าย พร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ยังคงมอบความสะดวกสบายและความบันเทิงได้อย่างไม่มีที่ติ
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: การลงทุนที่คุ้มค่าในตลาดรถมือสอง
ณ ปี 2025 แม้ว่าคุณจะไม่สามารถหารถใหม่เอี่ยมจากโชว์รูมได้ง่ายๆ อีกต่อไปสำหรับรุ่น CLS 220 d AMG Premium แต่กลับเป็นโอกาสทองสำหรับตลาด รถยนต์มือสอง ด้วยเหตุผลหลายประการ:
ราคาที่เข้าถึงได้: เมื่อเป็น รถยนต์มือสอง ราคาของ CLS 220 d AMG Premium ย่อมลดลงจากราคาป้ายแดงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ที่เคยใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ รถเบนซ์ CLS สามารถเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้นมาก นี่คือ รถยนต์พรีเมียมราคาคุ้มค่า ที่คุณไม่ควรพลาด
ดีไซน์ที่ “ไม่ตกรุ่น”: อย่างที่กล่าวไปแล้ว ดีไซน์ของ CLS โฉมนี้มีความเป็นอมตะ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่ารถจะดูเก่าหรือล้าสมัย นี่คือการลงทุนในสไตล์ที่ไม่ต้องตามแฟชั่น
ความน่าเชื่อถือของแบรนด์: Mercedes-Benz ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพการผลิตและความทนทาน บำรุงรักษารถเบนซ์ อย่างสม่ำเสมอตามระยะทาง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อีกนานปี และ อะไหล่เบนซ์ CLS ก็ยังคงหาได้ไม่ยากนักในศูนย์บริการหรืออู่นอกที่มีความเชี่ยวชาญ
ทางเลือกที่แตกต่างจาก EV: ท่ามกลางกระแส รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ที่กำลังมาแรง CLS 220 d AMG Premium มอบทางเลือกที่ยังคงเน้นประสบการณ์การขับขี่แบบดั้งเดิม ความประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ยังคงเป็นจุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะสำหรับการเดินทางไกลที่โครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จอาจยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา ซื้อรถเบนซ์มือสอง โดยเฉพาะรุ่น CLS 220 d AMG Premium ผมขอแนะนำให้พิจารณาแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษา และทำการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รถที่มีคุณภาพและคุ้มค่าที่สุด
บทสรุป: CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในปี 2025
โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็น รถสปอร์ตซีดาน สี่ประตูท้ายลาดที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และมีคุณค่าในตัวเองสูงมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราสง่างาม ผสมผสานกับความสปอร์ตที่โดดเด่น แต่ยังคงไว้ซึ่งความกว้างขวางและความสะดวกสบายภายใต้เรือนร่างแบบคูเป้ เป็นรถที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน ไม่ว่าจะในเมืองที่การจราจรหนาแน่น หรือการเดินทางไกลข้ามจังหวัด CLS คันนี้จะพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และมีสไตล์
คุณภาพของวัสดุ งานประกอบ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้ ยังคงรักษามาตรฐานของ Mercedes-Benz ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ CLS 220 d AMG Premium เป็นอีกหนึ่ง รถยนต์พรีเมียม ที่น่าสนใจและคุ้มค่าอย่างยิ่งในตลาด รถเบนซ์มือสอง ในปัจจุบัน
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง หรูหรา มีสไตล์ และมาพร้อม ความคุ้มค่า ในระยะยาว อย่าปล่อยให้โอกาสที่จะได้ครอบครองตำนานคันนี้หลุดลอยไป
เชิญสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ด้วยตัวคุณเองวันนี้ และค้นพบว่าทำไมรถคันนี้ถึงยังคงเป็นที่ต้องการของนักขับผู้หลงใหลในความสมบูรณ์แบบ!
![[ครบชุด] TQ11056 เด็กชายผู้มีพลังลึกลับ แค่กระพริบตา สรรพสัตว์ก็พูดคุยกับเขาได้ทันที!](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-351.png)
![[ครบชุด] TQ11057 Facebook (28)](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-352.png)