[ครบชุด] TQ11157 Facebook (17)

Toyota Yaris ATIV HEV ปี 2025: ยกระดับประสบการณ์ B-Segment สู่มิติใหม่แห่งสมรรถนะและความประหยัด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของตลาดรถยนต์ B-Segment มาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 นี้ สิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำคือการมาถึงของ Toyota Yaris ATIV HEV ที่ไม่ได้เป็นเพียงการ “อัปเกรด” แต่เป็นการ “ปฏิวัติ” ที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในพิกัดนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมมั่นใจว่า Yaris ATIV HEV คือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหาสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัย ความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ และที่สำคัญที่สุดคือ “ช่วงล่าง” ที่เหนือชั้นจนคุณต้องประหลาดใจ

ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดเลือกและมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์หรือราคาอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ “ประสบการณ์” การขับขี่ที่ครบวงจร ตั้งแต่ความนุ่มนวลในการเดินทางในเมือง ไปจนถึงความมั่นคงในยามเดินทางไกล การตอบสนองที่ฉับไวของเครื่องยนต์ และความอุ่นใจจากระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Yaris ATIV HEV ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติเหล่านี้อย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะการนำเสนอสองทางเลือกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือรุ่น HEV Premium และ HEV GR SPORT ซึ่งแต่ละรุ่นมีบุคลิกเฉพาะตัวที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เลือกรถที่ “ใช่” สำหรับตัวเองอย่างแท้จริง

หัวใจแห่งอนาคต: เจาะลึกระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ก้าวล้ำ

เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฮบริด หลายคนอาจจะนึกถึงเพียงแค่ความประหยัดน้ำมัน แต่สำหรับ Toyota Yaris ATIV HEV นั้น เทคโนโลยีไฮบริด 1.5 ลิตร e-Smart Hybrid ที่บรรจุอยู่ใต้ฝากระโปรงคือหัวใจสำคัญที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การนำเครื่องยนต์เบนซินมารวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบผิวเผิน แต่เป็นการผนวกกำลังอย่างชาญฉลาดที่สะท้อนถึงวิศวกรรมระดับโลกของ Toyota ที่สั่งสมมานานกว่าสองทศวรรษในด้านยานยนต์ไฮบริด

เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Dynamic Force Engine แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT-i ถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีพละกำลังรวมสูงสุด 112 แรงม้า (หรือ 82 kW) ที่มาพร้อมแรงบิด 122 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ และอีก 141 นิวตันเมตรจากมอเตอร์ไฟฟ้า สิ่งที่น่าสนใจคือการปรับจูน ECU (Engine Control Unit) ใหม่ทั้งหมด พร้อมกับการปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศและระบบปั๊มน้ำ ให้สามารถเก็บความร้อนได้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจุดระเบิด ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นี่คือความใส่ใจในรายละเอียดที่ส่งผลโดยตรงต่อ “อัตราการประหยัดน้ำมัน” ที่ก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่ง

จากการทดสอบในสภาวะการขับขี่จริงบนเส้นทางที่หลากหลาย ผมพบว่าตัวเลขความประหยัดน้ำมันที่ Toyota เคลมไว้ที่ 29.4 กม./ลิตร ในมาตรฐาน WLTC นั้นสามารถทำได้จริง และในบางสภาวะการขับขี่แบบเน้นความประหยัด ผมสามารถรีดตัวเลขได้สูงถึง 32 กม./ลิตรเลยทีเดียว ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในรถยนต์ B-Segment ที่ปกติแล้วการทำตัวเลขในระดับนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ตัวเลขยังคงวนเวียนอยู่แถว 24-25 กม./ลิตร ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นี่คือข้อพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีไฮบริด e-Smart ของ Toyota ได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อมอบ “ความคุ้มค่าสูงสุด” ให้กับผู้ใช้งานในระยะยาว

ระบบเกียร์ E-CVT (Electric Continuously Variable Transmission) ทำงานได้อย่างราบรื่นและไร้รอยต่อ การเปลี่ยนผ่านระหว่างการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (EV Mode) กับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก ทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลายและไร้ความกังวล สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดมลพิษ แต่ยังช่วยลดความเครียดจากการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Toyota Yaris ATIV HEV แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนในตลาด รถยนต์ไฮบริด ปี 2025

ปฏิวัติช่วงล่าง: มิติใหม่แห่งความมั่นคงและนุ่มนวลใน B-Segment

หากจะบอกว่า Toyota Yaris ATIV HEV มี “ช่วงล่างดีที่สุดในคลาส” ผมคงต้องยืนยันจากประสบการณ์ตรงกว่าสิบปีว่านี่ไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่เกินจริง และนี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Yaris ATIV HEV ไม่ใช่แค่รถไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน แต่เป็นรถยนต์ที่มอบ “สมรรถนะการขับขี่” ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง

พื้นฐานโครงสร้างตัวถังด้านหลังของ Yaris ATIV HEV ได้รับการถ่ายทอดและเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติมจาก Toyota Yaris Cross ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความแข็งแกร่งและมั่นคง การปรับเปลี่ยนนี้ไม่ใช่แค่การเสริมเหล็กหรือเพิ่มจุดเชื่อม แต่เป็นการออกแบบโครงสร้างใหม่ให้สามารถรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากชุดแบตเตอรี่ไฮบริดและมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่ยังคงรักษาจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพในการขับขี่

เมื่อน้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นประมาณ 100 กก. ในรุ่น Premium และถึง 120 กก. ในรุ่น GR SPORT ทีมวิศวกรของ Toyota ไม่ได้เพียงแค่เปลี่ยนสปริงและโช้คอัพ แต่เป็นการ “ปรับจูนใหม่ทั้งหมด” (Recalibration) โดยพิจารณาถึงค่า K ของสปริง, แรงหน่วงของโช้คอัพ, และบุชยางต่างๆ อย่างละเอียดลออ เพื่อให้ได้สมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด

สำหรับรุ่น HEV GR SPORT:
ช่วงล่างถูกปรับจูนมาในแนวสปอร์ตอย่างชัดเจน ให้ความรู้สึก “กระชับ” และ “มั่นคง” อย่างยอดเยี่ยม การยุบตัวและการคืนตัวของช่วงล่างทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การควบคุมรถในทางโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นใจ อาการโคลงตัวมีน้อยมาก ผมได้ทดลองขับขี่บนเส้นทางที่คดเคี้ยวและทางหลวงที่ใช้ความเร็วสูง พบว่า GR SPORT ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ราวกับกำลังขับรถยนต์ในคลาสที่สูงกว่า การซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบก็ทำได้ดีเกินคาด ไม่ได้แข็งกระด้างจนรู้สึกไม่สบาย แต่ให้ความรู้สึกเฟิร์มที่สร้างความมั่นใจในการควบคุม
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ของรุ่น GR SPORT ก็ได้รับการปรับจูนมาเป็นพิเศษ มีน้ำหนักที่เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว ในความเร็วต่ำการเลี้ยวเป็นไปอย่างเบาสบาย แต่เมื่อความเร็วสูงขึ้นน้ำหนักพวงมาลัยจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การควบคุมรถมีความแม่นยำและมั่นคงสูง ลดอาการ “วอกแวก” ที่มักพบในรถยนต์ B-Segment ทั่วไปได้อย่างน่าประทับใจ
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ “ชุดแต่ง GR SPORT Aero Package” ซึ่งไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างแท้จริง ในความเร็วที่เกิน 100 กม./ชม. ชุดแต่งนี้จะช่วยเพิ่มแรงกดอากาศ (Downforce) ให้กับตัวรถได้มากถึง 30% ส่งผลให้รถยนต์มี “การยึดเกาะถนน” ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณขับขี่ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. Yaris ATIV HEV GR SPORT จะให้ความรู้สึกที่นิ่งและมั่นคง ไม่ต่างจากการขับรถยนต์ขนาดใหญ่กว่าอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับรุ่น 1.2 ลิตร ที่ความเร็วเดียวกันอาจจะรู้สึกถึงความกังวลและต้องกำพวงมาลัยแน่นกว่า

สำหรับรุ่น HEV Premium:
ช่วงล่างของรุ่น Premium ถูกปรับจูนมาเน้นที่ “ความนุ่มนวล” และ “ความสบาย” ในการเดินทาง เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขับขี่ในเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่หลากหลาย หลุมบ่อ หรือคอสะพานต่างๆ รุ่น Premium สามารถซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง แม้จะไม่ได้มีความสปอร์ตดุดันเท่า GR SPORT แต่ก็ยังคงความมั่นคงและไม่ยวบยาบจนเกินไป
พวงมาลัยของรุ่น Premium จะมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย เหมาะสำหรับสุภาพสตรี หรือผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่คล่องตัวในเมือง การเลี้ยวกลับรถหรือการเข้าจอดทำได้ง่ายและสะดวกสบาย โดยยังคงให้ความรู้สึกมั่นคงในยามใช้ความเร็วระดับปานกลาง

โดยรวมแล้ว การปรับจูนช่วงล่างและพวงมาลัยของ Toyota Yaris ATIV HEV ทั้งสองรุ่น ได้รับการพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Toyota ในการมอบ “ประสบการณ์การขับขี่” ที่เหนือกว่าในทุกมิติ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แทบไม่มีรถในระดับเดียวกันทำได้ดีเท่านี้

การทดสอบจริง: ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมาย

จากประสบการณ์การทดสอบขับขี่บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง – พัทยา ซึ่งครอบคลุมทั้งการจราจรในเมือง, ถนนหลวงความเร็วสูง และเส้นทางที่มีความคดเคี้ยว ผมสามารถสรุปความประทับใจได้อย่างชัดเจนดังนี้:

เมื่อเริ่มต้นการเดินทางด้วย Yaris ATIV HEV GR SPORT สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความกระชับของช่วงล่างที่ไม่ได้แข็งกระด้าง แต่ให้ความรู้สึกเฟิร์มที่สร้างความมั่นใจได้อย่างทันทีทันใด การเก็บอาการของพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ, รอยต่อถนน, หรือแม้แต่หลุมบ่อขนาดเล็ก ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงกระแทกมีน้อยมาก และการทรงตัวของรถยนต์ก็อยู่ในระดับพรีเมียมอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเข้าสู่เส้นทางหลวงที่ใช้ความเร็วสูง ผมได้ทดสอบประสิทธิภาพของชุดแต่ง GR SPORT ที่ช่วยเพิ่มแรงกดอากาศ รถยนต์ให้ความรู้สึกที่ “นิ่ง” และ “เกาะถนน” อย่างชัดเจน การเปลี่ยนเลนหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจ โดยไม่รู้สึกถึงอาการโคลงเคลงหรือท้ายปัดแต่อย่างใด นี่คือความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับรถยนต์ B-Segment ทั่วไปที่มักจะให้ความรู้สึก “เบา” และ “ไม่มั่นคง” เมื่อใช้ความเร็วสูง

ในส่วนของอัตราเร่ง Yaris ATIV HEV อาจจะไม่ได้โดดเด่นในเรื่องความจัดจ้านแบบรถสปอร์ตจ๋า แต่ด้วยพละกำลังรวมจากระบบไฮบริด ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงทำได้อย่าง “ทันใจ” และ “ต่อเนื่อง” ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญคือความนุ่มนวลในการส่งกำลังที่แทบไม่มีอาการกระชาก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างผ่อนคลาย

เมื่อสลับมาขับ Yaris ATIV HEV Premium สิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือความแตกต่างของบุคลิก ช่วงล่างของรุ่น Premium ให้ความรู้สึกที่ “นุ่มนวล” กว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงความมั่นคงไว้ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสบายในการขับขี่เป็นหลัก การซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบทำได้ยอดเยี่ยม ทำให้การเดินทางในเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย พวงมาลัยที่เบาขึ้นก็ช่วยให้การควบคุมรถในพื้นที่แคบหรือการจราจรติดขัดเป็นเรื่องง่าย และถึงแม้จะเน้นความนุ่มนวล แต่เมื่อต้องใช้ความเร็วบนทางหลวง ตัวรถก็ยังคงให้ความมั่นคงที่เพียงพอ ไม่ได้รู้สึกยวบยาบจนขาดความมั่นใจ ซึ่งนับว่าเป็นการปรับจูนที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความผ่อนคลายในการขับขี่

ภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี: ความพรีเมียมที่สัมผัสได้

นอกเหนือจากสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ภายในห้องโดยสารของ Yaris ATIV HEV ก็ได้รับการออกแบบให้มีความ “พรีเมียม” เกินกว่าราคาค่าตัว วัสดุที่ใช้มีคุณภาพดี การประกอบประณีต เบาะนั่งโอบกระชับและให้ความสบายในการเดินทางไกล พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่นั่งได้ไม่อึดอัด

ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ พร้อมรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (แบบไร้สายในรุ่นท็อป) ช่วยให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างง่ายดาย ลำโพงจาก Pioneer ในรุ่นท็อป แม้จะไม่ได้ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-End แต่ก็ให้มิติเสียงที่คมชัดและเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ทำได้ง่ายและสะดวก

ในด้าน “ความปลอดภัยรถยนต์” Yaris ATIV HEV มาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense ที่ประกอบด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงหลายรายการ เช่น ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert) พร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (LDA with Steering Assist) และระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitor) เป็นต้น ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ส่วนตัว ระบบช่วยเหลือเหล่านี้ยังคงเป็น “ผู้ช่วย” และไม่สามารถทดแทนการตัดสินใจของผู้ขับขี่ได้ 100% จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวังและไม่ละเลยการควบคุมรถยนต์ด้วยตนเอง

ความคุ้มค่าในระยะยาว: การลงทุนที่ชาญฉลาดสำหรับปี 2025

Toyota Yaris ATIV HEV เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่น่าสนใจสำหรับปี 2025:
HEV Premium: 719,000 บาท (ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว)
HEV GR SPORT: 769,000 บาท (ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว)
หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2025 ราคาจะปรับขึ้นรุ่นละ 10,000 บาท เป็น 729,000 – 779,000 บาท

ราคาเหล่านี้เมื่อพิจารณาถึง “เทคโนโลยีไฮบริด” ที่ได้รับ, “สมรรถนะการขับขี่” ที่เหนือชั้น, และ “ช่วงล่าง” ที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ถือเป็น “ความคุ้มค่า” ที่ยากจะหาคู่แข่งในตลาด B-Segment มาเทียบเคียงได้ นอกจากนี้ Toyota ยังมอบความอุ่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และที่สำคัญคือ “รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง” ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาในระยะยาวของระบบไฮบริดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในยุคที่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ Yaris ATIV HEV คือคำตอบที่ช่วย “ประหยัดค่าใช้จ่าย” ได้อย่างยั่งยืน ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น และชื่อเสียงของ Toyota ในเรื่อง “ความทนทาน” และ “ค่าบำรุงรักษา” ที่สมเหตุสมผล รวมถึง “อะไหล่” ที่หาได้ง่าย ไม่ต้องรอนาน ทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดคันนี้เป็น “การลงทุนที่ชาญฉลาด” อย่างแท้จริง

บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ: Yaris ATIV HEV คือนิยามใหม่ของ B-Segment

กว่าสิบปีที่ผมได้เฝ้าดูการแข่งขันในตลาดรถยนต์ B-Segment ผมไม่เคยเห็นรถยนต์รุ่นใดที่สามารถนำเสนอความสมดุลที่ลงตัวระหว่าง “ความประหยัด” “สมรรถนะ” และ “ความคุ้มค่า” ได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่ากับ Toyota Yaris ATIV HEV ทั้งสองรุ่นย่อย HEV Premium และ HEV GR SPORT ต่างมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนราวกับรถคนละคัน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างลงตัว

หากคุณคือผู้ที่มองหารถยนต์ B-Segment ที่มอบ “ความสบาย” ในการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก พร้อมความประหยัดน้ำมันสูงสุด และความนุ่มนวลในการเดินทางไกล รุ่น HEV Premium คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม แต่หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่ “สนุก” “กระชับ” มั่นใจในทุกย่านความเร็ว และต้องการรถที่ตอบสนองได้ดั่งใจ พร้อมดีไซน์ที่สปอร์ตดุดัน รุ่น HEV GR SPORT คือคำตอบที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความเร้าใจ

Toyota Yaris ATIV HEV ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด แต่เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของรถยนต์ในพิกัดเดียวกัน ด้วยวิศวกรรมช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างละเอียดอ่อน และการผสานรวมกันของระบบขับเคลื่อนที่ชาญฉลาด ทำให้มันสามารถสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้กับตลาด B-Segment ได้อย่างแท้จริงในปี 2025 นี้

อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมด แต่จงมาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม Toyota Yaris ATIV HEV จึงเป็นรถยนต์ที่คุณรอคอยมานาน พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองวันนี้ที่ผู้แทนจำหน่าย Toyota ทั่วประเทศ และเริ่มต้นการเดินทางสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ที่เหนือกว่าในทุกมิติ