JAECOO 5 EV: ปฏิวัติวงการ B-SUV ไฟฟ้าไทยปี 2025 ด้วยราคาและเทคโนโลยีที่ไร้คู่แข่ง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยมาโดยตลอด และปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้บริโภคมีความต้องการ รถ EV ที่เข้าถึงง่าย มีสมรรถนะที่ตอบโจทย์ และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน แบรนด์น้องใหม่อย่าง OMODA & JAECOO ก็ได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิแห่งนี้อย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัว JAECOO 5 EV ซึ่งผมกล้าพูดได้เลยว่านี่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงนิยามของ รถ SUV ไฟฟ้า ขนาด B-Segment ในตลาดไทยไปตลอดกาล ด้วย ราคา EV ที่น่าตกตะลึงเริ่มต้นเพียง 599,000 บาท ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ท้าทายคู่แข่งในทุกมิติ
ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ไทยในปี 2025 กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด การสนับสนุนจากภาครัฐ มาตรการลดภาษี และการขยายตัวของสถานีชาร์จทั่วประเทศ ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ความกังวลเรื่อง แบตเตอรี่รถ EV และระยะทางวิ่งเคยเป็นอุปสรรคสำคัญ ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ได้พัฒนาไปไกลมาก และ JAECOO 5 EV ก็คือหนึ่งในผลลัพธ์ของนวัตกรรมนั้น ที่ไม่ได้เพียงแค่ราคาดี แต่ยังมาพร้อมแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความปลอดภัยระดับพรีเมียม ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกทุกแง่มุมของ JAECOO 5 EV คันนี้ เพื่อให้เห็นภาพว่าทำไมรถคันนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ “ดีเวอร์” อย่างแท้จริง
JAECOO 5 EV: การออกแบบที่ผสานความแข็งแกร่งและสไตล์โมเดิร์น
สิ่งที่โดดเด่นของ JAECOO 5 EV ตั้งแต่แรกเห็นคือการออกแบบภายนอกที่ดูแข็งแกร่ง แต่ยังคงไว้ซึ่งความทันสมัยในสไตล์ “Modern Boxy SUV” ซึ่งเป็นทิศทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน จากประสบการณ์ของผม การออกแบบลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ให้ภาพลักษณ์ที่บึกบึน แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางและใช้งานได้จริงอีกด้วย มิติตัวถังที่ยาว 4,380 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,650 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,700 มม. ทำให้ JAECOO 5 EV มีขนาดกำลังพอดีสำหรับการใช้งานในเมืองที่คล่องตัว และยังเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกลแบบครอบครัวเล็กๆ นอกจากนี้ ระยะความสูงใต้ท้องรถ 174 มม. ยังมอบความอุ่นใจในการขับขี่บนถนนที่หลากหลายสภาพในประเทศไทย
ด้านหน้าของรถถูกออกแบบให้ดุดันด้วยกันชนขนาดใหญ่ดีไซน์เหลี่ยม มาพร้อมกับแผงกระจังหน้าโปร่งใสที่ประทับตราชื่อแบรนด์ J A E C O O ไว้ตรงกลางอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นการปรับลุคที่ชาญฉลาดจากเวอร์ชันเครื่องยนต์สันดาป ทำให้ JAECOO 5 EV ดูเป็น รถ EV อย่างแท้จริง ไฟหน้า LED ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสองข้างถูกจัดวางอย่างลงตัว มอบแสงสว่างที่คมชัดและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม เส้นสายด้านข้างเน้นความเรียบหรู พร้อมเส้นนำสายตาที่ลากยาวจากไฟหน้าจรดไฟท้าย สร้างความต่อเนื่องและโฉบเฉี่ยว มือจับประตูเป็นแบบปกติที่ใช้งานง่าย ส่วนล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 – 19 นิ้ว ไม่เพียงแต่เสริมความสปอร์ต แต่ยังได้รับการออกแบบให้มีส่วนช่วยในการลดแรงต้านอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระยะทางวิ่ง ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนถึงความเข้าใจในการออกแบบ รถยนต์ไฟฟ้า ของทีมวิศวกร
ส่วนท้ายรถติดตั้งไฟท้าย LED แนวนอนยาวเต็มความกว้างของตัวรถ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ รถ EV ยุคใหม่ เพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาขนาดใหญ่ และดิฟฟิวเซอร์พลาสติกสีดำที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความแข็งแกร่ง ปิดท้ายด้วยราวหลังคาสีบรอนซ์เงินแบบตายตัวที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังสามารถใช้งานได้จริงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยหรือต้องการบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ผมมองว่า JAECOO 5 EV สามารถยืนหยัดได้อย่างสง่างามในตลาด รถ SUV ไฟฟ้า ที่มีการแข่งขันสูง
ภายใน JAECOO 5 EV: ความลงตัวของมินิมอลและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ JAECOO 5 EV คุณจะพบกับความประทับใจในสไตล์มินิมอลที่ผสานกับ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ได้อย่างลงตัว แผงแดชบอร์ดถูกออกแบบให้เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสองก้าน มอบข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจนและง่ายต่อการอ่าน พวงมาลัยเองก็ให้สัมผัสที่ดีและควบคุมง่าย ตอบโจทย์การขับขี่ทั้งในเมืองและการเดินทางไกล
สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของห้องโดยสารคือ หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 13.2 นิ้ว ที่ติดตั้งในแนวตั้งบนคอนโซลกลาง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมใน รถ EV ยุคใหม่ หน้าจอขนาดใหญ่นี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงและการเชื่อมต่อ แต่ยังรองรับการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้อย่างสะดวกสบาย ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและทันสมัย ทั้งยังมาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคนยุคใหม่
JAECOO 5 EV ไม่ได้ละเลยเรื่องความสะดวกสบายและประสบการณ์การขับขี่ ด้วยชุดอุปกรณ์ภายในที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Push Start, กุญแจรีโมท Keyless Entry, ชุดไฟ Ambient Light ที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามใจชอบ และระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจาก Sony พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่มอบมิติเสียงคมชัดเต็มอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า หลายคนมองหา เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทาง นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกส่วนซ้าย-ขวา ช่วยให้ผู้โดยสารแต่ละฝั่งสามารถตั้งอุณหภูมิที่ต้องการได้ มอบความเย็นสบายสูงสุดในสภาพอากาศเมืองไทย และเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่
เบาะที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและนั่งสบาย เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า ช่วยให้หาตำแหน่งการขับขี่ที่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย ส่วนเบาะหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญสำหรับ รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเริ่มต้นที่ 480 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,284 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง ซึ่งเพียงพอต่อการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬา สัมภาระเดินทาง หรือแม้กระทั่งของใช้ในชีวิตประจำวัน ผมมองว่านี่คือการออกแบบภายในที่เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
สมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพพลังงาน: หัวใจของรถ EV ยุคใหม่
หัวใจหลักของ JAECOO 5 EV คือสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและประสิทธิภาพพลังงานที่เหนือกว่าในเซกเมนต์เดียวกัน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่มอบพละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 288 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ทำให้ JAECOO 5 EV มีอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจ โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 km/h ได้ภายใน 7.7 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วและสนุกสนานสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงหรือการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ผมเชื่อว่าประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบและไร้การสั่นสะเทือนของ รถ EV จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานทุกคน
ในส่วนของ แบตเตอรี่รถ EV JAECOO 5 EV มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 58.9 kWh ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในประเทศไทย โดยสามารถวิ่งระยะทางได้สูงสุด 461 km. ตามมาตรฐาน NEDC และที่สำคัญคือ 400 km. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับสภาพการขับขี่จริงมากกว่า จากประสบการณ์ของผม ระยะทาง 400 km. WLTP ถือว่าเพียงพอและใช้งานได้จริงสำหรับการเดินทางระหว่างจังหวัดส่วนใหญ่ หรือสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นเวลาหลายวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ ความกังวลเรื่อง ระยะทางวิ่งรถ EV จึงลดน้อยลงไปมาก ด้วยโครงสร้าง แบตเตอรี่ EV ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อความทนทานและประสิทธิภาพสูงสุด
การชาร์จไฟก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า JAECOO 5 EV รองรับหัวชาร์จ Type2 / CCS Combo ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้ในประเทศไทย ทำให้การเข้าถึง สถานีชาร์จรถไฟฟ้า สาธารณะเป็นเรื่องง่าย สำหรับการชาร์จกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 11 kW ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานในช่วงข้ามคืน ทำให้รถพร้อมใช้งานเต็มที่ในเช้าวันใหม่ ส่วนการชาร์จกระแสตรง DC รองรับสูงสุด 80 kW ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับต่ำสุดไปถึง 80% ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสำหรับการแวะชาร์จระหว่างการเดินทางไกล ผมมองว่าระบบการชาร์จนี้ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและการใช้งานจริงในยุค 2025 ได้อย่างครบครัน
ความปลอดภัยระดับสูงสุด: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยรถ EV เป็นอันดับต้นๆ และ JAECOO 5 EV ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ ซึ่งเป็นการผสานรวม เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ล้ำสมัยเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระของผู้ขับขี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ระบบเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงลูกเล่น แต่เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ในยุคปัจจุบัน
ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ที่โดดเด่นของ JAECOO 5 EV (รุ่น Dynamic) ได้แก่:
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB): ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control – ACC): ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ ทำให้การเดินทางไกลสะดวกสบายขึ้น
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันหน้า
ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW) และระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน (LKA): ช่วยให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ระยะยาว
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ (TJA): อำนวยความสะดวกในการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด
ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot – BSM): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู (DOW): ป้องกันการเปิดประตูโดยไม่ตั้งใจเมื่อมีรถหรือจักรยานยนต์ผ่าน
ระบบช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (ELK): ช่วยให้การเปลี่ยนเลนปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น
ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง (RCTB): เพิ่มความปลอดภัยในการถอยจอดและออกจากช่องจอด
ระบบป้องกันการออกนอกเลน (LDP): ทำงานร่วมกับ LDW เพื่อป้องกันรถออกนอกเลน
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IES): เสริมประสิทธิภาพการเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบแจ้งเตือนการออกตัว (DAI): แจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
ระบบเตือนการชนด้านหลัง (RCW): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะถูกชนท้าย
ระบบจำกัดความเร็วแบบแอ็คทีฟ (ASL): ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมความเร็วได้ตามที่กำหนด
ระบบเบรกอัตโนมัติป้องกันการชน (MCB): เบรกอัตโนมัติหลังการชนเพื่อป้องกันการชนซ้ำ
นอกจากนี้ ยังมีกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และฟังก์ชันแสดงภาพใต้พื้นรถ 540 องศา ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่น่าประทับใจ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบคันรถได้อย่างละเอียด รวมถึงเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกันเป็นแพ็คเกจความปลอดภัยที่ครบครัน มอบความมั่นใจและความอุ่นใจในการขับขี่ในทุกเส้นทาง
JAECOO 5 EV ในปี 2025: ราคาที่สร้างมาตรฐานใหม่และตัวเลือกที่คุ้มค่า
จากการวิเคราะห์ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2025 ผมมองว่า JAECOO 5 EV เข้ามาในเวลาที่เหมาะสมและด้วยกลยุทธ์ที่เฉียบขาด การเปิดตัวด้วย ราคา EV เริ่มต้นที่ 599,000 บาท สำหรับรุ่น Max และ 549,000 บาท สำหรับรุ่น Dynamic (ข้อมูลอาจมีการปรับเปลี่ยนจากช่วงเปิดตัว) ถือเป็นการประกาศศักดาอย่างชัดเจนว่า JAECOO ต้องการเป็นผู้เล่นหลักในตลาด รถ SUV ไฟฟ้า ขนาด B-Segment ที่มีราคาเข้าถึงง่าย แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยี
เมื่อพิจารณาถึงอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับในราคาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut และด้านหลัง Multi-Link ที่มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและเกาะถนน โหมดการขับขี่ ECO / Normal / Sport ที่ปรับได้ตามอารมณ์และสภาพการขับขี่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55 R18 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับ รถ SUV ไฟฟ้า ขนาดนี้ ทั้งหมดนี้รวมถึงระบบความปลอดภัย ADAS ขั้นสูง ทำให้ JAECOO 5 EV เป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” อย่างแท้จริง
สีตัวถังภายนอกที่มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ Carbon Black, สีเทา Cloudy Grey, สีขาว Snowy White และสีน้ำเงิน Bahamas Blue พร้อมสีภายในห้องโดยสาร 2 สี คือ สีเทา Light Grey และสีดำ Black ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลาย เพื่อให้รถยนต์สะท้อนสไตล์ส่วนตัวได้อย่างแท้จริง ผมมองว่าความลงตัวทั้งด้านราคา เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และดีไซน์ ทำให้ JAECOO 5 EV ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ยังเป็น disruptive force ที่จะเขย่าตลาด รถ EV ในประเทศไทยในปี 2025
บทสรุปและก้าวต่อไป
JAECOO 5 EV ไม่ได้เป็นเพียง รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ที่เข้ามาในตลาด แต่เป็นการประกาศถึงยุคใหม่ของ รถ SUV ไฟฟ้า ที่เน้นความคุ้มค่า เทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ และสมรรถนะที่น่าประทับใจ ด้วย ราคา EV ที่แข่งขันได้ พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น ภายในที่ทันสมัยและใช้งานง่าย ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทรงพลัง และที่สำคัญที่สุดคือชุดระบบความปลอดภัย ADAS ที่ครบครัน ผมเชื่อว่า JAECOO 5 EV จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหา รถ EV คันแรก หรือต้องการอัปเกรดจากรถยนต์สันดาปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การก้าวเข้ามาของ OMODA & JAECOO ด้วยผลิตภัณฑ์อย่าง JAECOO 5 EV แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ รถ SUV ไฟฟ้า คันนี้ด้วยตัวท่านเอง เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
JAECOO 5 EV กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้าไทยในปี 2025 อย่าพลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้!
สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ JAECOO 5 EV พร้อมโปรโมชั่นพิเศษวันนี้! เยี่ยมชมโชว์รูม OMODA & JAECOO ใกล้บ้านท่าน หรือลงทะเบียนเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองขับได้ที่เว็บไซต์ทางการของเราตอนนี้!
![[ครบชุด] TQ11199 ฝ่าบาท เจ้าฟูกว๋อของพระองค์สามารถเคลื่อนย้ายได้ในพริบตา](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-489.png)
![[ครบชุด] TQ11200 Facebook (32)](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-490.png)