[ครบชุด] 1211056 สะกดรอยตามป้าทำไม

JAECOO 5 EV: กำหนดนิยามใหม่ของ B-SUV ไฟฟ้า พร้อมบุกตลาดไทยปี 2025 ด้วยราคาที่เหนือความคาดหมาย

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมเฝ้าจับตาพัฒนาการของตลาดรถ EV ทั่วโลกมาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจับตา ด้วยการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ๆ และโมเดลที่น่าสนใจมากมาย และหนึ่งในนั้นที่ผมอยากจะเน้นย้ำถึงศักยภาพที่ “พลิกเกม” ได้อย่างแท้จริง ก็คือ JAECOO 5 EV จากแบรนด์ OMODA & JAECOO ซึ่งได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะ B-SUV ไฟฟ้า ที่มาพร้อมราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท ซึ่งถือเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด รถไฟฟ้า กลุ่มนี้

การมาของ JAECOO 5 EV ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มตัวเลือกในตลาด SUV ไฟฟ้า ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการนำเสนอแพ็กเกจที่ครบครัน ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ ที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังต้องมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน ปลอดภัย และคุ้มค่า ราคา รถไฟฟ้า ที่ประกาศออกมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจใน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ไทย อย่างลึกซึ้ง และความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเซกเมนต์ B-SUV EV

JAECOO 5 EV: สองทางเลือก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

JAECOO 5 EV พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย 2 รุ่นย่อยหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือก รถ EV ที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณได้อย่างลงตัว:

JAECOO 5 EV Dynamic: 549,000 บาท
JAECOO 5 EV Max: 599,000 บาท

จากการวิเคราะห์ ราคา รถไฟฟ้า ในปัจจุบัน การเริ่มต้นที่ 549,000 บาท สำหรับรุ่น Dynamic ถือเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ทำให้ JAECOO 5 EV กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในกลุ่ม SUV ไฟฟ้า พร้อมมอบความคุ้มค่าตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น โดยยังคงได้รับแก่นแท้ของประสบการณ์ JAECOO EV อย่างครบถ้วน ส่วนรุ่น Max ที่มีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ย่อมมาพร้อมกับฟีเจอร์และอุปกรณ์ที่เสริมความสะดวกสบายและเทคโนโลยีให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความครบครันสูงสุดในงบประมาณที่จำกัด

มิติและโครงสร้าง: ความลงตัวของขนาดและพื้นที่ใช้สอย

ในฐานะ B-SUV ไฟฟ้า JAECOO 5 EV ได้รับการออกแบบให้มีมิติตัวถังที่สมดุลอย่างลงตัว ด้วยความยาว 4,380 มม., กว้าง 1,860 มม., และสูง 1,650 มม. ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของรถกลุ่มนี้ ที่สำคัญคือระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ไม่อึดอัด แม้จะเป็นการเดินทางไกล นอกจากนี้ ระยะความสูงใต้ท้องรถ 174 มม. ยังให้ความมั่นใจในการขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าทางขรุขระ หรือการเผชิญกับลูกระนาดที่คาดเดาไม่ได้ นี่คือจุดเด่นที่ รถยนต์ไฟฟ้า หลายรุ่นอาจมองข้าม แต่ JAECOO ใส่ใจในรายละเอียดนี้ เพื่อประสบการณ์ ขับขี่ ปลอดภัย และมั่นใจในทุกเส้นทาง

การออกแบบภายนอก: ความแข็งแกร่งที่ซ่อนความหรูหรา

การออกแบบของ JAECOO 5 EV ฉีกกรอบ SUV ไฟฟ้า ทั่วไป ด้วยรูปทรง “กล่อง” ที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและบึกบึน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Jaecoo การเลือกใช้กันชนหน้าดีไซน์เหลี่ยมขนาดใหญ่ พร้อมแผงสีเดียวกับตัวรถแบบเจาะรู แทนที่กระจังหน้าแบบเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์เดิม แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการในการออกแบบที่ล้ำสมัยและกล้าหาญ แถบกระจังหน้าแบบโปร่งใสที่สลักชื่อแบรนด์ J A E C O O ไว้ตรงกลาง สะท้อนถึงความมินิมอลแต่ยังคงไว้ซึ่งความพรีเมียม

ชุดไฟหน้า LED ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ขนาบข้าง ช่วยเสริมให้ด้านหน้าของรถดูทันสมัยและมีบุคลิกที่โดดเด่น เส้นสายด้านข้างเน้นความเรียบหรู แต่ยังคงความปราดเปรียว ด้วยเส้นนำสายตาที่ลากยาวจากไฟหน้าจรดไฟท้าย มือจับประตูแบบปกติเป็นทางเลือกที่เน้นการใช้งานจริงและทนทาน ในขณะที่ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 – 19 นิ้ว ก็เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างลงตัว

ด้านท้ายของรถติดตั้งไฟท้าย LED แนวนอนที่พาดเต็มความกว้างตัวรถ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่กำลังเป็นที่นิยมใน รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาขนาดค่อนข้างใหญ่ และดิฟฟิวเซอร์สีดำที่เน้นย้ำถึงสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ ราวแร็คหลังคาสีบรอนซ์เงินแบบตายตัวไม่เพียงแต่เพิ่มประโยชน์ใช้สอย แต่ยังช่วยเสริมลุคของรถให้ดูผจญภัยและพร้อมลุย นี่คือการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกของ SUV เข้ากับความทันสมัยของ รถไฟฟ้า ได้อย่างน่าทึ่ง

ภายในห้องโดยสาร: มินิมอล เทคโนโลยี และความสบาย

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ JAECOO 5 EV เราจะสัมผัสได้ถึงปรัชญาการออกแบบที่เน้นความ “มินิมอล” และ “ล้ำสมัย” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งาน รถ EV ยุคใหม่คาดหวัง แผงแดชบอร์ดได้รับการติดตั้งหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลสำคัญได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสองก้าน ที่จับถนัดมือและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

หัวใจหลักของห้องโดยสารคือหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 13.2 นิ้ว ที่โดดเด่นในแนวตั้งบนคอนโซลกลาง ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อและฟังก์ชันความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว

ชุดอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Push Start, กุญแจรีโมท Keyless Entry, ชุดไฟ Ambient Light ที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามใจชอบ, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Sony พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่ให้มิติเสียงคมชัดเต็มอรรถรส, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกส่วนซ้าย-ขวา ที่มอบความเย็นสบายอย่างทั่วถึง, และเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมือง การเลือกใช้วัสดุกึ่งหนังแท้สำหรับเบาะที่นั่ง โดยเบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า สะท้อนถึงความพรีเมียมและความสบายสูงสุด

สำหรับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่ขนสัมภาระ JAECOO 5 EV ตอบโจทย์ด้วยเบาะหลังที่ปรับพับได้แบบ 60:40 ซึ่งเมื่อพับเบาะหลังลง จะสามารถขยายพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายจาก 480 ลิตร ไปได้มากถึง 1,284 ลิตร นี่คือความยืดหยุ่นที่สำคัญสำหรับ รถครอบครัว EV ที่ต้องรองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเดินทางประจำวันไปจนถึงทริปพักผ่อนสุดสัปดาห์

สมรรถนะและขุมพลังไฟฟ้า: แรง ประหยัด และเชื่อถือได้

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าหัวใจสำคัญของ รถไฟฟ้า คือสมรรถนะและ แบตเตอรี่ รถไฟฟ้า JAECOO 5 EV ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 288 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.7 วินาที ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับ SUV ไฟฟ้า ในกลุ่มนี้ ให้ความรู้สึกที่คล่องตัวและกระฉับกระเฉงในการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ความเร็วสูงสุดที่ 175 กม./ชม. ก็เพียงพอต่อการใช้งานบนทางหลวงในประเทศไทย

มาถึงเรื่องสำคัญอย่าง แบตเตอรี่ รถไฟฟ้า JAECOO 5 EV มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 58.9 kWh ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมกับรถในกลุ่ม B-SUV โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 461 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และ 400 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นค่าที่สะท้อนการใช้งานจริงได้แม่นยำกว่า ระยะทาง 400 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถือเป็น รถ EV ระยะทางไกล ที่เพียงพอสำหรับการเดินทางระหว่างจังหวัดส่วนใหญ่ในประเทศไทย ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาจุดชาร์จบ่อยครั้ง นี่คือ สมรรถนะ รถ EV ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในยุค 2025

การชาร์จพลังงาน: สะดวกสบายในทุกสถานการณ์

ระบบชาร์จไฟของ JAECOO 5 EV รองรับทั้งหัวชาร์จ Type2 และ CCS Combo ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลและแพร่หลายในประเทศไทย ทำให้การหาจุดชาร์จเป็นเรื่องง่าย:

การชาร์จกระแสสลับ AC: รองรับสูงสุด 11 kW ซึ่งเป็นกำลังที่เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือตามสถานีชาร์จสาธารณะแบบปกติในเวลากลางคืนหรือเมื่อจอดรถเป็นเวลานาน
การชาร์จกระแสตรง DC (Fast Charge): รองรับสูงสุด 80 kW ซึ่งเป็น ระบบชาร์จเร็ว ที่ช่วยให้แบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 30% ไปยัง 80% ได้ในเวลาอันสั้น ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ต้องรอนาน นี่คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความกังวลในการใช้งาน รถไฟฟ้า และทำให้ JAECOO 5 EV เป็น นวัตกรรมยานยนต์ ที่พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง

ช่วงล่างและโหมดการขับขี่: ความมั่นใจและหลากหลาย

JAECOO 5 EV Dynamic มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบ McPherson Strut และด้านหลังแบบ Multi-Link ซึ่งเป็นการจัดวางที่เน้นความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และความมั่นคงในการทรงตัว ระบบช่วงล่างแบบ Multi-Link ที่ด้านหลังมักพบในรถยนต์พรีเมียม ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของ Jaecoo ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับ SUV ไฟฟ้า ของตน ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ: ECO, Normal, และ Sport เพื่อปรับเปลี่ยนการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัยให้เข้ากับสไตล์การขับขี่หรือสภาพถนน ณ ขณะนั้น ซึ่งเพิ่มความสนุกและความยืดหยุ่นในการใช้งาน

ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55 R18 ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของรถ

ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ ADAS: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

ในยุคที่ เทคโนโลยี ADAS เป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัย JAECOO 5 EV จัดเต็มด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เหนือชั้น นี่คือจุดที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันหมายถึงความอุ่นใจในการเดินทางสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นมาใน JAECOO 5 EV Dynamic รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB): ลดความเสี่ยงในการชน
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control): เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกล
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงในการชน
ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW) และระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน (LCA): ช่วยให้รถอยู่ในช่องทางที่ปลอดภัย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ (TJA): อำนวยความสะดวกในการจราจรติดขัด
ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot): ลดจุดบอดในการมองเห็น
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู (DOW): ป้องกันการชนจักรยานยนต์หรือผู้คน
ระบบช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (ELK): ช่วยให้การเปลี่ยนเลนราบรื่นและปลอดภัย
ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง (RCTB): เพิ่มความปลอดภัยในการถอยจอด
ระบบป้องกันการออกนอกเลน (LDP): ช่วยป้องกันการหลุดออกจากเลนอย่างไม่ตั้งใจ
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IES) และระบบแจ้งเตือนการออกตัว (DAI): เพิ่มความปลอดภัยและลดความประมาท
ระบบเตือนการชนด้านหลัง (RCW): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงในการชนจากด้านท้าย
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (LKA) และระบบจำกัดความเร็วแบบแอ็คทีฟ (ASL): ช่วยให้การขับขี่เป็นไปตามกฎหมายและปลอดภัย
ระบบเบรกอัตโนมัติป้องกันการชน (MCB): ลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และฟังก์ชันแสดงภาพใต้พื้นรถ 540 องศา: นี่คือฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฟังก์ชัน 540 องศา ที่ให้ภาพมุมกว้างพิเศษ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวางรอบคันและใต้ท้องรถได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด หรือบนเส้นทางออฟโรดเบาๆ เพิ่มความมั่นใจในการจอดรถหรือขับผ่านพื้นที่ยากลำบาก
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า: ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายขึ้น

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Jaecoo ในการมอบประสบการณ์ ขับขี่ ปลอดภัย และสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า

สีตัวถังและภายใน: สะท้อนสไตล์ส่วนบุคคล

JAECOO 5 EV มีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ Carbon Black, สีเทา Cloudy Grey, สีขาว Snowy White, และสีน้ำเงิน Bahamas Blue ซึ่งเป็นโทนสีที่ทันสมัยและเป็นที่นิยม สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน

สำหรับภายในห้องโดยสาร มีให้เลือก 2 สี คือ สีเทา Light Grey และ สีดำ Black ซึ่งเป็นโทนสีที่ดูสะอาดตา หรูหรา และบำรุงรักษาง่าย เข้ากันได้ดีกับการออกแบบภายในแบบมินิมอล

สรุปและบทเชิญชวน: ก้าวสู่อนาคตกับ JAECOO 5 EV

จากประสบการณ์ในวงการ ยานยนต์ไฟฟ้า ผมมองว่า JAECOO 5 EV ไม่ได้เป็นเพียงแค่ รถ EV อีกคันที่เข้ามาในตลาด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของแบรนด์ OMODA & JAECOO ในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SUV ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่ม B-SUV ด้วย ราคา รถไฟฟ้า ที่น่าดึงดูดใจ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สมรรถนะที่น่าประทับใจ และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ทำให้ JAECOO 5 EV กลายเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า รถไฟฟ้า” อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และพร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกเส้นทาง

ในปี 2025 นี้ ซึ่ง ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ไทย กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด การเลือก รถ EV ที่ใช่ คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและ ประหยัดพลังงาน JAECOO 5 EV ไม่เพียงแต่เป็น รถที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นยานพาหนะที่มอบความสุข ความสะดวกสบาย และความมั่นใจในทุกการเดินทาง

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคต! ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจ รีวิว รถไฟฟ้า หรือกำลังพิจารณาเป็นเจ้าของ SUV ไฟฟ้า คันแรก หรือต้องการอัปเกรดจากรถคันเดิม ให้มาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ JAECOO 5 EV ด้วยตัวท่านเอง ท่านสามารถเยี่ยมชมโชว์รูม OMODA & JAECOO ใกล้บ้าน เพื่อทดลองขับ และค้นพบว่าทำไม JAECOO 5 EV จึงเป็น นวัตกรรมยานยนต์ ที่จะเปลี่ยนมุมมองของท่านที่มีต่อ รถไฟฟ้า ไปตลอดกาล มาร่วมขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกับ JAECOO 5 EV กันครับ!