[ครบชุด] 1211069 ทำตัวให้น่าเวทนา ก็ชนะใจผู้หญิงได้แล้วจริงเหรอ

มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ 2025: หัวแถวแห่งตำนาน บทพิสูจน์ความแกร่งบนเส้นทางหฤโหด

ในโลกของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ไม่มีสนามใดที่จะทรหดและท้าทายเท่าการแข่งขันแรลลี่ทางฝุ่น และเมื่อกล่าวถึงชื่อ “เอเชียครอสคันทรีแรลลี่” (Asia Cross Country Rally หรือ AXCR) บรรดานักแข่งและผู้ที่คลุกคลีในวงการต่างยกให้เป็นสุดยอดบททดสอบทั้งสมรรถนะของเครื่องจักรและขีดจำกัดของมนุษย์ ในปี 2025 นี้ วงการยานยนต์กำลังจับตาไปที่การกลับมาอย่างเต็มภาคภูมิของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วย “มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์” รถกระบะพันธุ์แกร่งที่ถูกสร้างมาเพื่อพิชิตทุกอุปสรรค โดยลงสนามในรุ่น T1D ถึง 3 คัน พร้อมกับการปรับแต่งรถแบบพิเศษที่สะท้อนถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญยาวนานกว่าทศวรรษในวงการแรลลี่ นี่คือการประกาศศักดาครั้งสำคัญ ที่ไม่ได้มีแค่แรงม้า แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิศวกรรมยานยนต์ที่ผ่านการคิดค้นและทดสอบมาอย่างเข้มข้น เพื่อเป้าหมายเดียวคือการเป็น “หัวแถว” แห่งตำนานบทใหม่

มิตซูบิชิและจิตวิญญาณแห่งแรลลี่ที่ไม่เคยจางหาย

สำหรับผู้ที่ติดตามประวัติศาสตร์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ย่อมทราบดีว่า DNA แห่งการแข่งขันแรลลี่นั้นฝังรากลึกอยู่ในทุกอณูของแบรนด์นี้มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นยุคทองของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น ที่กวาดแชมป์เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ (WRC) มานับไม่ถ้วน หรือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในดาการ์แรลลี่ (Dakar Rally) การแข่งขันที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดที่สุดในโลก ซึ่งมิตซูบิชิเคยครองบัลลังก์มาแล้วถึง 12 สมัย รวมถึงสถิติชนะรวด 7 ปีซ้อนอันน่าทึ่ง ประสบการณ์จากสนามแข่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้มิตซูบิชิไม่เป็นเพียงผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป แต่เป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่เน้นความทนทานและสมรรถนะเหนือระดับมาโดยตลอด

การตัดสินใจนำมิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ ลงสนาม AXCR 2025 จึงไม่ใช่แค่การ “เข้าร่วม” การแข่งขัน แต่คือการตอกย้ำเจตนารมณ์ในการกลับสู่สังเวียนแรลลี่ในฐานะผู้ท้าชิงแถวหน้า การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีรถแข่งจากอดีตสู่ปัจจุบัน ทำให้ไทรทันไม่ใช่เพียงแค่รถกระบะ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ การผจญภัย และการพิชิตขีดจำกัด ที่พร้อมจะสร้างตำนานบทใหม่ในโลกของรถกระบะพันธุ์แกร่งแห่งปี 2025

เอเชียครอสคันทรีแรลลี่ 2025: บททดสอบที่แท้จริงของเครื่องจักรและมนุษย์

AXCR ไม่ใช่แค่การแข่งขันความเร็วบนเส้นทางเรียบ แต่มันคือการผจญภัยข้ามประเทศที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายที่หลากหลายเกินกว่าจะจินตนาการได้ ตั้งแต่วันที่ 8-16 สิงหาคม 2568 ทัพรถแข่งกว่าร้อยชีวิตจะเริ่มต้นจากเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ก่อนจะบุกตะลุยไปตามเส้นทางอันหฤโหดทั่วภูมิภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และกลับมาสิ้นสุดที่พัทยาอีกครั้งในวันที่ 16 สิงหาคม ตลอดระยะเวลา 6 วันของการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเผชิญกับ 8 ช่วงเส้นทางการแข่งขันพิเศษ (Special Stage หรือ SS) รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 3,200 กิโลเมตร

ภูมิประเทศที่หลากหลายของไทย ทั้งป่าเขาที่สลับซับซ้อน ทุ่งนาที่เต็มไปด้วยโคลน ทรายที่ทำให้รถติดหล่ม หรือถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหินคม ล้วนเป็นบททดสอบที่รุนแรงต่อทุกส่วนของรถ ตั้งแต่เครื่องยนต์ที่ต้องทำงานอย่างหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง ระบบช่วงล่างที่ต้องดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ระบบเบรกที่ต้องทำงานอย่างแม่นยำในทุกสถานการณ์ ไปจนถึงโครงสร้างตัวถังที่ต้องทนทานต่อแรงบิด แรงกระแทก และการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง AXCR จึงเป็นเสมือนห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความทนทาน ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมยานยนต์ที่แท้จริง

แก่นแท้แห่งความแกร่ง: มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ T1D

มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ ทั้ง 3 คัน ที่ลงสนามในรุ่น T1D (รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อดัดแปลง) ภายใต้การดูแลของทีมขับมากฝีมือ ประกอบด้วย:
รถแข่งหมายเลข 112 ขับโดย ชยพล โยธา ผู้นำทาง พีรีพงษ์ สมบัติวงศ์
รถแข่งหมายเลข 105 ขับโดย คัตสึฮิโกะ ทากูชิ ผู้นำทาง ทาคาฮิโระ ยาสุอิ
รถแข่งหมายเลข 118 ขับโดย คาสุโตะ โคอิเดะ ผู้นำทาง เออิจิ ชิบะ

นี่ไม่ใช่แค่รถกระบะไทรทันที่เห็นกันตามท้องถนน แต่เป็น “เครื่องจักรแห่งชัยชนะ” ที่ได้รับการพัฒนาและปรับแต่งในทุกมิติ โดยยังคงโครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งของไทรทันรุ่นล่าสุดไว้เป็นแกนหลัก และนำไปเสริมสมรรถนะด้วยเทคโนโลยีรถแข่งระดับสูง

หัวใจแห่งพลัง: เครื่องยนต์ดีเซล 4N16 เทอร์โบเดี่ยว

ภายใต้ฝากระโปรงของมิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร บล็อก 4N16 เทอร์โบเดี่ยว ซึ่งเป็นพื้นฐานจากเครื่องยนต์ที่ได้รับความเชื่อมั่นในรถยนต์รุ่นผลิตจริง แต่ได้ผ่านการพัฒนาและปรับจูนเพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ นี่คือจุดที่วิศวกรรมยานยนต์และประสบการณ์ในสนามแข่งกว่า 10 ปีเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่ง

หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมรถแข่งแรลลี่ถึงมีแรงม้าไม่สูงเท่ารถแข่งทางเรียบที่เน้นพละกำลังมหาศาล คำตอบคือ “ความทนทาน” และ “ประสิทธิภาพในการใช้งานต่อเนื่อง” ตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรในแต่ละวัน เครื่องยนต์ 4N16 ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลังสูงสุดราว 160 kW (ประมาณ 214 แรงม้า) หรือมากกว่านั้น และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร หรือมากกว่านั้น ซึ่งดูเหมือนไม่มากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลที่จูนกันถึง 300-400 แรงม้าในบางกรณี แต่ในทางกลับกัน วิศวกรของมิตซูบิชิได้เสริมความแข็งแกร่งของ “ไส้ใน” เครื่องยนต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง และชิ้นส่วนภายในอื่นๆ ให้สามารถรองรับแรงม้าได้สูงถึง 500-600 ตัว หากต้องการ แต่ได้เลือกที่จะจูนกำลังให้เหมาะสมกับการใช้งานในแรลลี่ เน้นการตอบสนองที่ดีเยี่ยมในช่วงรอบเครื่องยนต์กว้าง การควบคุมอุณหภูมิที่เสถียร และความประหยัดเชื้อเพลิงที่จำเป็นต่อการแข่งขันระยะยาว

หัวใจสำคัญอีกประการคือระบบเทอร์โบชาร์จที่ได้รับการพัฒนาโดย Mitsubishi Heavy Industry Engine and Turbocharger ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเทอร์โบ นี่คือการออกแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์เฉพาะสำหรับการแข่งขัน ที่ให้แรงอัดอากาศได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ลดอาการรอรอบ (turbo lag) และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ภายใต้สภาวะที่ท้าทายที่สุด การผสานรวมกันระหว่างเครื่องยนต์ที่ทนทานและระบบเทอร์โบชาร์จที่เหนือชั้น ทำให้ไทรทัน แรลลี่คาร์ มีพละกำลังที่พร้อมให้ใช้งานในทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองได้ทันท่วงที และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถรักษาประสิทธิภาพนี้ไว้ได้ตลอดการแข่งขันอันยาวนาน

ระบบส่งกำลัง: การถ่ายทอดพลังสู่ล้อทั้งสี่อย่างแม่นยำ

การถ่ายทอดพลังงานจากเครื่องยนต์สู่ล้อทั้งสี่อย่างมีประสิทธิภาพ คือกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะ ระบบส่งกำลังของไทรทัน แรลลี่คาร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของสนามแข่ง

สำหรับรถแข่งหมายเลข 112 และ 105 ได้รับการติดตั้งเกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีด จาก SADEV ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบเกียร์สำหรับการแข่งขันระดับโลก เกียร์ซีเควนเชียลโดดเด่นในเรื่องความรวดเร็วและแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ เพียงแค่ผลักคันเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง ก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงได้ทันทีโดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างเต็มที่และรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในย่านกำลังที่เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันแรลลี่ที่ต้องมีการเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้งเพื่อรับมือกับสภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้น้ำมันเกียร์ Moty’s ซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นสมรรถนะสูงที่ออกแบบมาเพื่อทนทานต่ออุณหภูมิและการสึกหรอภายใต้สภาวะการใช้งานที่หนักหน่วง

ในขณะที่รถแข่งหมายเลข 118 จะใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Super Select 4WD-II ซึ่งเป็นระบบที่พบในรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นผลิตจริง แต่ได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับการแข่งขัน การเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติอาจเป็นการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการใช้งานในอนาคต หรืออาจเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ที่อาจช่วยลดความเหนื่อยล้าของนักแข่งในเส้นทางยาวๆ และยังคงให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมด้วยระบบ Super Select 4WD-II ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่หลากหลายได้

ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์แบบใด ทั้งสามคันใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time (สำหรับเกียร์ซีเควนเชียล) และ Super Select 4WD-II (สำหรับเกียร์อัตโนมัติ) ที่เป็นหัวใจสำคัญในการยึดเกาะถนนและถ่ายทอดกำลังได้อย่างมั่นคงในทุกสภาพพื้นผิว และเพื่อให้การยึดเกาะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น รถแข่งทั้ง 2 รุ่น (ที่ระบุไว้ในข้อมูล) ได้ติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (Limited Slip Differential หรือ LSD) จาก CUSCO LSD มีหน้าที่ในการกระจายแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะมากกว่าอย่างเหมาะสม ช่วยป้องกันล้อฟรีทิ้ง ลดอาการท้ายปัด และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งและเร่งออกจากโค้งบนพื้นผิวที่ลื่นหรือขรุขระ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถแข่งแรลลี่

ช่วงล่าง: หัวใจของการควบคุมและซับแรงกระแทก

หากเครื่องยนต์คือหัวใจของรถยนต์ ช่วงล่างก็คือจิตวิญญาณแห่งการควบคุมและซับแรงกระแทกในโลกของแรลลี่ และนี่คือจุดที่ไทรทัน แรลลี่คาร์ แตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างสิ้นเชิง แทบจะเรียกได้ว่าช่วงล่างของเดิมแทบไม่เหลืออยู่เลย จุดยึดต่างๆ ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และถูกออกแบบให้รองรับแรงกระแทกที่รุนแรงและให้ระยะยุบตัวของช่วงล่างที่ยาวเป็นพิเศษ

ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง ซึ่งเป็นรูปแบบช่วงล่างที่ให้การควบคุมที่แม่นยำสูงสุด มีความแข็งแรงทนทาน และให้การยืดหยุ่นของล้อที่ดีเยี่ยม ช่วยให้ล้อสามารถสัมผัสพื้นผิวถนนได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเจอเนินกระแทกหรือหลุมบ่อก็ตาม

ส่วนด้านหลัง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรถกระบะทั่วไปที่มักใช้แหนบ (Leaf Spring) โดยไทรทัน แรลลี่คาร์ เลือกใช้ระบบคอยล์สปริง Rigid 4-link ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการขับขี่มากกว่า และที่สำคัญคือให้การยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพเส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอ การออกแบบ 4-link ช่วยให้ล้อหลังมีการเคลื่อนไหวที่เป็นอิสระมากขึ้น ลดการกระด้าง และสามารถซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ขับขี่และผู้นำทางรู้สึกสบายขึ้นแม้ในเส้นทางที่หฤโหด ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มสมาธิในการแข่งขัน

ระบบเบรกและยาง: หยุดได้อย่างมั่นใจ ไปต่อได้ทุกเส้นทาง

ในความเร็วสูง การหยุดรถอย่างแม่นยำและมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ ได้รับการติดตั้งระบบเบรกดิสก์ระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์แบบชั้นเดียวจาก ENDLESS ซึ่งเป็นแบรนด์เบรกสมรรถนะสูงระดับโลก ดิสก์เบรกแบบระบายความร้อนช่วยให้การระบายความร้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันอาการเบรกเฟด (Brake Fade) ที่เกิดจากความร้อนสะสมจากการใช้งานหนัก และใช้น้ำมันเบรกสำหรับการแข่งขันจาก FORTEC ที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูง ช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างคงที่ตลอดการแข่งขัน

ส่วนล้อรถขนาด 17 นิ้ว จาก WORK ซึ่งเป็นแบรนด์ล้อแม็กซ์ชื่อดัง ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อความแข็งแกร่ง ทนทานต่อแรงกระแทกและแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้นในสภาพเส้นทางแรลลี่ และสวมด้วยยาง YOKOHAMA GEOLANDAR M/T G003 ขนาด 245/75 R17 ซึ่งเป็นยาง Mud-Terrain (M/T) ที่ออกแบบมาเพื่อการยึดเกาะสูงสุดบนพื้นผิวที่เป็นโคลน ทราย หิน และกรวด ดอกยางที่ออกแบบมาอย่างดุดันและแก้มยางที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยให้รถสามารถตะลุยผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงต่อยางฉีกขาดหรือเสียหาย

โครงสร้างตัวถัง: ลดน้ำหนัก เพิ่มความคล่องตัว

เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดน้ำหนักโดยรวมของรถ วิศวกรได้เลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ในจุดต่างๆ อาทิ ฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อหน้า แผงข้างประตู และกระบะท้าย การลดน้ำหนักในส่วนบนของรถช่วยลดจุดศูนย์ถ่วง ทำให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่และการเข้าโค้งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยโรลเคจ (Roll Cage) ภายในห้องโดยสาร ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยให้กับนักแข่งและผู้นำทาง แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแชสซีรถโดยรวม ทำให้รถสามารถรับมือกับแรงบิดและแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มิตซูบิชิกับตลาดรถกระบะปี 2025: ความสำเร็จจากสนามแข่งสู่ท้องถนน

การเข้าร่วมการแข่งขัน AXCR 2025 ด้วยมิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันเพื่อชัยชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์เทคโนโลยีและสมรรถนะของรถกระบะไทรทันรุ่นล่าสุดภายใต้สภาวะที่หฤโหดที่สุดในโลก ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” ที่มิตซูบิชิได้สร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง

ในตลาดรถกระบะปี 2025 ที่มีการแข่งขันสูง ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่รถที่ใช้งานได้ แต่ยังมองหารถที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การผจญภัย ความอเนกประสงค์ และความทนทานที่ไว้วางใจได้ เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาและการแข่งขันในสนามแรลลี่เหล่านี้ จะถูกนำมาต่อยอดและถ่ายทอดลงสู่รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นผลิตจริงในอนาคต ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปมั่นใจได้ว่า รถที่พวกเขาขับขี่นั้นมี DNA ของรถแข่งระดับโลก มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และสมรรถนะที่พิสูจน์แล้วจากสนามแข่งจริง

บทสรุปและคำเชิญชวน

มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ ใน Asia Cross Country Rally 2025 เป็นมากกว่าแค่รถแข่ง มันคือสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ การผสมผสานระหว่างวิศวกรรมยานยนต์ที่เหนือชั้น ประสบการณ์จากสนามแข่งที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน และความมุ่งมั่นที่จะเป็น “หัวแถว” ในทุกเส้นทางที่เลือก นี่คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงของความแกร่ง ความทนทาน และสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใคร

เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ ร่วมติดตามและส่งกำลังใจให้มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ ในการพิชิตเส้นทางหฤโหดของ AXCR 2025 ตลอด 6 วันของการแข่งขัน มาร่วมกันเฉลิมฉลองชัยชนะและสัมผัสจิตวิญญาณแห่งแรลลี่ที่แท้จริง

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความทนทาน สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วในสนามแข่ง อย่ารอช้าที่จะสัมผัสรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นใหม่ล่าสุดด้วยตัวคุณเอง เยี่ยมชมโชว์รูมมิตซูบิชิใกล้บ้านท่าน เพื่อค้นพบว่า “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งระดับโลก จะเติมเต็มทุกการเดินทางและทุกความท้าทายในชีวิตของคุณได้อย่างไร