[ครบชุด] 2211029 Facebook (32)

ZEEKR 7X: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าหรูหราพร้อมลุย ขีดสุดแห่งนวัตกรรม 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของตลาดรถ EV โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากรถยนต์ไฟฟ้าที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงทางเลือกใหม่ ปัจจุบันได้กลายเป็นกระแสหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างล้นหลาม และในปี 2025 นี้เอง การแข่งขันในเซกเมนต์ SUV ไฟฟ้าก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แบรนด์ต่างๆ งัดไม้เด็ดมาประชันกันอย่างไม่ลดละ แต่ท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือดนี้ มีรถยนต์คันหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา และพร้อมที่จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ นั่นคือ ZEEKR 7X สุดยอดยนตรกรรม SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ไม่เพียงแต่มาพร้อมพละกำลังมหาศาลและความหรูหราเหนือระดับ แต่ยังฉีกกรอบด้วยความสามารถในการ “ลุย” ที่เหนือความคาดหมาย นี่คือ SUV ไฟฟ้าที่ผมกล้าพูดได้เลยว่าถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

ZEEKR 7X: เปิดมิติใหม่แห่ง SUV ไฟฟ้าสู่ตลาดไทย

การมาถึงของ ZEEKR 7X ในประเทศไทยถือเป็นการประกาศจุดยืนอันแข็งแกร่งของ ZEEKR ในการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพระดับโลก สู่มือผู้บริโภคชาวไทยที่มองหาสิ่งที่แตกต่างและเหนือกว่าในทุกด้าน หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ ZEEKR ในฐานะแบรนด์พรีเมียม EV ที่เน้นเทคโนโลยีและดีไซน์ล้ำสมัย แต่ 7X ได้ยกระดับมาตรฐานไปอีกขั้น ด้วยการผสานความหรูหราสไตล์ยุโรปเข้ากับสมรรถนะที่เร้าใจ และความอเนกประสงค์ที่ไม่มีใครเหมือน ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการออกผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

ด้วยการนำเข้าแบบ CBU จากจีน ZEEKR ประเทศไทย ได้วางกลยุทธ์ราคาที่น่าสนใจสำหรับ ZEEKR 7X โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก เพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย:

7X Long Range RWD: คาดการณ์ช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
7X Performance AWD: คาดการณ์ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

ราคาดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงคุณค่าและเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาเต็มคัน ยิ่งไปกว่านั้น ZEEKR ยังมอบความอุ่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด:

รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์: 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

การรับประกันที่ยาวนานนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพและเทคโนโลยีของ ZEEKR 7X ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า นี่คือการลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่าและไร้กังวลอย่างแท้จริง

สัดส่วนที่ลงตัว: มิติและพื้นที่ใช้สอยของ ZEEKR 7X

ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงแค่ SUV ที่ดูดีจากภายนอก แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อมอบพื้นที่ใช้สอยและความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยมิติตัวถังที่คำนวณมาอย่างละเอียด:

ยาว: 4,787 มิลลิเมตร
กว้าง: 1,930 มิลลิเมตร
สูง: 1,650 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (wheelbase): 2,900 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance): 173 มิลลิเมตร

ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวเกือบ 3 เมตร ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางเป็นพิเศษ ผู้โดยสารทุกคนสามารถนั่งได้อย่างสบายไม่อึดอัด ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ระยะต่ำสุดถึงพื้น 173 มิลลิเมตร เป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับ SUV ไฟฟ้าที่ต้องการความคล่องตัวทั้งบนทางเรียบและในเส้นทางกึ่งออฟโรดบางโอกาส ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่กว้างขวางถึง 539 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวใหญ่ หรือการขนสัมภาระจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเก็บของเล็กๆ น้อยๆ หรือสายชาร์จได้อย่างเป็นระเบียบ นี่คือการออกแบบที่เข้าใจถึงการใช้งานจริงของคนยุคใหม่

ขุมพลังแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เร้าใจและเทคโนโลยี 800V

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนคือขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยี 800V ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การชาร์จไฟเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานและลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ ZEEKR 7X เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการจัดการพลังงานที่ดีที่สุดในตลาด 2025

Long Range RWD:

สำหรับผู้ที่เน้นความประหยัดและระยะทางขับขี่ที่ไกลเป็นพิเศษ รุ่น Long Range RWD คือคำตอบที่ใช่:

มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD (Rear-Wheel Drive)
พละกำลังสูงสุด: 422 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 440 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 6.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 210 km/h
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 700 km. (มาตรฐาน NEDC)

ด้วยพละกำลัง 422 แรงม้า การเร่ง 0-100 ใน 6 วินาที ถือว่าเพียงพอและเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกต่างจังหวัด และด้วยระยะทางวิ่งที่มากถึง 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ทำให้ ZEEKR 7X Long Range RWD มอบความมั่นใจและลดความกังวลเรื่อง Range Anxiety ได้อย่างดีเยี่ยม การขับขี่ระยะไกลจะไม่ใช่เรื่องน่าหงุดหงิดอีกต่อไป

Performance AWD:

สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดแห่งสมรรถนะ การตอบสนองที่ฉับไว และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง รุ่น Performance AWD คือทางเลือกที่เหนือกว่า:

มอเตอร์ไฟฟ้า: 2 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD (All-Wheel Drive)
พละกำลังสูงสุด: 646 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 710 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 3.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 210 km/h
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 600 km. (มาตรฐาน NEDC)

พละกำลังมหาศาล 646 แรงม้า พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ภายใน 3.8 วินาที ทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD เป็น SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจเทียบเท่ากับรถสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและควบคุมง่าย การขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือการขับขี่บนพื้นผิวที่เปียกลื่น นี่คือรถที่สามารถปลุกอะดรีนาลีนในตัวคุณได้ทุกครั้งที่กดคันเร่ง

Charging Revolution: การชาร์จที่รวดเร็วเกินจินตนาการ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในยุค 2025 ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปคือเรื่อง “เวลาในการชาร์จ” และ ZEEKR 7X ได้เข้ามาปฏิวัติประสบการณ์นี้อย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จที่เหนือชั้น:

รองรับหัวชาร์จ: Type 2 / CCS Combo (มาตรฐานสากลที่ใช้แพร่หลายในไทย)
กระแสสลับ AC: รองรับสูงสุด 22 kW (ทำให้การชาร์จที่บ้านหรือตามห้างสรรพสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว)
กระแสตรง DC Fast Charging: รองรับสูงสุด 420 kW (ตัวเลขนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ! การชาร์จเร็ว EV ระดับนี้ถือว่าก้าวล้ำนำตลาดอย่างมาก)
ชาร์จ DC 360 kW (จาก 10-80%): ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที

ลองจินตนาการดูว่า คุณสามารถแวะพักรถ ชาร์จไฟแค่ช่วงเวลาที่คุณแวะดื่มกาแฟหรือเข้าห้องน้ำ แบตเตอรี่ก็พร้อมสำหรับการเดินทางต่ออีกหลายร้อยกิโลเมตร นี่ไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าไปโดยสิ้นเชิง ZEEKR 7X ได้เข้ามาทลายกำแพงเรื่องเวลาชาร์จไฟที่เคยเป็นข้อจำกัดใหญ่ของรถ EV ในอดีต นอกจากนี้ยังมีระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ซึ่งเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามจำเป็น

ช่วงล่างและการควบคุม: ผสานความนุ่มนวลกับความมั่นคง

ZEEKR 7X ได้รับการออกแบบช่วงล่างอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบสมดุลที่ยอดเยี่ยมระหว่างความนุ่มนวลและความมั่นคงในการขับขี่:

ช่วงล่างด้านหน้า: อิสระ Double Wishbone
ช่วงล่างด้านหลัง: อิสระ Multi-Link

การใช้ช่วงล่างแบบ Double Wishbone และ Multi-Link ถือเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์พรีเมียมที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำและการซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม ซึ่ง ZEEKR 7X ทำได้อย่างน่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในรุ่น Performance AWD ยังมาพร้อมกับช่วงล่างแบบถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่สามารถปรับความสูงและความหนืดได้อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่ออฟโรด และมอบความนุ่มนวลเหนือระดับบนทางเรียบ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว (ในรุ่น RWD) และล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 (ในรุ่น Performance) ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความโดดเด่นทางด้านสุนทรียภาพ แต่ยังส่งผลต่อการยึดเกาะถนนและสมรรถนะโดยรวมอีกด้วย ระบบเบรกดิสก์เบรก 4 pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพการหยุดรถ

พิสูจน์ในสนามจริง: เหนือกว่าที่คาดคิดในทุกเส้นทาง

ในฐานะที่ผมมีโอกาสเข้าร่วมการทดสอบ ZEEKR 7X ก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ที่เขาใหญ่ ผมต้องบอกเลยว่ารถคันนี้ได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ “สมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด” ที่แต่เดิมผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักจากรถยนต์ไฟฟ้า แต่ 7X กลับทำได้ดีเกินคาดจนกลายเป็นจุดเด่นที่น่าทึ่ง

ในสนามทดสอบที่จำลองสถานการณ์ต่างๆ ZEEKR 7X ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ เมื่อปรับเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมจะปรับความสูงเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติถึง 230 มิลลิเมตร ช่วยให้สามารถผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย

เนินสลับ: ZEEKR 7X วิ่งผ่านเนินสลับที่ทำให้ล้อลอยออกจากพื้นได้อย่างราบรื่น ระบบขับเคลื่อนถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้เป็นอย่างดี ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างไม่ติดขัด สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ตัวรถโคลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งบ่งบอกถึงการออกแบบที่แข็งแกร่งและระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ
เนินชัน: การปีนขึ้นเนินชัน ZEEKR 7X ใช้พละกำลังมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย และที่น่าสนใจคือเมื่อหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี ไม่ส่งกำลังออกมาอย่างรุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในรถยนต์ไฟฟ้ากำลังสูง ส่วนจังหวะลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วของรถยนต์ขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่น แม่นยำ เหมือนกับรถ SUV หรูหราจากยุโรป ทำให้การลงเนินเป็นไปอย่างสบายใจและปลอดภัย
เส้นทางขรุขระ: การขับผ่านเส้นทางขรุขระด้วยช่วงล่างถุงลมมอบความนุ่มนวลอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งจริงๆ คือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายคันยังทำได้ไม่ดีนักในสภาพถนนเช่นนี้ ผมสรุปได้เลยว่า ZEEKR 7X “สอบผ่าน” ในเรื่องออฟโรดอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อกลับมายังทางเรียบ ZEEKR 7X ก็ยังคงมอบความประทับใจไม่แพ้กัน แรงดึงมหาศาลจากทั้งรุ่น Long Range RWD และ Performance AWD เป็นไปตามตัวเลขที่ระบุในคู่มือทุกประการ โดยเฉพาะรุ่น Performance ที่มาพร้อมความนุ่มนวลและเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่า ส่วนรุ่น Long Range ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน มอบแรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แม้จะออกแนวแข็งกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสบายในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาส: สุนทรียภาพและความล้ำสมัย

ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนและผ่อนคลายขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกการเดินทาง ภายในห้องโดยสารคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบาย และนวัตกรรมดิจิทัล:

เบาะนั่ง: หุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพสูง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและความหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมระดับสูงของเจ้าของรถ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกลหรือหลังวันทำงานที่หนักหน่วง นอกจากนี้ เบาะหลังยังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน หรือการรับชมภาพยนตร์ เปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ
ประตูไฟฟ้า: ประตูทั้ง 4 บานสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราให้กับผู้ใช้งาน
ม่านบังแดดไฟฟ้า: ม่านบังแดดที่ประตูคู่หลังก็สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความร้อนจากแสงแดดได้อย่างมีสไตล์
ระบบสารสนเทศและบันเทิง: ZEEKR 7X นำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือชั้นด้วย:
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้แอปพลิเคชันต่างๆ การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจเป็นผลมาจากชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ที่ทรงพลัง ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: แสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ ขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบ Augmented Reality (AR) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางคุณภาพระดับสตูดิโอ เสมือนมีโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัว สร้างความดื่มด่ำในสุนทรียภาพของเสียงเพลงได้อย่างแท้จริง

ความปลอดภัยคือหัวใจ: มาตรฐานระดับโลกเพื่อทุกคนในครอบครัว

ZEEKR ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย และ ZEEKR 7X คือผลลัพธ์ของปรัชญานี้ รถคันนี้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือ:

การปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่: ได้คะแนนสูงถึง 91%
การปกป้องผู้โดยสารเด็ก: ได้คะแนน 90%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการขับขี่ ระบบ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) เหล่านี้ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ และเพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ บนท้องถนน

โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยในการชนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นอีกด้วย ZEEKR 7X จึงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแต่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและความหรูหรา แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างมั่นใจและอุ่นใจที่สุด

บทสรุป: ZEEKR 7X คือคำตอบของ SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต

ZEEKR 7X ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาด SUV ไฟฟ้าที่เน้นความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย มันไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่แรงจัดเต็มออปชัน แต่คือยนตรกรรมที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติ ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวที่กว้างขวางสะดวกสบาย การเดินทางไกลที่ไร้กังวลด้วยระยะทางขับขี่ที่ยาวนานและการชาร์จที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หรือแม้กระทั่งรถที่สามารถพาคุณไปผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยได้บ้าง ZEEKR 7X ก็สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้อย่างลงตัว

ในยุคที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ZEEKR 7X ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับคำว่า “SUV ไฟฟ้า” ด้วยการผสมผสานนวัตกรรม เทคโนโลยี 800V สมรรถนะที่เร้าใจ ภายในห้องโดยสารระดับพรีเมียม และระบบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 และปีต่อๆ ไป

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง!

ZEEKR 7X พร้อมแล้วที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ เชิญสัมผัสและทดลองขับ ZEEKR 7X ได้ที่โชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุดยอด SUV ไฟฟ้าคันนี้ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นนิยามใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่าทุกจินตนาการ