[ครบชุด] 2211035 Facebook (62)

ZEEKR 7X: ยกระดับประสบการณ์ SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต พร้อมพิชิตทุกเส้นทางในยุค 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ก้าวจากจุดเริ่มต้นที่หลายคนยังกังขา มาสู่การเป็นกระแสหลักที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างสิ้นเชิง และในปี 2025 นี้เองที่ตลาด SUV ไฟฟ้า กำลังจะถูกเขย่าอีกครั้ง ด้วยการมาถึงของ ZEEKR 7X ยนตรกรรมที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ รถ EV อีกรุ่น แต่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ประสิทธิภาพ เทคโนโลยีรถไฟฟ้า ล้ำสมัย และที่สำคัญที่สุดคือ “ความสามารถในการลุย” ที่หลายคนอาจไม่เคยคิดว่า รถ SUV ไฟฟ้า จะทำได้

ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถที่ “พอไปได้” ในทางออฟโรด แต่เป็นรถที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่า ทั้งบนทางเรียบและในเส้นทางที่ท้าทาย บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ ZEEKR 7X จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณเห็นภาพว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าจับตาในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าอนาคต และจะเป็นหนึ่งใน รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ดีที่สุดแห่งปี 2025

การออกแบบภายนอก: ความหรูหราที่แฝงไว้ด้วยความแกร่ง – นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้า

ในยุคที่ รถยนต์ไฟฟ้า แข่งขันกันด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ZEEKR 7X โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ผสานความสง่างามเข้ากับความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว ตั้งแต่แรกเห็น คุณจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมและความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด การออกแบบที่เรียบหรูแต่แฝงไว้ด้วยความบึกบึนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานจริงและ สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงดงามนั้น

ไฮไลท์สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามคือ ระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ให้แสงสว่าง แต่ยังสามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์และความน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่ไม่มี SUV ไฟฟ้า รุ่นใดในตลาดทำได้ เทคโนโลยีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่เกินกว่าแค่ฟังก์ชันการใช้งานทั่วไป แต่ยังตอบสนองต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย

มิติตัวถังที่ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. ให้สัดส่วนที่สมดุลและโออ่า ในขณะที่ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางเป็นพิเศษ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทรงตัวและความมั่นคงในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นบนทางเรียบที่ความเร็วสูง หรือในเส้นทาง ออฟโรดไฟฟ้า ที่ต้องการการยึดเกาะที่มั่นคง

นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมกับล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 ที่ไม่เพียงแต่เสริมความดุดันและสมรรถนะในการขับขี่ แต่ยังช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมรถที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะใน รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีน้ำหนักแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก ประตูทั้ง 4 บานเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราในทุกการใช้งาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มักพบในรถยนต์พรีเมียมระดับไฮเอนด์เท่านั้น

มิติตัวถังที่ลงตัว: พื้นที่ใช้สอยที่เหนือกว่าเพื่อทุกการเดินทาง

การออกแบบตัวถังของ ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงความสวยงามภายนอก แต่ยังคำนึงถึงการใช้สอยภายในอย่างสูงสุด ด้วยความยาวเกือบ 4.8 เมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางอย่างน่าประทับใจ รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่งได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะระยะฐานล้อที่ยาวเป็นพิเศษถึง 2,900 มม. ช่วยให้ผู้โดยสารตอนหลังมีพื้นที่วางขาที่กว้างขวางเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องการความผ่อนคลายสูงสุด

จุดเด่นอีกประการคือระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) ที่ 173 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสำหรับ SUV ไฟฟ้า ทั่วไป แต่เมื่อผสานกับ ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่สามารถปรับความสูงได้อัตโนมัติถึง 230 มม. ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็น รถออฟโรดไฟฟ้า ที่สามารถรับมือกับเส้นทางที่ไม่ราบเรียบได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในตลาด รถ EV ปัจจุบัน

ในด้านพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ZEEKR 7X มีความจุเริ่มต้นที่ 539 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง ช่วยให้การขนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่สำหรับการเดินทางไกล หรือกิจกรรมต่างๆ ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเก็บสายชาร์จ หรือสิ่งของที่ต้องการหยิบใช้สอยได้ง่าย ซึ่งเป็นความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับการออกแบบ รถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ

ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: หัวใจ 800V พร้อมทางเลือกที่หลากหลายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อน ZEEKR 7X คือขุมพลังไฟฟ้าที่ล้ำสมัย โดยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ล้วนใช้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV 800V Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ใน รถยนต์ไฟฟ้า ประสิทธิภาพสูงของปี 2025

ZEEKR 7X Long Range RWD:
รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) นี้ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ตัวเลขเหล่านี้ก็จัดว่า “แรง” เกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและบนท้องถนนทั่วไป อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ถือว่ารวดเร็วทันใจ พร้อมความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
จุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้คือ ระยะทางวิ่งรถไฟฟ้า ที่ยาวไกลมากกว่า 700 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งในสภาพการขับขี่จริง เราคาดการณ์ว่ายังคงเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ ทำให้ ZEEKR 7X Long Range RWD เป็น รถ EV ที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาจุดชาร์จบ่อยครั้ง

ZEEKR 7X Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการ สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่เหนือกว่า รุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 710 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นอัตราเร่งที่เทียบชั้น รถยนต์ไฟฟ้า สปอร์ตระดับท็อป และยังคงทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 210 กม./ชม.
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัวและการเกาะถนนในทุกสภาพอากาศ แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD มีความสามารถในการลุย ออฟโรดไฟฟ้า ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ด้วยการกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้างได้อย่างอิสระ ทำให้การผ่านอุปสรรคเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง ระยะทางวิ่งรถไฟฟ้า สำหรับรุ่นนี้อยู่ที่มากกว่า 600 กม. (NEDC) ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถที่มีพละกำลังสูงขนาดนี้

เทคโนโลยี 800V: ก้าวสำคัญของการชาร์จเร็วและประสิทธิภาพ

การใช้สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V ใน ZEEKR 7X เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในด้าน เทคโนโลยีรถไฟฟ้า มันไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่สูงกว่า แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่ ข้อดีหลักๆ ของระบบ 800V คือ:

การชาร์จเร็วเป็นพิเศษ: รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการชาร์จที่เร็วที่สุดในโลก ทำให้การ การชาร์จเร็ว 10-80% สามารถทำได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที ซึ่งเทียบเท่ากับการจิบกาแฟหรือแวะพักเข้าห้องน้ำสั้นๆ ก่อนออกเดินทางต่อ นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในยุค 2025 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: ระบบ 800V ช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการแปลงกระแสไฟฟ้า และลดความร้อนสะสม ทำให้ระบบขับเคลื่อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อ ระยะทางวิ่งรถไฟฟ้า ที่ยาวนานขึ้น และ สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่คงที่แม้ใช้งานหนัก
น้ำหนักลดลง: ด้วยแรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้สามารถใช้สายไฟที่บางลงได้ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักรวมของตัวรถ และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 kW และมี ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ทำให้รถของคุณกลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง หรือยามจำเป็นในช่วงที่ไฟฟ้าดับ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับ รถครอบครัวไฟฟ้า ในยุคปัจจุบัน

ช่วงล่างและสมรรถนะการขับขี่: เมื่อความนุ่มนวลผสานกับความแกร่ง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า ZEEKR 7X ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SUV ไฟฟ้า ในด้านสมรรถนะการขับขี่ โดยเฉพาะการผสานรวมเอาความนุ่มนวลของ ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD เข้ากับความสามารถในการลุยที่โดดเด่น

ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD: นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X มีความยืดหยุ่นสูงในการรับมือกับสภาพถนนที่แตกต่างกัน ระบบนี้สามารถปรับความสูงของรถและค่าความหนืดของโช้คอัพได้อย่างอิสระและรวดเร็ว ตามโหมดการขับขี่หรือสภาพถนนที่ตรวจจับได้
บนทางเรียบ: ระบบจะปรับให้ช่วงล่างมีความนุ่มนวล มอบความสบายในการเดินทาง ลดแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ และยังช่วยให้รถทรงตัวได้ดีเยี่ยมในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว
ในโหมดออฟโรด: ระบบจะยกตัวถังขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้น ป้องกันการกระแทกท้องรถกับอุปสรรค นอกจากนี้ยังสามารถปรับความแข็งของช่วงล่างให้เหมาะสมกับการลุย เพื่อการควบคุมที่ดีที่สุด

ระบบเบรก: ZEEKR 7X มาพร้อมกับระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot และคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ซึ่งไม่ใช่แค่สวยงามสะดุดตา แต่ยังเป็นระบบเบรกประสิทธิภาพสูงที่ให้ความมั่นใจในการหยุดรถได้อย่างเฉียบคมและแม่นยำ เหมาะสมกับพละกำลังและน้ำหนักของ SUV ไฟฟ้า คันนี้

การทดสอบออฟโรดที่คาดไม่ถึง:
ก่อนการทดสอบขับขี่ที่เขาใหญ่ ผมยอมรับว่ามีความคาดหวังไม่มากนักกับความสามารถในการลุย ออฟโรดไฟฟ้า ของ ZEEKR 7X แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับทำให้ผมต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง ในสนามทดสอบที่จำลองสถานการณ์ออฟโรดต่างๆ ZEEKR 7X ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือกว่าที่คาดไว้:
เนินสลับ: ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD ในรุ่น Performance) และช่วงล่างถุงลมทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว เมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งลอยจากพื้น ระบบจะถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะกับพื้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รถเคลื่อนที่ผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การให้ตัวของช่วงล่างยังทำได้ดีมาก ทำให้ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่
เนินชัน: ด้วยพละกำลังมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การปีนป่ายเนินชันเป็นเรื่องง่าย และที่น่าประทับใจคือเมื่อหยุดรถกลางเนินและออกตัวใหม่ ระบบสามารถจัดการพลังงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีการฟรีทิ้งของล้อ การลงเนินสูงก็มี ระบบควบคุมความเร็วรถยนต์ขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ที่ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถ SUV พรีเมียมจากยุโรป
ทางขรุขระ: แม้จะวิ่งผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินและหลุมบ่อ ช่วงล่างถุงลมก็ยังคงมอบความนุ่มนวลให้กับห้องโดยสาร และที่น่าทึ่งคือพวงมาลัยยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการออกแบบวิศวกรรมช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม

โดยรวมแล้ว ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า SUV ไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่ขับได้แค่บนทางเรียบเท่านั้น แต่ยังสามารถมอบประสบการณ์การลุยที่สนุกและมั่นใจได้อีกด้วย

ห้องโดยสาร: นิยามใหม่ของความหรูหราและเทคโนโลยีเพื่อการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับและสะดวกสบายอย่างแท้จริง นี่คือการลงทุนในคุณภาพวัสดุและ นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกของผู้ใช้งาน

เบาะนั่ง Nappa Leather: เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa ที่มีชื่อเสียงด้านความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมระดับสูงของผู้เป็นเจ้าของ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล หรือหลังจากวันทำงานที่เหน็ดเหนื่อย เปลี่ยนการขับขี่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย เบาะหลังยังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ทำงาน ทำให้ ห้องโดยสารพรีเมียม ของ ZEEKR 7X กลายเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ

ระบบสารสนเทศและความบันเทิงที่ล้ำยุค: ZEEKR 7X ยกมาตรฐานของเทคโนโลยีภายในรถขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบหน้าจอที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแผนที่ ระบบนำทาง การรับชมสื่อบันเทิง หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ การตอบสนองของหน้าจอมีความรวดเร็วและลื่นไหล
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: ระบบ Head-Up Display แบบ Augmented Reality ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่ เช่น ความเร็ว ทิศทาง หรือข้อมูลจากระบบนำทาง โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (เทคโนโลยี 5nm Process Technology): คือเบื้องหลังความเร็วและประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศและบันเทิงทั้งหมด ชิปตัวนี้ช่วยให้การประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อคำสั่งได้ทันที ทำให้ประสบการณ์การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ

ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: เพื่อประสบการณ์ความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ ZEEKR 7X มาพร้อมระบบเสียงคุณภาพระดับสตูดิโอ ด้วยลำโพง 21 จุดที่จัดวางอย่างพิถีพิถันรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง พอดแคสต์ หรือชมภาพยนตร์ คุณจะได้รับประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำและเต็มอิ่ม

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และช่องวางแก้วอัจฉริยะ ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความใส่ใจในทุกมิติ เพื่อสร้าง ห้องโดยสารพรีเมียม ที่มอบความสะดวกสบายและความหรูหราสูงสุด

ความปลอดภัยระดับโลก: มั่นใจทุกเส้นทางกับแพลตฟอร์ม SEA และเทคโนโลยีอัจฉริยะ

หนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุดของ ZEEKR 7X คือ ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR 7X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อ รถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความแข็งแกร่งของโครงสร้างและความสามารถในการปกป้องผู้โดยสาร

มาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว: ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยของ ZEEKR 7X ได้รับการยืนยันด้วยผลการทดสอบอันยอดเยี่ยมจาก Euro NCAP ซึ่งเป็นองค์กรทดสอบความปลอดภัยรถยนต์อิสระชั้นนำระดับโลก โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนอย่างจริงจังในการปกป้องชีวิตของทุกคนในครอบครัว ทำให้ ZEEKR 7X เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ รถครอบครัวไฟฟ้า
ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD พร้อม Dual Mobileye Chips: ZEEKR 7X มาพร้อมกับ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) อัจฉริยะ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับชิป Mobileye สองตัว (Dual Mobileye Chips) ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความน่าเชื่อถือในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน และมอบฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) และอื่นๆ อีกมากมาย เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความผ่อนคลายในการขับขี่ระยะไกล
โครงสร้างตัวถัง Dome-Shaped และ Single Piece Die-Cast: ZEEKR 7X ใช้โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped ที่ช่วยกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นเทคนิคการผลิตขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างอย่างมาก พร้อมทั้งลดน้ำหนักรวมของตัวรถ ทำให้ ZEEKR 7X มี ประสิทธิภาพรถไฟฟ้า ที่ดีขึ้นจากการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และมอบความปลอดภัยสูงสุดในกรณีเกิดการชน

บทสรุป: ZEEKR 7X คู่หูแห่งอนาคตสำหรับคนไทยในปี 2025

หลังจากได้เจาะลึกทุกแง่มุมของ ZEEKR 7X ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X คือ SUV ไฟฟ้า ที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดและสร้างนิยามใหม่ให้กับ รถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยปี 2025 อย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างดีไซน์หรูหรา เทคโนโลยีรถไฟฟ้า ล้ำสมัย สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่เร้าใจ ความสามารถในการลุย ออฟโรดไฟฟ้า ที่เหนือความคาดหมาย และ ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า ระดับโลก ทำให้ ZEEKR 7X เป็นรถที่โดดเด่นและไม่มีคู่แข่งรายใดในตลาดสามารถเทียบเคียงได้โดยตรงในแง่ของความสมบูรณ์แบบรอบด้าน

ไม่ว่าคุณจะมองหา รถครอบครัวไฟฟ้า ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย พร้อมพื้นที่กว้างขวางสำหรับการเดินทางทุกรูปแบบ หรือมองหา รถ EV ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน ไม่ว่าจะบนทางเรียบหรือในเส้นทางท้าทาย ZEEKR 7X ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือคู่หูที่จะพาคุณออกไปสำรวจโลกได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง

ด้วย ราคา ZEEKR 7X ที่คาดการณ์โดย ZEEKR ประเทศไทย (นำเข้า CBU จีน) อยู่ที่ช่วง 1,700,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range RWD และไม่เกิน 1,900,000 บาท สำหรับรุ่น Performance AWD พร้อมกับการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. เหล่านี้คือแพ็คเกจที่เหนือกว่า ที่ยืนยันถึงความมั่นใจในคุณภาพและบริการที่ ZEEKR มอบให้ลูกค้าชาวไทย

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตการขับขี่!

หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ SUV ไฟฟ้า แห่งอนาคต ที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของคุณเกี่ยวกับ รถ EV ไปตลอดกาล ZEEKR 7X คือคำตอบที่ใช่ ขอเชิญคุณเข้ามาสัมผัส ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง และจองการทดลองขับ เพื่อพิสูจน์ทุกคำกล่าวที่เราได้นำเสนอมาได้ที่ผู้แทนจำหน่าย ZEEKR ทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารและวันเปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทย 15 สิงหาคม 2025 นี้ ที่เว็บไซต์ของเรา. โลกของ รถยนต์ไฟฟ้า กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และ ZEEKR 7X คือผู้นำเทรนด์ที่คุณไม่ควรมองข้าม.