ZEEKR 7X: พลิกนิยาม SUV ไฟฟ้ายุค 2025 สู่การขับขี่เหนือระดับในทุกเส้นทาง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาด EV อย่างก้าวกระโดด จากรถยนต์ต้นแบบที่เคยดูเหมือนฝัน สู่ยนตรกรรมที่ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างแท้จริง และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 ความคาดหวังของผู้บริโภคก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เพียงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมหรือระยะทางที่ไปได้ไกล แต่ยังรวมถึงความหลากหลายในการใช้งาน และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
และนี่คือจุดที่ ZEEKR 7X ยืนอยู่ โดยพร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาด SUV ไฟฟ้า ด้วยการผสานความหรูหรา สง่างาม เข้ากับขุมพลังที่ไร้ขีดจำกัด และที่สำคัญที่สุดคือ ความสามารถในการบุกตะลุยในเส้นทางออฟโรดได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าอีกคันหนึ่ง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวข้ามขีดจำกัด และการนิยามใหม่ของคำว่า “SUV ไฟฟ้า” ที่แท้จริง
ดีไซน์แห่งอนาคตที่ผสานความหรูหราและฟังก์ชัน
เมื่อแรกเห็น ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงความประณีตและวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำของทีมออกแบบ ดีไซน์ภายนอกของ ZEEKR 7X ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน สะท้อนปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความซับซ้อน เส้นสายที่คมชัดและโค้งมนอย่างลงตัว สร้างภาพลักษณ์ของ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่ดูหรูหราและทรงพลังไปพร้อมกัน ไฟหน้าแบบ Stargate Front Light Panel ไม่เพียงแค่ให้ความสว่าง แต่ยังเป็นเหมือนผืนผ้าใบดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวและดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน
มิติตัวถังที่ลงตัว ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่กว้างถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านความสง่างามและความมั่นคงในการขับขี่ ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร เป็นตัวเลขที่บ่งบอกว่ารถคันนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งบนถนนเรียบเท่านั้น แต่ยังพร้อมสำหรับเส้นทางที่ท้าทายเล็กน้อยอีกด้วย พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่กว้างขวางถึง 539 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง รวมถึงช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร สะท้อนถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว หรือการขนสัมภาระสำหรับครอบครัว
ขุมพลังไฟฟ้า 800V: แรงสั่งได้ ควบคุมได้ และไปได้ไกลกว่า
หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน ZEEKR 7X คือเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าขั้นสูงที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ในปี 2025 แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การชาร์จไฟรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของระบบส่งกำลัง มอบทั้งพละกำลังที่มหาศาล และการจัดการพลังงานที่เหนือชั้น
ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นหลัก ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่:
รุ่น Long Range RWD:
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 440 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh บนแพลตฟอร์ม 800V
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่งรถยนต์ไฟฟ้าไกล กว่า 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการเดินทางระยะไกลและต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบช่วงล่างอิสระ Double Wishbone ที่ด้านหน้า และ Multi-Link ที่ด้านหลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และยาง 255/50 R19 ให้ความนุ่มนวลและมั่นคงในการขับขี่
รุ่น Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจสูงสุด รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิด 710 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh บนแพลตฟอร์ม 800V เช่นกัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้เพียง 3.8 วินาที ซึ่งเทียบเท่ารถสปอร์ตสมรรถนะสูงหลายๆ รุ่น พร้อมความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่งกว่า 600 กม. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งยังคงเป็น ระยะทางวิ่งรถยนต์ไฟฟ้าไกล ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทาง
รุ่น Performance ยังอาจมาพร้อมกับล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 และระบบเบรกดิสก์ 4-pot พร้อมคาลิปเปอร์ Akebono สีส้ม ที่เพิ่มทั้งประสิทธิภาพการหยุดรถและความสวยงามดุดัน
ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า: จากถนนหลวงสู่เส้นทางท้าทาย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมการทดสอบ ZEEKR 7X ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และต้องยอมรับว่ารถคันนี้สร้างความประทับใจได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่หลายคนอาจไม่คาดคิดจาก SUV ไฟฟ้า นั่นคือ สมรรถนะการลุยออฟโรด
การทดสอบออฟโรด:
ในช่วงแรกของการทดสอบ ผมไม่ได้คาดหวังมากนักกับการขับขี่ออฟโรดด้วยรถยนต์ไฟฟ้า แต่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดา เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Active Air Suspension with CCD จะปรับความสูงตัวรถขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มระยะห่างจากพื้นเพื่อผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย
เนินสลับ: การวิ่งผ่านเนินสลับที่ทำให้ล้อลอยจากพื้น ZEEKR 7X สามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้อย่างชาญฉลาด ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก แสดงให้เห็นถึงการออกแบบระบบกันสะเทือนที่แม่นยำ
เนินชัน: การปีนขึ้นเนินชัน ZEEKR 7X ใช้พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอันมหาศาลส่งขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย และที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ เมื่อหยุดรถกลางเนินและออกตัวใหม่ ระบบจะจัดการพลังงานได้อย่างละเอียดอ่อน ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนเกินไปจนทำให้ล้อฟรีทิ้ง ช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างมั่นคง และเมื่อถึงจังหวะลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นราวกับรถยุโรประดับพรีเมียม มอบความสบายใจและความปลอดภัยอย่างสูงสุด
เส้นทางขรุขระ: การวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระ ด้วยช่วงล่างถุงลมทำให้ห้องโดยสารยังคงความนุ่มนวล แต่จุดเด่นที่แท้จริงคือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไร้อาการสั่นสะท้านหรือตีมือแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและการปรับแต่งช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม สรุปได้ว่าในโหมดออฟโรด ZEEKR 7X สอบผ่านอย่างเหนือความคาดหมาย
การขับขี่บนทางเรียบ:
แน่นอนว่าบนทางเรียบ ZEEKR 7X ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พละกำลังอันมหาศาล แรงดึงที่หนักแน่นในรุ่น Performance มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ แต่ยังคงความนุ่มนวลและมั่นคงในทุกย่านความเร็ว ในขณะที่รุ่น Long Range ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน แรงดึงที่ได้นั้นเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและยังให้ความรู้สึกทรงพลัง ช่วงล่างของทั้งสองรุ่นมอบความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ โดยรุ่น Long Range อาจจะให้ความรู้สึกที่เฟิร์มกว่า Performance เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ระบบชาร์จที่รวดเร็วและยืดหยุ่น: ก้าวข้ามข้อจำกัดของ EV
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นในปี 2025 คือระบบการชาร์จไฟที่ล้ำสมัย รองรับทั้งหัวชาร์จ Type 2 และ CCS Combo ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับ สถานีชาร์จเร็ว DC ได้อย่างกว้างขวาง
การชาร์จกระแสสลับ (AC): รองรับสูงสุด 22 kW ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ EV ทั่วไป ทำให้การชาร์จที่บ้านหรือตามจุดชาร์จสาธารณะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging): รองรับสูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่รองรับการชาร์จเร็วที่สุดในตลาด ด้วยกำลังชาร์จ DC 360 kW ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นการลดเวลาการรอคอยได้อย่างมหาศาล ทำให้การเดินทางระยะไกลด้วย EV เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L): ด้วยกำลังสูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่ยังเป็นเหมือน “Power Bank เคลื่อนที่” ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ ปาร์ตี้กลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองฉุกเฉินสำหรับบ้าน สิ่งนี้เพิ่มความยืดหยุ่นและคุณค่าในการใช้งานให้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ห้องโดยสารพรีเมียม: สวรรค์ส่วนตัวในทุกการเดินทาง
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การผ่อนคลายขั้นสูงสุด และสะท้อนถึงการเป็น SUV ไฟฟ้าพรีเมียม อย่างแท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและความหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังบ่งบอกถึงรสนิยมระดับสูงของผู้ครอบครอง
เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ซึ่งจะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือวันที่เหน็ดเหนื่อย เปลี่ยนการขับขี่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน หรือแม้แต่การรับชมความบันเทิง ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ประตูทั้ง 4 บานยังมาพร้อมระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ปรับด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด
เทคโนโลยีสารสนเทศและความบันเทิงที่ล้ำยุค:
ZEEKR 7X อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลที่ทันสมัยที่สุด:
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง การรับชมภาพยนตร์ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ
หน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาด 36.21 นิ้ว: ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (5nm Process Technology): หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนระบบทั้งหมดนี้ ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว ลื่นไหล และตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างทันท่วงที ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: สร้างมิติเสียงรอบทิศทางคุณภาพระดับสตูดิโอ เปลี่ยนห้องโดยสารให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่เคลื่อนที่ได้ มอบประสบการณ์สุนทรียภาพแห่งเสียงที่ดื่มด่ำ
ความปลอดภัยระดับโลก: อุ่นใจในทุกเส้นทาง
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ก้าวหน้า ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญที่ ZEEKR 7X ให้ความสำคัญสูงสุด รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อมอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
มาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว: ZEEKR 7X ได้รับการรับรองจาก Euro NCAP ด้วยคะแนน 5 ดาว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัย โดยทำคะแนนได้อย่างน่าประทับใจถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ZEEKR AD (ADAS): ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตรวจจับและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระยะห่าง การเตือนการชน หรือการช่วยจอดรถ ทำให้การขับขี่ปลอดภัยและลดความเหนื่อยล้า
โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง: โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการชน แต่ยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การรับประกันและราคาที่น่าสนใจ: มิติใหม่แห่งการเป็นเจ้าของ
ZEEKR 7X มีกำหนดเปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทยในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดยคาดการณ์ว่ารุ่น Long Range RWD จะมีช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท และรุ่น Performance AWD จะไม่เกิน 1,900,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและสมรรถนะระดับนี้
ZEEKR ประเทศไทย ยังมอบการรับประกันที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการเป็นเจ้าของ:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.
การรับประกันที่ครอบคลุมเช่นนี้ ตอกย้ำถึงความมั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ และช่วยลด ค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ในระยะยาวให้กับผู้ใช้งาน
สรุป: ZEEKR 7X นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้ายุค 2025
ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญในการผสมผสานสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา สง่างาม สมรรถนะที่เร้าใจ และที่สำคัญที่สุดคือ ความสามารถในการลุยออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2025 อย่างชัดเจน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัว ที่ไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่เป็นการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในทุกมิติ ไม่ว่าจะบนทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็ว หรือเส้นทางที่ท้าทายเล็กน้อย ZEEKR 7X คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ มันคือยนตรกรรมที่ผสมผสานความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความปรารถนาในการผจญภัยได้อย่างลงตัว
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสอนาคตของการขับขี่และนิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้า ที่พอลุยได้จริงในยุค 2025 ผมขอเชิญชวนให้คุณได้สัมผัส ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประสบการณ์ใหม่ ที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อยานยนต์ไฟฟ้าไปตลอดกาล ติดตามข่าวสารล่าสุดและรายละเอียดการจองได้ที่ตัวแทนจำหน่าย ZEEKR ทั่วประเทศ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด!
![[ครบชุด] 2211065 Facebook (9)](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-58-1.png)
![[ครบชุด] 2211066 Facebook (4)](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-59-1.png)