[ตอนต่อไป] 002T1129 AB2 ทำดีกับคนแปลกหน้า รางวัลตอบแทนไม่คาดฝัน.mp4

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: ยังคงเป็นตำนานที่น่าครอบครองในตลาดรถมือสอง?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่คลุกคลีกับรถหรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นรถยนต์มากมายเกิดขึ้นและจางหายไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ Mercedes-Benz CLS เจเนอเรชันนี้ โดยเฉพาะรุ่น CLS 220 d AMG Premium มันคือหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ยังคงทิ้งมรดกอันโดดเด่นไว้ แม้ว่าสายการผลิตของ CLS จะสิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2023 และในปี 2025 นี้ มันได้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์มือสอง ด้วยคุณค่าที่เหนือกว่าราคาที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เรามาเจาะลึกกันว่าทำไม CLS คันนี้ยังคงเป็น “ของจริง” ที่คุ้มค่าแก่การครอบครอง

ดีไซน์เหนือกาลเวลา: สุนทรียภาพที่ไม่ยอมแก่ตามวัย

เอกลักษณ์ที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS แตกต่างและโดดเด่นเหนือคู่แข่งมาโดยตลอดคือปรัชญาการออกแบบแบบ “สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู” หรือที่เรียกว่า “Four-door Coupé” ซึ่งเป็นการผสมผสานความสง่างามของรถซีดานเข้ากับเส้นสายที่พลิ้วไหว เร้าใจของรถคูเป้ได้อย่างลงตัว ในปี 2025 ที่เทรนด์การออกแบบรถยนต์หลายรุ่นเริ่มมีรูปทรงที่คล้ายคลึงกันมากขึ้น CLS คันนี้กลับยังคงเฉิดฉายและดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ตัวรถมีความโค้งมนที่ไหลลื่นตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายลาดแบบ Fastback ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร

จากประสบการณ์ของผม การออกแบบภายนอกของ CLS ได้รับการยกย่องว่า “อมตะ” อย่างแท้จริง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างไฟหน้า Multibeam LED ที่คมกริบ, กระจังหน้า Diamond Grille อันเป็นเอกลักษณ์, ประตูไร้กรอบ (Frameless Doors) ที่เสริมความสปอร์ตและความหรูหรา และเส้นสาย “Sensual Purity” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ CLS ดูทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ตกรุ่นง่ายๆ เหมือนรถยนต์บางรุ่นที่เปิดตัวมาไม่นานก็ดูเก่าไปเสียแล้ว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราควบคู่ไปกับความสปอร์ตที่แตกต่าง CLS คือคำตอบที่ชัดเจนและยากที่จะหาใครเทียบเคียงได้ในตลาด รถหรูมือสอง

ห้องโดยสารของ CLS ก็ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับความหรูหราภายนอกได้อย่างไร้ที่ติ การตกแต่งภายในด้วยวัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นหนัง Nappa, ไม้ Open-Pore หรืออลูมิเนียมขัดเงา ล้วนสะท้อนถึงงานฝีมือระดับพรีเมียมของ Mercedes-Benz แผงคอนโซลกลางที่ไหลลื่นเชื่อมกับหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ แสดงผลข้อมูลการขับขี่และความบันเทิงได้อย่างสวยงามและใช้งานง่าย เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตโอบรับสรีระได้เป็นอย่างดี ให้ทั้งความสบายและความรู้สึกกระชับเมื่อต้องใช้ความเร็ว แม้ว่าจะเป็นรถที่มีรูปทรงคูเป้ แต่พื้นที่ภายในสำหรับผู้โดยสารตอนหลังก็ยังคงสะดวกสบายเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน ไม่ได้คับแคบอย่างที่หลายคนกังวลในรถประเภทคูเป้ ทำให้ CLS เป็น สปอร์ตซีดานหรู ที่ใช้งานได้จริงสำหรับทุกคนในครอบครัว

ขุมพลังดีเซลที่เหนือกว่า: ประหยัด แรง และทนทาน

ภายใต้ความสง่างามของ CLS 220 d AMG Premium คือหัวใจที่เปี่ยมประสิทธิภาพอย่างเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร (OM654) พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ที่ช่วงรอบต่ำ 1,600-2,800 รอบ/นาที ซึ่งส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความราบรื่นและแม่นยำ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอและสร้างความประทับใจได้อย่างมากสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและเดินทางไกล

จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ CLS 220 d เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในยุค 2025 นี้คือ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ดีเซล ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid (EQ Boost) ระบบนี้ไม่ได้ให้กำลังมหาศาลเหมือน Plug-in Hybrid แต่ช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในจังหวะออกตัวหรือเร่งแซง ระบบ EQ Boost จะช่วยให้รถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น ไม่รู้สึกถึงความหน่วง และยังช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้ ประหยัดน้ำมัน ได้อย่างน่าทึ่ง

จากประสบการณ์การทดสอบขับขี่และใช้งานจริงของผม CLS 220 d เป็นรถที่ให้ อัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงที่น่าประทับใจอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อวิ่งทางไกลข้ามจังหวัด คุณจะสัมผัสได้ถึงความประหยัดที่หาได้ยากในรถยนต์ระดับเดียวกัน:

การจราจรติดขัดในเมือง: ประมาณ 10-12 กิโลเมตร/ลิตร (ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและพฤติกรรมการขับขี่)
การขับขี่บนทางหลวงแบบโล่งๆ: สามารถทำได้สูงถึง 20-22 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหนือความคาดหมายสำหรับรถขนาดนี้
การใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมือง 50% / ทางหลวง 50%): เฉลี่ยประมาณ 14-16 กิโลเมตร/ลิตร

ความประหยัดน้ำมันดีเซลนี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเก่า นอกจากนี้ เครื่องยนต์ดีเซล OM654 ยังขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและค่าบำรุงรักษาที่ไม่จุกจิกหากได้รับการดูแลตามระยะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อ รถเบนซ์มือสอง ควรพิจารณาในระยะยาว

คุ้มค่าเกินราคาในตลาดปี 2025: การลงทุนที่ชาญฉลาด

นี่คือประเด็นที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ณ วันที่รถคันนี้ยังอยู่ในสายการผลิต ราคาจำหน่ายป้ายแดงสูงถึง 4,640,000 บาท และมีการปรับลดราคาลงในล็อตสุดท้ายเหลือ 3,880,000 บาท แต่เมื่อพิจารณาในตลาดรถยนต์มือสองปัจจุบัน ราคา Mercedes CLS มือสอง ได้ปรับลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งใน รถหรูมือสองราคาดี ที่สุดในตลาด และเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการครอบครองรถยนต์ระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้

การที่ CLS เจเนอเรชันนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่ใช้ชื่อ CLS ยิ่งเพิ่มคุณค่าให้กับมันในระยะยาว มันหมายความว่าดีไซน์และเทคโนโลยีในรุ่นนี้จะยังคงเป็นเอกลักษณ์และไม่ถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อเดียวกัน ทำให้มันมีโอกาสที่จะกลายเป็น “Future Classic” หรือรถสะสมในอนาคตอันใกล้สำหรับบางกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์พรีเมียม ที่มีอายุการใช้งานไม่มากนัก (ส่วนใหญ่เป็นรถปี 2020-2023) ด้วยราคาที่ลดลงจากป้ายแดงเกือบครึ่ง ทำให้คุณได้รถที่มีสมรรถนะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ยังคงทันสมัยในราคาที่เทียบเท่ากับรถยนต์ใหม่ในกลุ่ม D-Segment ทั่วไป การลงทุนใน CLS มือสองจึงเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพื่อแลกกับประสบการณ์การขับขี่และภาพลักษณ์ที่เหนือกว่า

แน่นอนว่าการซื้อ รถเบนซ์มือสอง ย่อมมีข้อพิจารณาเรื่อง ค่าบำรุงรักษา แต่จากประสบการณ์ของผมกับรุ่นนี้ หากได้รถที่ผ่านการดูแลอย่างดีจากศูนย์บริการหรืออู่เบนซ์ที่เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยรวมถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับรถยนต์ยุโรปพรีเมียม และด้วยความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซล OM654 ทำให้ปัญหาจุกจิกกวนใจมีน้อยกว่าที่หลายคนกังวล

ประสบการณ์การขับขี่: สปอร์ต นุ่มนวล และมั่นใจ

จากการทดลองขับ CLS 220 d AMG Premium ในหลากหลายสภาพการจราจร ผมขอยืนยันว่ามันเป็นรถที่ให้ การควบคุม ที่ยอดเยี่ยมและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ

โหมดการขับขี่ (Dynamic Select):
ECO Mode: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการ ความประหยัดน้ำมัน สูงสุด คันเร่งจะตอบสนองแบบนุ่มนวล การเปลี่ยนเกียร์จะเกิดขึ้นที่รอบต่ำ เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หากขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด โหมดนี้จะช่วยให้รถเคลื่อนตัวได้อย่างราบรื่นและช่วยประหยัดได้จริง แต่หากต้องการเร่งแซงกะทันหัน อาจรู้สึกถึงการตอบสนองที่ช้าลงเล็กน้อย
Comfort Mode: เป็นโหมดที่ผมแนะนำว่าเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด คันเร่งตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลที่พอเหมาะซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เป็นการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายและสมรรถนะที่ลงตัว ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือเดินทางไกล โหมดนี้ก็ตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม
Sport Mode: สำหรับผู้ที่ต้องการ สมรรถนะสูง และความเร้าใจ โหมด Sport จะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ไวขึ้น เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเพื่อคงกำลังเครื่องยนต์ไว้สูงสุด พวงมาลัยจะหนืดขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการควบคุม และช่วงล่างจะปรับให้กระชับขึ้น สังเกตได้ชัดว่าเมื่ออยู่ในโหมดนี้ เพียงแค่แตะคันเร่งเบาๆ รถก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว อัตราเร่งที่รุนแรงและเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันขึ้น สร้างอารมณ์สปอร์ตได้อย่างเต็มที่ ใครที่บอกว่ารถดีเซลอืด ต้องมาลองโหมด Sport ของ CLS คันนี้ดู รับรองว่าจะเปลี่ยนใจ

ความคล่องตัว และระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้น:

แม้ตัวถังของ CLS จะดูใหญ่โต แต่ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์และระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ทำให้มันมีความ ความคล่องตัว สูงอย่างน่าประหลาดใจ การขับขี่ซอกแซกในเมืองหรือเลี้ยวเข้าออกซอยแคบๆ สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ไม่รู้สึกเทอะทะ

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังมาพร้อม ระบบความปลอดภัย และ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ที่ครบครันและล้ำหน้าสำหรับยุคนั้น ซึ่งยังคงมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบัน:

Active Brake Assist (ระบบเบรกอัตโนมัติ): สามารถตั้งค่าระดับการทำงานได้ จะเตือนด้วยสัญญาณภาพและเสียงเมื่อขับเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และหากผู้ขับไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงหรือป้องกันการชน
Blind Spot Assist (ระบบเตือนจุดอับสายตา): มีไฟเตือนบนกระจกมองข้างเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับ และยังทำงานต่อเนื่องแม้ดับเครื่องยนต์แล้ว หากคุณกำลังจะเปิดประตูแล้วมีรถวิ่งมาด้านหลัง ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นับเป็นฟังก์ชันที่ช่วยเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนได้อย่างแท้จริง
Active Parking Assist with PARKTRONIC (ระบบจอดรถอัตโนมัติ): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ไม่ถนัดการจอดรถเข้าซอง ระบบนี้จะช่วยค้นหาช่องจอดและทำการบังคับพวงมาลัย รวมถึงควบคุมการเปลี่ยนเกียร์และคันเร่งให้เองโดยอัตโนมัติ ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายและแม่นยำ
กล้อง 360 องศา: มอบมุมมองรอบคัน ทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบรถได้อย่างชัดเจน ช่วยให้การจอดรถเทียบฟุตบาท การขับเข้าที่แคบ หรือการถอยจอดปลอดภัยยิ่งขึ้น ผมใช้ฟังก์ชันนี้บ่อยมากเพื่อหลีกเลี่ยงการเฉี่ยวชน

การเก็บเสียงและช่วงล่าง: สปอร์ตและมีจุดที่ต้องพิจารณา

ในด้าน การเก็บเสียง ห้องโดยสารของ CLS ทำได้อย่างยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของ Mercedes-Benz ที่ความเร็วสูงถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารมีน้อยมาก ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย สามารถสนทนาหรือฟังเพลงได้อย่างสบาย อย่างไรก็ตาม จุดหนึ่งที่ต้องยอมรับคือด้วยการใช้ยาง Run-flat ที่มีโครงสร้างแข็งแรงกว่ายางปกติ ทำให้มีเสียงยางบดถนนและแรงสะเทือนจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบเข้ามาในห้องโดยสารได้บ้าง ซึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับความปลอดภัยจากการไม่มีล้ออะไหล่

สำหรับ ช่วงล่าง Mercedes ในรุ่นนี้ มีการเซ็ตอัพที่ค่อนข้างเน้นความสปอร์ตมากกว่าความนุ่มนวลแบบย้วยๆ ซึ่งผมชอบมาก เพราะให้ความมั่นใจในการขับขี่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ไม่มีอาการร่อนหรือโคลงเคลง แต่ในส่วนของล้อขนาด 20 นิ้วที่มาพร้อมยางแก้มเตี้ย (245/35R20 สำหรับล้อหน้า และ 275/30R20 สำหรับล้อหลัง) เป็นจุดที่ผมรู้สึกว่ามีข้อจำกัดอยู่บ้าง ยางที่มีความบางมากนี้ทำให้การขับผ่านทางขรุขระหรือตกหลุมบ่อเล็กๆ รู้สึกสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน และยังเพิ่มโอกาสที่ล้อและยางจะเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่าหากเจอหลุมขนาดใหญ่

คำแนะนำจากประสบการณ์ของผมสำหรับผู้ที่เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นพิเศษ อาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว และเลือกยางที่มีแก้มยางหนาขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่และลดความกังวลเรื่องความเสียหายของล้อและยางได้มาก โดยที่ยังคงความสวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมอยู่

สรุป: CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่เหนือความคาดหมาย

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานในวงการยานยนต์ ผมขอยืนยันว่า Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็น การลงทุน ที่คุ้มค่าอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์มือสอง มันเป็นรถสี่ประตูท้ายลาดที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความสปอร์ต ความหรูหรา และความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกล CLS คันนี้ก็พร้อมพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและเปี่ยมด้วยสไตล์

ด้วยวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่ประณีต และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ยังคงทันสมัย CLS 220 d AMG Premium มอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์หรูระดับพรีเมียมในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายกว่าในตลาดรถใหม่มาก นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคา Mercedes ในตลาดมือสองที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้มูลค่าของรถรุ่นนี้มีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือลดลงไม่มากนักในระยะถัดไป ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่มองหาความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา รถเบนซ์มือสอง ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีดีไซน์อมตะ ประหยัดน้ำมัน และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยในราคาที่คุ้มค่า Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม

คำเชิญ: ค้นหา CLS ของคุณวันนี้

ในโลกที่รถยนต์รุ่นใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังคงยืนหยัดด้วยคุณค่าที่เหนือกาลเวลา อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของมันด้วยตัวคุณเอง ลองพิจารณา CLS คันนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตของคุณ แล้วคุณจะพบว่ามันไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะที่สามารถขับเคลื่อนได้

หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกซื้อ หรือต้องการคำแนะนำในการดูแลรักษา Mercedes-Benz CLS โปรดแบ่งปันความคิดเห็นหรือสอบถามในช่องคอมเมนต์ เรายินดีที่จะให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้คุณเป็นเจ้าของตำนานคันนี้ได้อย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด.