[ตอนต่อไป] 031T1129 AB31 โดนไล่ออกจากบ้าน แต่ได้สามีเป็นเจ้าของโรงแรม.mp4

เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLS 220 d AMG Premium: ไอคอนแห่งดีไซน์ที่ยังคงโดดเด่นและน่าจับตาในปี 2025

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง การถือกำเนิดของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่รถรุ่นหนึ่งสามารถสร้างตำนานและยังคงความน่าสนใจไว้ได้แม้จะยุติสายการผลิตไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่น่ากล่าวถึงยิ่งนัก และ Mercedes-Benz CLS คือหนึ่งในปรากฏการณ์นั้น โดยเฉพาะรุ่น CLS 220 d AMG Premium ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดศูนย์รวมของความหรูหรา สมรรถนะ และนวัตกรรม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการที่คลุกคลีกับยนตรกรรมมานานกว่าทศวรรษ ผมขอพาทุกท่านเจาะลึกว่าในปี 2025 นี้ ยนตรกรรมสี่ประตูคูเป้ที่ไร้กาลเวลาคันนี้ ยังคงเป็นตัวเลือกที่ “น่าลงทุน” และ “น่าใช้งาน” หรือไม่ ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในตลาด

ดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา: เมื่อความงดงามก้าวข้ามทุกพรมแดนของยุคสมัย

จากประสบการณ์ของผม รถยนต์บางรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นกระแสในชั่วขณะหนึ่ง แต่ Mercedes-Benz CLS กลับถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสร้างนิยามใหม่ และกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับรถยนต์กลุ่ม “สี่ประตูคูเป้” ในเวลาต่อมา ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหว โครงสร้างตัวถังที่ผสานความสง่างามของซีดานเข้ากับความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวของคูเป้ได้อย่างลงตัว ทำให้ CLS 220 d AMG Premium ยังคงโดดเด่นและเตะตาบนท้องถนนในปี 2025 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้รุ่นล่าสุดจะเปิดตัวมาหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็น CLS ขับผ่าน ผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวมอง และเชื่อว่าหลายท่านก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

การออกแบบภายนอกภายใต้แพ็กเกจ AMG Premium นั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ CLS ดูสมบูรณ์แบบ ชุดแต่ง AMG ไม่เพียงแค่เพิ่มความดุดัน แต่ยังเสริมมิติให้ตัวรถดูต่ำลง กว้างขึ้น และมี Dynamic ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ตั้งแต่กระจังหน้า Diamond Grille อันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เส้นสายโค้งมนที่ลากยาวจากฝากระโปรงหน้าจรดท้ายรถแบบ Fastback สร้างภาพลักษณ์ของความลื่นไหลและไดนามิก แอโรไดนามิกที่ซ่อนอยู่ในทุกรายละเอียดไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่อีกด้วย ไฟหน้า MULTIBEAM LED อัจฉริยะที่ส่องสว่างคมชัด ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและใช้งานได้จริง มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมยามค่ำคืน และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่ยังคงความล้ำหน้าแม้ในยุค 2025 ที่เทคโนโลยีไฟรถยนต์มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การตกแต่งภายในห้องโดยสารเองก็ยังคงความหรูหราและประณีต ด้วยวัสดุคุณภาพสูง หนัง Nappa และงานประกอบที่ไร้ที่ติ แผงคอนโซลกลางที่ไหลลื่นเชื่อมกับแผงประตูสร้างความรู้สึกโอบล้อมให้ผู้ขับขี่ จอแสดงผลแบบ Widescreen Cockpit ขนาดใหญ่สองจอต่อเนื่องกัน ยังคงมอบประสบการณ์การแสดงผลข้อมูลที่ทันสมัยและเข้าใจง่าย แม้ในวันนี้เราจะมีเทคโนโลยีจอโค้งหรือจอโปร่งใส แต่ความคลาสสิกของ Widescreen ของ Mercedes-Benz ก็ยังเป็นมาตรฐานที่ยากจะเลียนแบบ

สมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย: ขุมพลังดีเซล Mild Hybrid ที่ยังคงตอบโจทย์

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลบ่อยครั้ง หรือยังไม่พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM654 ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี 4 สูบ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาล 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความนุ่มนวลและตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ

สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือการทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid หรือ EQ Boost ที่ช่วยเสริมกำลังและเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ช่วยออกตัวและพยุงกำลังในรอบต่ำ ทำให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่รู้สึกหน่วง และยังช่วยลดภาระของเครื่องยนต์หลัก ส่งผลให้การบริโภคน้ำมันดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ จากประสบการณ์การใช้งานจริงของผม CLS 220 d คันนี้สามารถทำตัวเลขการบริโภคน้ำมันได้อย่างน่าทึ่ง:

การขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัดสูง: ประมาณ 10-12 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับรถหรูขนาดใหญ่
การขับขี่ทางหลวงด้วยความเร็วคงที่: สามารถทำได้ถึง 20-22 กิโลเมตร/ลิตร หรือมากกว่านั้นหากขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยเฉพาะการวิ่งทางไกลข้ามจังหวัด รถคันนี้จะโชว์ศักยภาพการประหยัดน้ำมันได้อย่างเต็มที่
การขับขี่แบบผสมผสาน (ในเมือง 50% / ทางหลวง 50%): เฉลี่ยประมาณ 14-16 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ดีเซลพรีเมียมในปัจจุบัน

ในภาวะราคาน้ำมันที่ผันผวนในปี 2025 ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ CLS 220 d จึงยังคงเป็นจุดแข็งที่สำคัญ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหา รถยนต์หรูประหยัดน้ำมัน

การขับขี่และสมรรถนะ: ผสมผสานความสบายและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

หลายคนอาจมองว่า CLS เป็นรถที่เน้นดีไซน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประสบการณ์หลังพวงมาลัยของ CLS 220 d AMG Premium นั้นเหนือกว่าที่คาดคิด ด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 10 ปีใน การทดสอบรถยนต์สมรรถนะสูง ผมสามารถยืนยันได้ว่า CLS คันนี้มอบประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่างกันไปตามโหมดการขับขี่ที่คุณเลือก:

โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันสูงสุด การตอบสนองของคันเร่งจะถูกปรับให้ช้าลงเล็กน้อย เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งเหมาะกับการจราจรที่ติดขัดอย่างยิ่ง
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมแนะนำสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือออกต่างจังหวัด การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์จะมีความสมดุล ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการเร่งแซง และยังคงความนุ่มนวลในการโดยสารไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
โหมด Sport: หากคุณต้องการปลดปล่อยสมรรถนะที่แท้จริงของ CLS 220 d โหมด Sport คือคำตอบ การตอบสนองของคันเร่งจะไวขึ้น อัตราทดเกียร์จะถูกปรับให้กระชับ เพื่อเรียกแรงบิดได้อย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาเดียวคุณจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่พุ่งทะยานจนความเร็วแตะ 180 กม./ชม. ได้อย่างง่ายดาย ใครที่เคยปรามาสว่ารถรุ่นนี้ “อืด” ผมกล้าท้าให้ลองขับในโหมดนี้ แล้วจะเปลี่ยนใจทันที

แม้จะมีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ CLS กลับมีความคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจ การขับขี่ซิกแซกในที่แคบ หรือการเลี้ยวเข้าออกซอยต่างๆ ทำได้อย่างมั่นใจ ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตของ AMG นั้นได้รับการปรับแต่งมาอย่างยอดเยี่ยม มอบความมั่นคงในการเข้าโค้งได้อย่างไร้ที่ติ ไม่มีการโยนตัวหรืออาการร่อนให้เห็น ผู้ขับขี่จะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ แม้จะไม่ได้เน้นความนุ่มนวลหยุ่นตัวเหมือนรถซีดานหรูทั่วไป แต่ก็ให้ความกระชับและมั่นใจในทุกช่วงความเร็ว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz ที่เน้นสมรรถนะและการควบคุมเป็นหลัก

เทคโนโลยีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก: ยังคงล้ำหน้าในยุค 2025

Mercedes-Benz ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย และ CLS 220 d AMG Premium ก็อัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อันชาญฉลาดที่ยังคงทันสมัยและเป็นประโยชน์อย่างมากในปี 2025:

Blind Spot Assist: ระบบเตือนมุมอับสายตาที่ช่วยลดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนเลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือระบบยังคงทำงานแม้ดับเครื่องยนต์ไปแล้ว หากมีรถวิ่งมาทางด้านหลังขณะที่เรากำลังจะเปิดประตู ระบบจะส่งสัญญาณเตือน ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้
Active Brake Assist (ระบบเบรกอัตโนมัติ): ระบบนี้สามารถตั้งค่าระดับการทำงานได้ ไม่ว่าจะให้ทำงานช้าหรือเร็ว และยังสามารถปิดระบบได้ด้วยตนเอง จากการทดสอบ หากขับตามหลังรถคันหน้าใกล้เกินไป ระบบจะเตือนผ่านหน้าจอเรือนไมล์ และหากเข้าใกล้ในระยะอันตราย รถจะทำการเบรกอัตโนมัติ ถือเป็นฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนที่คับคั่งในปัจจุบันอย่างยิ่ง
Active Parking Assist (ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ): สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการจอดรถเข้าซอง ระบบนี้จะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดาย CLS 220 d AMG Premium สามารถค้นหาที่จอดและนำรถเข้าจอดได้เอง โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องบังคับพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งช่วยลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการจอดรถในพื้นที่จำกัดได้อย่างมาก
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: ด้วยกล้องที่ติดตั้งรอบคัน คุณสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้อย่างชัดเจน ทำให้การขับขี่ในที่แคบหรือการจอดเทียบฟุตบาทเป็นไปอย่างปลอดภัย ไร้กังวลว่าจะไปเฉี่ยวชนกับสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกมุมมองกล้องแต่ละมุมได้ตามต้องการ ซึ่งผมใช้ระบบนี้บ่อยมากในการจอดรถในชีวิตประจำวัน ช่วยให้การควบคุมรถขนาดใหญ่นี้ง่ายขึ้นอย่างมหาศาล

ทั้งหมดนี้คือระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ที่ Mercedes-Benz ได้ติดตั้งมาให้ ซึ่งยังคงเป็นมาตรฐานที่สูงและเทียบชั้นกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปี 2025 ได้สบายๆ

ความท้าทายในด้านความสะดวกสบาย: ยาง Run-flat และล้อขนาด 20 นิ้ว

แม้ว่า CLS 220 d AMG Premium จะรักษามาตรฐานการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. คุณแทบจะไม่ได้ยินเสียงลมปะทะเลย ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพงานประกอบและวัสดุซับเสียงระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญรู้สึก “ขัดใจ” อยู่เสมอ นั่นคือการเลือกใช้ยางรันแฟลต (Run-flat) ร่วมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

ล้อขนาด 20 นิ้วที่มาพร้อมกับยางคู่หน้าขนาด 245/35R20 และยางคู่หลังขนาด 275/30R20 นั้น ให้ความสวยงามและเติมเต็มรูปลักษณ์แบบ AMG ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยางที่มีแก้มยางบางเฉียบเหล่านี้กลับส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการขับขี่ เมื่อขับผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หรือตกหลุมบ่อเพียงเล็กน้อย ผู้โดยสารจะสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่ส่งตรงเข้ามาในห้องโดยสารอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ยางแก้มบางยังมีโอกาสเสียหายได้ง่ายกว่ายางปกติ หากเจอหลุมขนาดใหญ่ อาจนำไปสู่ความเสียหายของล้อและยางได้ ซึ่งเป็นข้อเสียที่ควรพิจารณาสำหรับผู้ที่ต้องขับขี่ในสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวยบ่อยครั้ง

ในฐานะผู้แนะนำ ผมมักจะแนะนำให้ผู้ที่ใช้งาน CLS รุ่นนี้พิจารณาเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว แล้วรัดด้วยยางที่มีแก้มยางหนาขึ้น เช่นเดียวกับรุ่นนำเข้าในช่วงแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของยางและล้อได้เป็นอย่างมาก โดยที่ยังคงรักษาความสวยงามและสมรรถนะในการขับขี่ไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ การปรับเปลี่ยนเล็กน้อยนี้สามารถยกระดับ ประสบการณ์การเป็นเจ้าของ CLS ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

คุ้มค่ากับการลงทุนในปี 2025 หรือไม่? ราคาและสถานะ “Last of its Kind”

ในปัจจุบัน (ปี 2025) แม้ว่า Mercedes-Benz CLS จะยุติการผลิตไปแล้ว แต่ยังมีรถยนต์ CLS 220 d AMG Premium รุ่นสุดท้ายเหลืออยู่ในตลาดรถมือสอง หรือรถที่ยังไม่เคยจดทะเบียนกับผู้จำหน่ายบางราย ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงราคาจำหน่ายที่เคยปรับลดลงกว่า 760,000 บาท เหลือ 3,880,000 บาท จากราคาปกติ 4,640,000 บาท ในช่วงก่อนหน้า ทำให้ CLS คันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์น่าลงทุน ในกลุ่ม ซีดานพรีเมียมมือสอง

การเป็น “โฉมสุดท้าย” ของตระกูล CLS ทำให้รถรุ่นนี้มีสถานะพิเศษ มันจะไม่ตกรุ่นในแง่ของดีไซน์ เพราะไม่มีรุ่นใหม่มาแทนที่โดยตรง ชื่อ CLS จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของ Mercedes-Benz ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์กลุ่มสี่ประตูคูเป้ นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าในระยะยาวของ CLS อาจแตกต่างจากรถรุ่นอื่นๆ ที่มีรุ่นใหม่มาทดแทนอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักสะสมหรือผู้ที่ชื่นชอบความพิเศษ CLS 220 d AMG Premium คือ รถยนต์เอกซ์คลูซีฟ ที่สามารถขับใช้งานได้จริงในทุกวัน

ในแง่ของ ราคาขายต่อ รถยนต์ที่หยุดสายการผลิตอาจมีแนวโน้มราคาที่คงที่กว่ารุ่นที่มีการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นรุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นที่ต้องการของตลาด CLS คือหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของวัสดุ งานประกอบ และเทคโนโลยีที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงของ Mercedes-Benz ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งใน ตลาดรถยนต์มือสอง ระดับพรีเมียม

สรุป: ไอคอนที่ไม่เคยหลับใหล

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็นยนตรกรรมที่น่าจับตา ด้วยดีไซน์สปอร์ตหรูที่ไร้กาลเวลา ผสมผสานความกว้างขวางของซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวของคูเป้ได้อย่างลงตัว ขุมพลังดีเซล Mild Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ยังคงทันสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นคงและเร้าใจ ทำให้ CLS คันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุนทรียะในการขับขี่ ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และยังคงมีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดีเยี่ยม

แม้จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องของยางรันแฟลตและล้อขนาดใหญ่ แต่ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับรถยนต์ระดับพรีเมียม และสถานะ “โฉมสุดท้าย” ที่ทำให้มันกลายเป็นตำนานไปแล้ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ และเป็นตัวเลือกที่ยังคงแข็งแกร่งสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นเลิศในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการออกทริปต่างจังหวัด ยนตรกรรมคันนี้พร้อมพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและมีสไตล์อย่างแน่นอน

บทส่งท้าย: ก้าวสู่ประสบการณ์ระดับพรีเมียม

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในแบบฉบับของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 นี้ ผมขอแนะนำให้คุณไม่พลาดโอกาสที่จะสัมผัสด้วยตัวคุณเอง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถยนต์ไอคอนิกคันนี้อย่างชาญฉลาด เพราะบางครั้ง “ตำนาน” ก็ไม่ได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ยังคงโลดแล่นอยู่บนท้องถนน รอให้คุณมาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันน่าจดจำนี้.