Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ปี 2025: คุ้มค่าในฐานะรถหรูมือสองที่ยังน่าจับตา และลงทุนหรือไม่?
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของรถยนต์มากมาย ทว่ารถบางรุ่นกลับมีเสน่ห์ที่อยู่เหนือกาลเวลา สามารถคงคุณค่าและสร้างแรงดึงดูดได้ไม่เสื่อมคลาย แม้กาลเวลาจะผันผ่านและสายการผลิตได้ยุติลงไปแล้วก็ตาม Mercedes-Benz CLS คือหนึ่งในเพชรเม็ดงามเหล่านั้น โดยเฉพาะรุ่น CLS 220 d AMG Premium ที่แม้จะเป็นโฉมสุดท้ายและได้หยุดการผลิตไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 แต่ในปี 2025 นี้ กลับกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถหรูมือสอง ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ยังคงทันสมัยไม่แพ้รถใหม่หลายรุ่น การจะตอบคำถามว่า “Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังน่าใช้อยู่ไหมในปี 2025?” นั้น ผมขอพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมจากประสบการณ์จริงที่สั่งสมมา เพื่อให้คุณได้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดที่สุด
ดีไซน์ที่เหนือกว่ากาลเวลา: สุนทรียภาพแห่งสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู
เมื่อพูดถึง Mercedes-Benz CLS สิ่งแรกที่ทุกคนสัมผัสได้คือความงดงามและเส้นสายที่โดดเด่น มันคือต้นแบบของแนวคิด “รถยนต์คูเป้ 4 ประตู” ที่ผสานความสง่างามของรถซีดานเข้ากับความปราดเปรียวเร้าใจของรถคูเป้ได้อย่างไร้ที่ติ ในปี 2025 นี้ แม้จะมีรถรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ดีไซน์ของ CLS โดยเฉพาะโฉมนี้ ยังคงเป็นที่เหลียวมองบนท้องถนน ด้วยกระจังหน้าแบบ Diamond Grille, ไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่เฉียบคม, กระจกไร้กรอบบานประตู และเส้นสายโค้งมนจรดท้ายที่ลาดเอียงอย่างลงตัว ทำให้มันดูสอร์ตและหรูหราไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่รถยุคใหม่บางรุ่นยังไม่สามารถเทียบได้
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมกล้าพูดได้เลยว่าการออกแบบของ CLS โฉมนี้ถูกคิดมาอย่างดีเยี่ยมเพื่อต้านทานกระแสความเปลี่ยนแปลงทางแฟชั่น มันไม่ได้ “ตกยุค” แต่กลับกลายเป็น “คลาสสิกสมัยใหม่” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนรสนิยมอันโดดเด่น ไม่ต้องการวิ่งตามกระแส แต่ต้องการรถที่มีความแตกต่าง ทั้งยังคงความกว้างขวางและสะดวกสบายภายในห้องโดยสารสำหรับผู้โดยสารทุกคน ไม่ใช่แค่รถสปอร์ตคูเป้ที่เน้นแค่คนขับเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้ CLS ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ในวันที่โลกยานยนต์มุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สมรรถนะและขุมพลัง: ดีเซล Mild Hybrid ที่ยังประหยัดและทรงประสิทธิภาพในปี 2025
หัวใจของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือเครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM 654 ขนาด 2.0 ลิตร (1,950 ซีซี) แบบ 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุดถึง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาล 400 นิวตันเมตร ในช่วงรอบเครื่องยนต์กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วและตอบสนองได้ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเกินพอสำหรับการขับขี่เดินทางไกล
สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ชุดนี้น่าทึ่งยิ่งขึ้นคือระบบ Mild Hybrid (EQ Boost) ที่เข้ามาช่วยเสริมการทำงานได้อย่างชาญฉลาด ในปี 2025 ที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวนและมีแนวโน้มสูงขึ้น เทคโนโลยี Mild Hybrid ในเครื่องยนต์ดีเซลถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ CLS 220 d ยังคงเป็นตัวเลือกที่ประหยัดและคุ้มค่าอย่างเหลือเชื่อ ระบบนี้จะช่วยลดภาระของเครื่องยนต์หลัก โดยเฉพาะในช่วงออกตัวและขณะที่ต้องการอัตราเร่งเสริม ทำให้การขับขี่ราบรื่นขึ้น ไร้ซึ่งอาการหน่วง และที่สำคัญคือช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีนัยสำคัญ
จากประสบการณ์การทดสอบในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ผมสามารถสรุปอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจของ CLS 220 d ได้ดังนี้:
ขับขี่ในเมือง สภาพการจราจรติดขัด: ประมาณ 10-12 กม./ลิตร
ขับขี่ทางไกล ความเร็วคงที่ (100-120 กม./ชม.): สูงถึง 18-20 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับรถยนต์หรูขนาดนี้
ขับขี่แบบผสมผสาน (ในเมือง 50% ทางหลวง 50%): เฉลี่ยประมาณ 14-16 กม./ลิตร
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในเซกเมนต์รถหรู โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องพิจารณาถึงค่าติดตั้ง Wall Charger และความกังวลเรื่องสถานีชาร์จในบางพื้นที่ ทำให้เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ยังคงเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดและไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานอย่างสิ้นเชิง
สำหรับผู้ที่กังวลเรื่อง แบตเตอรี่รถยนต์ ในระบบ Mild Hybrid สิ่งสำคัญคือการดูแลรักษาตามระยะเวลาที่กำหนดและเลือกใช้ ศูนย์บริการเบนซ์ ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและอะไหล่แท้รองรับ ทำให้การดูแลรักษาระยะยาวไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเกินไป
ประสบการณ์การขับขี่: สมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความสปอร์ต
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารและสัมผัสพวงมาลัยของ CLS 220 d AMG Premium คุณจะเข้าใจทันทีว่า Mercedes-Benz ใส่ใจในรายละเอียดอย่างไรบ้าง ประสบการณ์การขับขี่เป็นไปอย่างน่าประทับใจ ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสบายสไตล์รถหรูและความสปอร์ตเร้าใจตามแบบฉบับ AMG Line
โหมดการขับขี่ (Dynamic Select):
ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความประหยัดสูงสุด การตอบสนองของคันเร่งจะนุ่มนวล เครื่องยนต์ใช้รอบต่ำ ช่วยประหยัด น้ำมันดีเซล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจจะรู้สึกหน่วงเล็กน้อยเมื่อต้องการเร่งแซงกะทันหัน
Comfort: เป็นโหมดที่ผมแนะนำสำหรับการใช้งานทั่วไป ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะรถติดในเมืองหรือวิ่งทางไกล การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์จะมีความสมดุล ให้ความนุ่มนวลแต่ก็พร้อมที่จะดึงพลังงานออกมาใช้เมื่อต้องการ
Sport: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร้าใจ โหมดนี้จะปลดปล่อยพละกำลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ คันเร่งตอบสนองไวขึ้น เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้น ให้ความรู้สึกดิบและกระฉับกระเฉงอย่างเห็นได้ชัด ใครที่เคยคิดว่า CLS 220 d อืด ผมแนะนำให้ลองโหมด Sport คุณอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
การควบคุมและการทรงตัว: แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ แต่ CLS มีความคล่องตัวเกินคาด การขับขี่ซอกแซกในเมืองหรือการเข้าออกซอยแคบๆ ทำได้อย่างมั่นใจ ระบบพวงมาลัยแม่นยำและให้ฟีดแบ็กที่ดี ช่วงล่างที่เซ็ตมาในสไตล์สปอร์ต แต่ไม่กระด้างจนเกินไป ช่วยให้การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นคง ไม่รู้สึกโคลงเคลง หรือ “ร่อน” เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของช่วงล่าง Mercedes-Benz ที่หลายคนหลงรัก
การเก็บเสียง: เป็นอีกจุดเด่นที่ CLS ยังคงรักษามาตรฐานของรถยนต์ Mercedes-Benz ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงลมและเสียงรบกวนจากภายนอกห้องโดยสารยังคงมีน้อยมาก ทำให้การสนทนาภายในรถเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องการความสงบและผ่อนคลาย
ประเด็นที่ต้องพิจารณา – ล้อและยาง: จุดเดียวที่ผมอาจจะต้องให้ข้อสังเกตจากประสบการณ์คือเรื่องของล้อขนาด 20 นิ้วที่มาพร้อมยาง Run-flat ซึ่งมีแก้มยางที่บางมาก (245/35R20 สำหรับล้อหน้า และ 275/30R20 สำหรับล้อหลัง) แม้จะเพิ่มความสวยงามและเติมเต็มลุค AMG ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อต้องขับผ่านพื้นผิวขรุขระ หรือตกหลุมบ่อเล็กน้อย อาจจะรู้สึกถึงแรงสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสารได้บ้าง และมีความเสี่ยงที่ยางและล้อจะเสียหายได้ง่ายกว่ายางแก้มสูงทั่วไป
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมักแนะนำให้เจ้าของรถ CLS ที่ต้องการเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ พิจารณาเปลี่ยนไปใช้ ยางรถยนต์สมรรถนะสูง แบบธรรมดา (ไม่ใช่ Run-flat) ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หรือหากเป็นไปได้ อาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางที่มีแก้มยางที่หนาขึ้น ซึ่งจะช่วยซับแรงกระแทกและเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่กระทบต่อสมรรถนะการทรงตัวมากนัก
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย: ยังล้ำหน้าในปี 2025
แม้จะเป็นรถที่เปิดตัวมาแล้วหลายปี แต่ CLS 220 d AMG Premium ก็อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ยังคง “ทันสมัย” และ “ใช้งานได้จริง” ในปี 2025 โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่เป็นจุดเด่นของ Mercedes-Benz:
Active Brake Assist (ระบบเบรกอัตโนมัติ): ระบบนี้ไม่ได้แค่เตือนเมื่อขับรถจี้ท้ายคันหน้ามากเกินไป แต่ยังสามารถเบรกให้โดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความเสี่ยงของการชน ระบบนี้สามารถตั้งค่าระดับการทำงานได้ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือป้องกันการชนเลยในบางสถานการณ์
Blind Spot Assist (ระบบเตือนจุดอับสายตา): ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาด้านข้าง รวมถึงฟังก์ชัน Exit Warning ที่จะแจ้งเตือนเมื่อคุณเปิดประตูรถขณะมีรถวิ่งมาจากด้านหลัง ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
Parking Pilot พร้อมกล้อง 360 องศา: ระบบค้นหาที่จอดรถอัตโนมัติที่สามารถนำรถเข้าจอดในช่องว่างได้อย่างแม่นยำ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องหมุนพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์เองเลย นอกจากนี้ กล้องมุมมอง 360 องศายังให้ภาพรอบคันที่คมชัด ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่าย และยังสามารถเลือกดูกล้องในแต่ละมุมเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เช่น การจอดเทียบฟุตบาท ทำให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ระบบเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า CLS มี เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งยังคงเทียบเคียงได้กับรถยนต์ใหม่ในตลาดระดับกลางถึงสูงในปี 2025 ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
ภายในห้องโดยสาร ยังคงความหรูหราด้วยวัสดุคุณภาพสูง การประกอบที่ประณีต และระบบ Infotainment ที่ใช้งานง่าย พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลที่ปรับแต่งได้ ซึ่งยังคงให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจแม้ในยุคของจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่แพร่หลายในปัจจุบัน
การเป็นเจ้าของในปี 2025: คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่?
ในเมื่อ CLS 220 d AMG Premium เป็นโฉมสุดท้ายและได้ยุติการผลิตไปแล้ว การหา “รถใหม่” ในปี 2025 แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โอกาสที่เราจะเจอรถรุ่นนี้คือในตลาด รถหรูมือสอง ซึ่งนี่คือจุดที่ทำให้มันกลายเป็น “โอกาสทอง” สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์พรีเมียมในราคาที่จับต้องได้
ในช่วงที่ CLS โฉมนี้ยังจำหน่ายในตลาดรถใหม่ ราคาเริ่มต้นของ CLS 220 d AMG Premium อยู่ที่ประมาณ 4,640,000 บาท แต่ด้วยกลยุทธ์การปรับลดราคาในช่วงปลายสายการผลิต ทำให้ราคาลดลงมาเหลือเพียง 3,880,000 บาท ซึ่งเป็นการลดราคาที่สูงถึง 760,000 บาท! และในตลาดรถมือสอง ณ ปี 2025 ราคาย่อมลดลงจากนี้ไปอีกมาก ขึ้นอยู่กับปีที่ผลิต สภาพรถ และระยะทางการใช้งาน
ข้อได้เปรียบของการซื้อ CLS 220 d AMG Premium มือสองในปี 2025:
ราคาที่คุ้มค่า: คุณจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์หรูที่มีดีไซน์อมตะ สมรรถนะดีเยี่ยม และเทคโนโลยีที่ครบครัน ในราคาที่ต่ำกว่ารถใหม่ในเซกเมนต์เดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” ในเชิงของราคาต่อประสิทธิภาพ
ดีไซน์ที่ไม่ตกยุค: ด้วยความที่เป็นโฉมสุดท้าย ดีไซน์ภายนอกและภายในจะยังคงดูทันสมัยไปอีกนาน ทำให้คุณไม่รู้สึกว่าขับรถ “รุ่นเก่า”
ความประหยัดน้ำมัน: เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ยังคงเป็นจุดเด่นในเรื่องความประหยัด น้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่ราคาพลังงานผันผวน
อะไหล่และการบริการ: แม้จะเป็นรุ่นที่เลิกผลิตแล้ว แต่ Mercedes-Benz ยังคงมีนโยบายการจัดหา อะไหล่เบนซ์ และการบริการที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์รุ่นต่างๆ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงในระยะยาว เพียงแค่เลือกใช้ ศูนย์บริการเบนซ์ ที่ได้รับการรับรอง
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการเป็นเจ้าของ:
สภาพรถ: การซื้อ CLS มือสอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ควรนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการที่เชื่อถือได้ เพื่อตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงและสภาพเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า
ค่าบำรุงรักษา: แม้ราคาซื้อจะถูกลง แต่ค่าบำรุงรักษาและ ประกันภัยรถยนต์ สำหรับรถยนต์หรูยังคงสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ควรเตรียมงบประมาณส่วนนี้ไว้
อายุของแบตเตอรี่: สำหรับรถที่มีระบบ Mild Hybrid ควรตรวจสอบสภาพ แบตเตอรี่รถยนต์ ในระบบ EQ Boost ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหากถึงอายุการใช้งาน
สินเชื่อรถยนต์: สำหรับผู้ที่ต้องการ สินเชื่อรถยนต์ เพื่อซื้อ CLS มือสอง ควรศึกษาเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกัน
สรุปโดยรวม
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์ ผมขอยืนยันว่า Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็นรถยนต์หรูมือสองที่ “น่าใช้” และ “คุ้มค่าการลงทุน” อย่างมาก ดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่ทั้งแรงและประหยัด เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน และราคาในตลาดมือสองที่เข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่แตกต่าง มีสไตล์ และใช้งานได้ทุกวัน ทั้งในเมืองและนอกเมือง
มันคือรถที่สามารถพาคุณไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และยังคงดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน นี่คือโอกาสที่คุณจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่มันคือสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ที่แท้จริง
คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะสัมผัสประสบการณ์แห่งความหรูหราเหนือระดับในแบบที่คุณเอื้อมถึง? อย่ารอช้า! หากคุณกำลังมองหาความคุ้มค่าและสมรรถนะที่ยังคงโดดเด่นในปี 2025 Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ลองสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ด้วยตัวคุณเองวันนี้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านรถหรูมือสอง เพื่อค้นหา CLS ในสภาพที่คุณพึงพอใจและเริ่มต้นบทบาทใหม่บนท้องถนนไปพร้อมกับรถในฝันของคุณ!
![[ตอนต่อไป] 052T1129 AB52 พี่น้องตอนลำบาก อย่าหวังพึ่งใคร.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-58-2.png)
![[ตอนต่อไป] 053T1129 AB53 ผู้หญิงคนนี้เหรอ เจ้านายอยากให้ไปทำงานด้วย.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-59-2.png)