Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium: ย้อนรอยความคลาสสิกของรถคูเป้ 4 ประตูดีเซลระดับตำนาน ที่ยังคงโดดเด่นในตลาดปี 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นรถยนต์มากมายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาสร้างสีสันและกำหนดทิศทางของตลาด แต่ก็มีรถยนต์ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่สามารถทิ้งร่องรอยแห่งความประทับใจไว้อย่างลึกซึ้ง และหนึ่งในนั้นคือ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium โฉม W257 ที่แม้ว่าในปัจจุบันเราจะทราบกันดีว่า Mercedes-Benz ได้ยุติการผลิตรถยนต์ตระกูล CLS ลงไปแล้ว แต่ความน่าสนใจของมันกลับไม่ได้ลดน้อยลงตามกาลเวลา ตรงกันข้าม กลับยิ่งทวีความโดดเด่นในฐานะ “อนาคตของรถคลาสสิก” ที่ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าที่น่าทึ่งในตลาดรถยนต์ปี 2025
ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ การมองหาคุณค่าที่ยั่งยืนในรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปอาจดูเหมือนเป็นการสวนกระแส แต่สำหรับ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คันนี้ มันคือการลงทุนในความสง่างาม สมรรถนะ และนวัตกรรมที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ซึ่งยังคงเหนือระดับและน่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงข้อเสนอและตำแหน่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมมือสอง ณ ปัจจุบัน
ดีไซน์ที่กาลเวลาไม่อาจลบเลือน: สุนทรียภาพแห่ง Coupé-Sedan ที่ยังคงตรึงใจ
สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS มีเอกลักษณ์เหนือใครมาตั้งแต่แรกเริ่ม คือปรัชญาการออกแบบที่ผสานเส้นสายอันพลิ้วไหวของรถคูเป้เข้ากับความโอ่อ่ากว้างขวางของรถซีดานได้อย่างลงตัว การเกิดขึ้นของ CLS เป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบุกเบิกตลาดรถคูเป้ 4 ประตู ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นความแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง การตัดสินใจออกแบบเช่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างความแตกต่าง แต่เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต้องการทั้งความสปอร์ต ปราดเปรียว และความสะดวกสบายในการใช้งานจริงสำหรับผู้โดยสารอีกด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2025 นี้ ดีไซน์ของ CLS 220 d AMG Premium รุ่น W257 ยังคงสะกดทุกสายตา ด้วยสัดส่วนที่ลงตัว เส้นสายแบบ “Sensual Purity” อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz ที่เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา ซุ้มล้อที่โป่งออกเล็กน้อย สอดรับกับล้ออัลลอย AMG ขนาด 20 นิ้ว ไฟหน้า Multibeam LED ที่โฉบเฉี่ยว และไฟท้ายแบบสองชิ้นที่ดูหรูหรา แม้ในปัจจุบันจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมามากมายที่พยายามเลียนแบบแนวคิดนี้ แต่ CLS ก็ยังคงเป็นต้นแบบที่ยากจะหาผู้ใดเทียบได้ ความสง่างามที่ไร้กาลเวลา (Timeless design) นี้ทำให้ CLS ยังคงดูทันสมัย ไม่ตกยุค และสามารถจอดเทียบเคียงกับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดได้อย่างภาคภูมิ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวงที่คึกคัก หรือบนถนนสายชนบทที่เงียบสงบ CLS ก็ยังคงเป็นดาวเด่นที่สร้างความประทับใจได้อย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยสุนทรียภาพที่ยากจะหาคู่แข่งมาเทียบเคียง
สมรรถนะและประสิทธิภาพ: เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่พิสูจน์คุณค่าในปี 2025
ภายใต้ความงดงามภายนอก Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ได้รับการขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร (OM 654) ขนาด 1,950 ซีซี 4 สูบ เทอร์โบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและตอบสนองได้ฉับไว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที สำหรับรถหรูที่มีน้ำหนักตัวพอสมควรนั้น ถือว่าน่าประทับใจและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางระยะไกล
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้ยังคงเป็นที่น่าสนใจในตลาดปี 2025 คือการติดตั้งระบบ Mild Hybrid (EQ Boost) เข้ามาช่วยเสริมการทำงาน ระบบนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ยังช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ในจังหวะออกตัวและเร่งแซง ทำให้การตอบสนองของคันเร่งราบรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังช่วยลดมลพิษในเมืองอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่ผู้บริโภคมีความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ CLS 220 d นั้นอยู่ในระดับที่น่าทึ่ง หากขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด อาจอยู่ที่ประมาณ 10 กม./ลิตร แต่เมื่อออกเดินทางบนเส้นทางโล่งๆ นอกเมือง อัตราสิ้นเปลืองสามารถพุ่งสูงถึง 20 กม./ลิตรได้อย่างสบายๆ และหากเป็นการใช้งานแบบผสมผสาน ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตัวเลขเฉลี่ยประมาณ 14 กม./ลิตร ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงราคาน้ำมันดีเซลที่ยังคงผันผวน CLS 220 d คันนี้จึงมอบความคุ้มค่าและสมรรถนะที่สมดุลได้อย่างลงตัว
ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ: การผสมผสานของความสบายและความสปอร์ต
ในฐานะนักขับผู้คร่ำหวอด ผมกล้ายืนยันว่า Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ ด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย:
โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความประหยัดสูงสุด การตอบสนองของคันเร่งจะนุ่มนวล เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระบบ Mild Hybrid จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำให้การออกตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและเงียบเชียบ ซึ่งเหมาะกับการจราจรที่หนาแน่นในเมืองใหญ่
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะหลงรัก เพราะเป็นโหมดที่ครอบคลุมการใช้งานได้ดีที่สุด ทั้งในเมืองและนอกเมือง การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์จะอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ไม่ได้กระโชกโฮกฮาก แต่ก็มีพละกำลังให้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซงหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง ให้ความรู้สึกนุ่มนวล แต่ยังคงไว้ซึ่งความมั่นใจในการควบคุม
โหมด Sport: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร้าใจและต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของรถออกมา โหมด Sport จะเปลี่ยนบุคลิกของ CLS ให้เป็นรถสปอร์ตซีดานอย่างเต็มตัว คันเร่งตอบสนองไวขึ้น เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้นและลากรอบเครื่องยนต์สูงขึ้นเพื่อรีดกำลังสูงสุด สัมผัสได้ถึงความกระฉับกระเฉงและแรงดึงที่ต่อเนื่อง หลายคนอาจจะคิดว่ารถดีเซลจะอืดอาด แต่สำหรับ CLS 220 d ในโหมด Sport นั้น ผมกล้าเถียงว่ามันตอบสนองได้เกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงบนทางด่วน ก็ทำได้อย่างมั่นใจและรวดเร็ว
แม้ตัวถังของ CLS จะดูใหญ่โต แต่ด้วยการออกแบบที่เน้นสมดุลและการกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ทำให้รถคันนี้มีความคล่องตัวเกินคาด การขับขี่ซอกแซกในเมือง การเลี้ยวเข้าออกซอยแคบๆ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัยที่มีน้ำหนักกำลังดีให้ความรู้สึกเชื่อมโยงกับถนนอย่างชัดเจน สร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบาย: นวัตกรรมที่ยังคงทันสมัยในปี 2025
Mercedes-Benz ขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และ CLS 220 d AMG Premium ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ติดตั้งมานั้น ยังคงสามารถเทียบเคียงกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปี 2025 ได้อย่างสบายๆ:
ระบบ Blind Spot Assist (ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา): เป็นระบบที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ โดยจะส่งสัญญาณเตือนทั้งทางสายตาและเสียงหากมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ไม่เพียงแค่นั้น แม้จอดรถและดับเครื่องยนต์ไปแล้ว หากเปิดประตูและมีรถวิ่งมาจากด้านหลัง ระบบก็ยังคงแจ้งเตือน ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
ระบบ Active Brake Assist (ระบบเบรกอัตโนมัติ): ระบบนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมาก สามารถตั้งค่าความไวในการทำงานได้ หากตรวจพบว่ารถเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป จะมีสัญญาณเตือนบนหน้าจอ และหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือหลีกเลี่ยงการชนได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นฟังก์ชันที่จำเป็นอย่างยิ่งในการจราจรที่คับคั่ง
ระบบ Active Parking Assist (ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ): สำหรับผู้ที่ยังไม่ชำนาญการจอดรถหรือมือใหม่ ระบบนี้คือผู้ช่วยชั้นยอด CLS 220 d สามารถค้นหาช่องจอดและนำรถเข้าจอดได้เอง ไม่ว่าจะเป็นการจอดเทียบข้างหรือจอดเข้าซอง โดยผู้ขับขี่เพียงแค่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์และเหยียบเบรกเท่านั้น ระบบจะจัดการพวงมาลัยให้ทั้งหมด ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการจอดรถ
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: นี่คืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมใช้งานบ่อยมาก ช่วยให้การขับขี่ในที่แคบหรือการจอดรถเป็นเรื่องง่ายดาย ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบคันรถได้อย่างชัดเจน และยังสามารถเลือกดูมุมมองเฉพาะส่วนได้ เช่น การจอดเทียบฟุตบาท ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเฉี่ยวชนหรือครูดขอบทาง
ในส่วนของห้องโดยสาร การเก็บเสียงยังคงรักษามาตรฐานความพรีเมียมของ Mercedes-Benz ไว้ได้เป็นอย่างดี การเดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงลมและเสียงรบกวนจากภายนอกยังคงเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการสนทนาหรือฟังเพลงได้อย่างเต็มที่ วัสดุและการประกอบภายในยังคงความประณีต หรูหรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อรถยนต์เบนซ์คาดหวังและ CLS คันนี้ก็มอบให้ได้อย่างไม่มีที่ติ
ช่วงล่างและล้อ: จุดที่ต้องทำความเข้าใจและจัดการ
สำหรับประเด็นเรื่องช่วงล่างและล้อ ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอแยกวิเคราะห์ออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน:
ระบบช่วงล่าง: โดยรวมแล้ว Mercedes-Benz ได้ออกแบบช่วงล่างของ CLS คันนี้มาอย่างยอดเยี่ยม มีความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลและสปอร์ต ไม่ได้เน้นความนุ่มนิ่มจนย้วย แต่ให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความมั่นใจและเสถียรภาพที่เหนือกว่า ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
ล้อและยาง: นี่คือจุดที่อาจสร้างความรู้สึกขัดใจให้กับบางคน CLS 220 d AMG Premium มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ คู่หน้าใช้ยางขนาด 245/35R20 และคู่หลัง 275/30R20 ด้วยแก้มยางที่บางเฉียบนี้เอง ทำให้เมื่อขับขี่ผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนน จะรู้สึกถึงแรงสะเทือนที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ยางรันแฟลตที่มีโครงสร้างแข็งแรงกว่ายางปกติ ก็เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ความกระด้างเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่ล้อและยางจะได้รับความเสียหายเมื่อตกหลุมใหญ่ก็มีสูงขึ้นเช่นกัน
จากประสบการณ์ ผมมองว่าการเลือกใช้ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางแก้มเตี้ยนี้ เป็นการให้ความสำคัญกับดีไซน์และความสปอร์ตเป็นหลัก ซึ่งแลกมาด้วยความสะดวกสบายในการขับขี่บนสภาพถนนบางประเภท หากผู้ใช้งานต้องการความนุ่มนวลที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมมักจะแนะนำให้พิจารณาการ “ดาวน์ไซส์” ล้อลงมาเหลือ 19 นิ้ว แล้วเลือกใช้ยางที่มีแก้มหนาขึ้น ซึ่งจะช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่า และอาจส่งผลให้ประสบการณ์การขับขี่โดยรวมดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีสภาพถนนท้าทายบ่อยครั้ง
สถานะในตลาดปี 2025: ความคุ้มค่าและโอกาสในการครอบครอง
ในเมื่อ Mercedes-Benz CLS ได้ยุติการผลิตไปแล้ว และไม่มีรุ่นที่ใช้ชื่อ CLS สืบทอดต่อ ทำให้ CLS 220 d AMG Premium โฉม W257 กลายเป็น “โฉมสุดท้าย” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งส่งผลให้มันไม่ “ตกรุ่น” ในแง่ของดีไซน์และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เมื่อพิจารณาถึงราคาในตลาดมือสองปี 2025 ซึ่งเคยมีข้อเสนอที่น่าสนใจในการลดราคาจาก 4,640,000 บาท เหลือเพียง 3,880,000 บาท (สำหรับรถใหม่ในช่วงท้ายของการทำตลาด) ณ ปัจจุบัน CLS 220 d AMG Premium มือสองสภาพดีจะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกมาก ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์หรูที่มีดีไซน์อันเป็นอมตะ สมรรถนะที่ไว้ใจได้ และเทคโนโลยีที่ยังคงทันสมัย
การครอบครอง CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อรถยนต์ แต่เป็นการลงทุนในชิ้นงานศิลปะยานยนต์ที่กำลังก้าวเข้าสู่สถานะของ “คลาสสิกสมัยใหม่” มันคือสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความสปอร์ต และนวัตกรรมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร และมองหาคุณค่าที่ยั่งยืนในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมือง หรือการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน รถคันนี้จะพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและเปี่ยมด้วยสไตล์
บทสรุป: ทำไม CLS 220 d AMG Premium ยังคงน่าครอบครองในวันนี้
โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คันนี้ ยังคงเป็นรถยนต์ที่ “น่าใช้” อย่างยิ่งในตลาดปี 2025 ด้วยเหตุผลนานัปการ:
ดีไซน์ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา: เส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์แบบ Coupé-Sedan ที่ยังคงสร้างความประทับใจและดูไม่ล้าสมัย
สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมพร้อมความประหยัด: เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง
ประสบการณ์ขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ: ผสมผสานความสปอร์ตและความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว พร้อมเทคโนโลยีเกียร์ 9G-TRONIC ที่ราบรื่น
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ยังคงทันสมัยและมีประโยชน์ในสถานการณ์จริง
ความคุ้มค่าในตลาดมือสอง: ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถหรูคุณภาพสูงในงบประมาณที่เหมาะสม
สถานะ “โฉมสุดท้าย”: มอบความรู้สึกพิเศษของการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่มีเรื่องราวและคุณค่าสะสม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหารถยนต์พรีเมียมที่ผสมผสานความหรูหรา ความสปอร์ต ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าเข้าไว้ด้วยกันในแพ็กเกจที่ลงตัว และพร้อมที่จะยอมรับความกระด้างเล็กน้อยจากล้อขนาดใหญ่เพื่อแลกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและสมรรถนะการเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยม Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คันนี้คือคำตอบที่ไม่อาจมองข้ามได้ในยุคสมัยนี้
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ที่ยังคงมอบความประทับใจไม่เสื่อมคลายในตลาดปี 2025 ร่วมค้นหานิยามแห่งความหรูหราและสมรรถนะที่เหนือกว่าด้วยตัวคุณเองวันนี้!
![[ตอนต่อไป] 062T1129 AB62 ประธานปลอมตัวเป็น คนขับรถเพื่อทำอะไรบ้างอย่าง.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-68-2.png)
![[ตอนต่อไป] 063T1129 AB63 บุญคุณร้านข้าวแกง.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-69-2.png)