[ตอนต่อไป] 075T1129 AB75 ทดแทนไม่ได้ ก็อย่าเนรคุณ .mp4

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: ยังเป็นอัญมณีล้ำค่าแห่งยนตรกรรม หรือแค่ความทรงจำอันงดงาม? มุมมองผู้เชี่ยวชาญ 10 ปีในวงการ

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยนตรกรรมหรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จากยุคที่เครื่องยนต์สันดาปครองตลาด สู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทางเลือกและไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทว่าท่ามกลางกระแสแห่งนวัตกรรมที่ถาโถมเข้ามา ก็ยังมีรถยนต์บางรุ่นที่ยังคงเสน่ห์และความน่าสนใจไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย และหนึ่งในนั้นก็คือ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium โฉมสุดท้าย ซึ่งแม้ว่า Mercedes-Benz จะประกาศยุติสายการผลิตในตระกูล CLS ไปแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 แต่ในปี 2025 นี้ คำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของนักเลงรถหลายคนคือ “เจ้า CLS คันนี้ ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่หรือไม่?”

สำหรับผมแล้ว คำตอบคือ “ยังคงเป็นอย่างยิ่ง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาสมดุลระหว่างดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะที่เร้าใจ ประหยัดน้ำมัน และความคุ้มค่าในระยะยาว ที่สำคัญคือการได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ยังคงทันสมัยและล้ำหน้าในยุคปัจจุบัน

ดีไซน์เหนือกาลเวลา: ความงามที่ยังคงโดดเด่นไม่แพ้ใคร

สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS แตกต่างและครองใจผู้คนมาตลอด คือการผสมผสานเส้นสายของรถซีดาน 4 ประตูเข้ากับความพลิ้วไหวของรถคูเป้ได้อย่างลงตัว ในปี 2025 ที่ดีไซน์ของรถยนต์ส่วนใหญ่เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่คล้ายคลึงกันมากขึ้น CLS กลับยิ่งโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม สปอร์ต และสะกดทุกสายตาบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า Multibeam LED ดีไซน์เฉียบคม, กระจังหน้า Diamond Grille อันเป็นเอกลักษณ์, เส้นสายตัวถังที่ลื่นไหลจากด้านหน้าจรดท้ายลาดแบบ Fastback, และชุดแต่ง AMG Premium ที่เสริมความดุดันและสมบูรณ์แบบเข้าไปอีกขั้น

ในสายตาของนักออกแบบและผู้ที่หลงใหลในศิลปะของยานยนต์ CLS โฉมนี้คือผลงานชิ้นเอกที่ไม่มีวันตกยุค ผมมั่นใจว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้า เมื่อคุณเห็น Mercedes-Benz CLS แล่นผ่าน คุณจะยังคงต้องเหลียวมองด้วยความชื่นชม ด้วยรูปทรงที่ได้สัดส่วนลงตัวอย่างไม่มีที่ติ ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ แต่มันคือสัญลักษณ์ของรสนิยมและความหรูหราที่มิอาจเลือนหายไปตามกาลเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “รถยนต์หรูราคาดี” ที่ยังคงความพรีเมียมและแตกต่างอย่างมีระดับ

หัวใจแห่งประสิทธิภาพ: เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่ยังก้าวล้ำ

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มาพร้อมขุมพลังดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ (1,950 ซีซี) ที่ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตร ในช่วง 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความนุ่มนวลและรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ซึ่งถือว่าจัดจ้านเพียงพอสำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบ

แต่สิ่งที่ทำให้ขุมพลังนี้ยังคงน่าสนใจและมีความได้เปรียบในตลาดปี 2025 คือการทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid หรือ EQ Boost ที่เข้ามาช่วยเสริมการออกตัว ให้ความรู้สึกราบรื่น ลดภาระของเครื่องยนต์หลัก และที่สำคัญคือ “ประหยัดน้ำมัน” ได้อย่างน่าทึ่ง ระบบนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างการเป็นเครื่องยนต์สันดาปประสิทธิภาพสูงกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจ แม้ว่าเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะมาแรง แต่สำหรับผู้ที่ยังคงต้องการความคล่องตัวในการเติมเชื้อเพลิงและระยะทางวิ่งที่ไร้ข้อจำกัด ระบบ “เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดพลังงาน” พร้อม “เทคโนโลยี Mild Hybrid” เช่นนี้จึงยังเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลและชาญฉลาด

จากประสบการณ์การใช้งานจริงบนสภาพการจราจรที่หลากหลายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมสามารถยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น:

ขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น: อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 10-12 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าดีมากสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่และสมรรถนะระดับนี้
ขับขี่นอกเมืองหรือทางหลวงแบบลอยตัว: ตัวเลขพุ่งสูงไปถึง 20-22 กม./ลิตร ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ดีเซล
ใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมือง 50% / นอกเมือง 50%): ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 14-16 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า CLS 220 d AMG Premium ไม่ได้มีดีแค่ความหรูหรา แต่ยังเป็นรถที่ตอบโจทย์ด้าน “เศรษฐกิจ” ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

พลวัตการขับขี่: สมดุลแห่งสุนทรียภาพและความแม่นยำ

เมื่อพูดถึง “สมรรถนะรถยนต์” และประสบการณ์การขับขี่ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในการขับขี่และทดสอบรถยนต์หลากหลายรุ่น ผมกล้าพูดได้ว่า CLS คันนี้มอบความรู้สึกที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ทุกอารมณ์ของการขับขี่:

โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความประหยัดสูงสุด ระบบจะปรับการตอบสนองของคันเร่งให้นุ่มนวลลง และเกียร์จะพยายามเปลี่ยนขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว เพื่อลดรอบเครื่องยนต์และประหยัดเชื้อเพลิง เป็นโหมดที่เหมาะกับการจราจรติดขัดและการขับขี่แบบสบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากมาย
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมแนะนำว่าครอบคลุมการใช้งานได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือนอกเมือง การตอบสนองของคันเร่งและเกียร์อยู่ในระดับที่พอดี พละกำลังมาแบบนุ่มนวลแต่ต่อเนื่อง ช่วงล่างจะให้ความรู้สึกที่สบาย เหมาะกับการเดินทางไกล ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและควบคุมง่าย
โหมด Sport: เมื่อคุณต้องการปลดปล่อยพละกำลังและสัมผัสความสปอร์ตอย่างเต็มที่ โหมด Sport จะเปลี่ยนบุคลิกของรถอย่างสิ้นเชิง คันเร่งจะตอบสนองทันทีที่เท้าสัมผัส เกียร์จะค้างรอบเครื่องยนต์ไว้สูงขึ้นเพื่อพร้อมสำหรับการเร่งแซง และช่วงล่างจะปรับให้มีความแข็งขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมั่นคงในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ผมเคยทดสอบบนถนนโล่งๆ และรู้สึกประทับใจกับอัตราเร่งที่พุ่งทะยานได้อย่างรวดเร็ว ใครที่บอกว่า CLS รุ่นนี้ “อืด” ผมขอเถียงขาดใจเลย เพราะมันซ่อนความจัดจ้านไว้ภายใต้ความหรูหราได้อย่างยอดเยี่ยม

แม้ตัวถังของ CLS จะมีขนาดใหญ่ แต่กลับให้ความรู้สึกคล่องตัวเกินคาด การเลี้ยวกลับรถ การขับเข้าออกซอกซอย หรือแม้แต่การมุดในสภาพการจราจรที่คับคั่ง ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ตอบสนองแม่นยำ ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจและเป็นหนึ่งเดียวกับรถ

ในส่วนของ “ช่วงล่าง” นั้น Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ถูกปรับแต่งมาในแนวสปอร์ตอย่างชัดเจน ไม่ได้เน้นความนุ่มนวลเหมือนรถซีดานหรูบางรุ่น แต่มันมอบความหนึบแน่น มั่นคง และสร้างความมั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยมในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วที่เหนือกว่าปกติ คุณจะรู้สึกได้ถึงการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ไม่มีอาการย้วยหรือร่อน ทำให้การเดินทางไกลเป็นเรื่องที่สนุกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยและอัจฉริยะ: เทคโนโลยีที่เหนือกว่าในยุค 2025

“ระบบความปลอดภัยรถยนต์” ใน Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นมาตรฐานที่สูงและล้ำหน้า แม้จะเป็นรถที่ผลิตมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ “เทคโนโลยีรถยนต์” ที่ให้มายังคงสามารถแข่งขันกับรถรุ่นใหม่ๆ ในปี 2025 ได้อย่างสบายๆ

Blind Spot Assist: ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่ล้ำสมัย ไม่เพียงแต่เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดขณะขับขี่ แต่ยังขยายขอบเขตการทำงานไปถึงขณะจอดรถและกำลังจะเปิดประตู หากมีรถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานแล่นมาทางด้านหลัง ระบบจะส่งสัญญาณเตือน ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้อย่างยอดเยี่ยม
Active Brake Assist (ระบบเบรกอัตโนมัติ): ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการชนท้าย สามารถปรับระดับความไวในการเตือนและเบรกได้ตามความต้องการ หากตรวจพบว่ารถเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยภาพและเสียง และหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงหรือป้องกันการชน นับเป็นฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนที่คาดเดาได้ยาก
Parking Pilot (ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด การจอดรถเข้าซองหรือเทียบข้างจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ระบบจะช่วยค้นหาช่องจอดที่เหมาะสม และนำรถเข้าจอดให้เองโดยที่ผู้ขับขี่เพียงแค่ควบคุมคันเร่งและเบรกเท่านั้น นับเป็น “เทคโนโลยีรถยนต์” ที่ช่วยลดความเครียดในการจอดรถในเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: มุมมองแบบรอบทิศทางช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้อย่างชัดเจน ทั้งในมุมมองแบบ Bird’s Eye View และการเลือกดูจากกล้องแต่ละมุม ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการจอดรถในพื้นที่แคบๆ หรือการขับผ่านทางที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ขับไปเฉี่ยวชนกับสิ่งกีดขวางหรือรถคันอื่น เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ “เบนซ์ CLS” คันนี้ได้อย่างมาก

มูลค่าที่จับต้องได้ในปี 2025: ข้อเสนอที่คุ้มค่าเหนือใคร

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในปี 2025 คือเรื่องของ “ราคาเบนซ์ CLS” ที่ได้รับการปรับลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวครั้งแรกที่ 4,640,000 บาท ในปัจจุบันมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,880,000 บาท ซึ่งลดลงถึง 760,000 บาท

การ “ลดราคา” ครั้งนี้ ทำให้ CLS กลายเป็น “รถยนต์หรูราคาดี” ที่มอบความคุ้มค่าอย่างเหลือเชื่อ สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “เบนซ์ CLS มือสอง” ที่มีเลขไมล์น้อย หรือรถใหม่ที่ยังคงมีสต็อกอยู่ การได้ครอบครองรถยนต์ที่มีดีไซน์ระดับตำนาน เทคโนโลยีที่ยังคงล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสทองที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบ Mercedes-Benz อย่างเต็มรูปแบบ ในราคาที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีค่าตัวใกล้เคียงกัน คุณอาจจะได้รถที่มีขนาดเล็กกว่า หรือมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ไม่ครบครันเท่า CLS คันนี้

ข้อได้เปรียบของการเป็น ‘รุ่นสุดท้าย’: ตำนานที่ไม่มีวันตกยุค

ในวงการรถยนต์ คำว่า “โฉมสุดท้าย” มักจะมีความหมายที่พิเศษ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คือ CLS รุ่นสุดท้ายที่จะใช้ชื่อนี้ ซึ่งหมายความว่ามันจะไม่มีรุ่นที่ต่อยอดหรือมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์อีกแล้ว จุดนี้เองที่ทำให้มัน “ไม่ตกรุ่น” ในแง่ของดีไซน์ภายนอกและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในขณะที่รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และทำให้รถรุ่นเก่าดู “ล้าสมัย” ไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ CLS คันนี้ มันได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปแล้ว ด้วยดีไซน์ที่เป็นอมตะ เส้นสายที่โค้งมน ผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราได้อย่างลงตัว ทำให้มันยังคงดูหล่อ เท่ และน่ามองอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหน การเป็นเจ้าของ CLS โฉมสุดท้ายจึงไม่ใช่แค่การซื้อรถยนต์ แต่คือการได้ครอบครองชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ยนตรกรรม ที่จะยังคงคุณค่าทางดีไซน์และ “ภาพลักษณ์ที่โดดเด่น” ไปอีกยาวนาน

ถอดรหัสความแตกต่าง: คุณภาพการขับขี่และมุมมองเรื่องล้อ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าการให้ข้อมูลที่เป็นกลางและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ นอกเหนือจากข้อดีมากมายแล้ว ก็ยังมีจุดที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CLS 220 d AMG Premium เพื่อให้ภาพรวมสมบูรณ์ที่สุด

ในด้านการ “เก็บเสียง” ภายในห้องโดยสารนั้น Mercedes-Benz ทำได้ดีเยี่ยมตามมาตรฐานรถยนต์พรีเมียม คุณสามารถขับขี่ด้วยความเร็ว 140 กม./ชม. บนทางหลวงได้อย่างเงียบสงบ เสียงลมและเสียงเครื่องยนต์ถูกจัดการได้ดีเยี่ยม ทำให้การสนทนาหรือการฟังเพลงเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน

อย่างไรก็ตาม จุดหนึ่งที่อาจจะต้องทำความเข้าใจคือเรื่องของยางและล้อ รุ่นนี้มาพร้อม “ล้อ 20 นิ้ว” ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ คู่หน้าใช้ยาง 245/35R20 และคู่หลัง 275/30R20 ซึ่งหมายความว่าแก้มยางค่อนข้างบาง ยิ่งเป็นยางรันแฟลตด้วยแล้ว โครงสร้างของยางจะมีความแข็งกระด้างมากกว่ายางปกติทั่วไป

ผลกระทบคือเมื่อขับขี่ผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนน ผู้ขับขี่และผู้โดยสารอาจจะสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสารมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถที่เน้นสมรรถนะและล้อขนาดใหญ่ หากต้องเผชิญกับหลุมบ่อขนาดใหญ่บ่อยครั้ง ก็อาจมีความเสี่ยงที่ยางและล้อจะเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ายางแก้มหนา

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นพิเศษ ผมขอแนะนำให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการ “เปลี่ยนล้อ” ลงมาเป็นขนาด 19 นิ้ว แล้วเลือกใช้ยางที่มีแก้มหนาขึ้น (เช่น 245/40R19 หรือ 275/35R19) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน โดยอาจจะแลกมาด้วยความสปอร์ตที่ลดลงเล็กน้อย แต่สำหรับหลายคนแล้ว นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ: CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็นคำตอบ

โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือก “รถยนต์หรูราคาดี” ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยดีไซน์ที่ไม่มีวันล้าสมัย สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid อันทรงประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ ระบบความปลอดภัยและ “เทคโนโลยีรถยนต์” ที่ยังคงทันสมัย และที่สำคัญคือ “มูลค่าที่จับต้องได้” จากการปรับลดราคาลงมาอย่างน่าสนใจ

มันคือรถยนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาความสปอร์ต ผสานความหรูหรา ความกว้างขวาง และความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางไกลข้ามจังหวัด CLS คันนี้พร้อมจะพาคุณไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ด้วยคุณภาพของวัสดุ งานประกอบ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับพรีเมียมของ Mercedes-Benz ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชมในความงามอันเป็นเอกลักษณ์ ความสมดุลของสมรรถนะและประสิทธิภาพ และมองหา “รถผู้บริหาร” หรือ “รถสปอร์ตซีดาน” ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในราคาที่คุ้มค่า การ “ซื้อรถเบนซ์” CLS 220 d AMG Premium โฉมสุดท้ายนี้ คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดในยุค 2025 ที่คุณจะไม่ผิดหวัง

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสตำนาน!

ในเมื่อโอกาสในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับตำนานที่ยังคงความเหนือชั้นเช่นนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ด้วยตัวคุณเอง และรับคำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับ “ค่าบำรุงรักษา Mercedes-Benz” หรือ “บริการหลังการขาย Mercedes-Benz” เพื่อให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจ “ออกรถเบนซ์” คันนี้ได้อย่างเต็มที่

เชิญติดต่อผู้จำหน่าย Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการใกล้บ้านคุณ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์พรีเมียม เพื่อทดลองขับและค้นพบความมหัศจรรย์ของ CLS 220 d AMG Premium ก่อนที่โอกาสดีๆ เช่นนี้จะหมดไป!