[ตอนต่อไป] 095T1129 AB95 ถ้าคุณเป็นหัวหน้า คุณจะไล่เขาออกไหม- สู้ต่อไป.mp4

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025: ตำนานที่ยังทรงคุณค่าและน่าจับตามองในตลาดรถหรูมือสอง

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการรถยนต์หรูมานานกว่าทศวรรษ ผมมักจะได้รับคำถามยอดฮิตอยู่เสมอว่า “รถรุ่นนั้นยังน่าใช้ไหม?” โดยเฉพาะกับรถยนต์ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในสายการผลิตปัจจุบันแล้ว แต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และหนึ่งในชื่อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาบ่อยครั้งในบรรดารถยนต์ Mercedes-Benz ก็คือ CLS Class ซึ่งหลายท่านคงทราบกันดีว่า Mercedes-Benz ได้ยุติการผลิต CLS ไปแล้ว ทำให้ “Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium” กลายเป็นรถยนต์ในกลุ่ม “โฉมสุดท้าย” ที่มีสถานะพิเศษในตลาด คำถามคือ ในปี 2025 นี้ CLS 220 d AMG Premium ที่เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการครอบครองและใช้งานอยู่หรือไม่? บทความนี้ ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกทุกแง่มุมด้วยมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อไขข้อข้องใจ และชี้ให้เห็นถึง “คุณค่าที่ยั่งยืน” ของรถคันนี้ในบริบทของตลาดรถยนต์พรีเมียมปี 2025

ดีไซน์เหนือกาลเวลา: เอกลักษณ์ที่ไม่เคยเลือนหาย

สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz CLS โดดเด่นมาโดยตลอดคือ “ดีไซน์” ที่ฉีกกฎเกณฑ์ ด้วยการผสานความสง่างามของรถซีดานเข้ากับความปราดเปรียวของรถคูเป้ได้อย่างลงตัว ผมยังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่เห็น CLS รุ่นนี้เปิดตัว มันสร้างแรงกระเพื่อมในวงการอย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ารถ 4 ประตูจะสามารถมีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและเซ็กซี่ได้ขนาดนี้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงปี 2025 ดีไซน์ของ CLS 220 d AMG Premium ก็ยังคงดึงดูดสายตาและดูทันสมัยไม่แพ้รถรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวเลย นั่นเป็นเพราะปรัชญาการออกแบบที่เรียกว่า “Sensual Purity” ที่เน้นความเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งและอารมณ์ความรู้สึก ทำให้เส้นสายทุกเส้นของ CLS มีความต่อเนื่องและลงตัว ตั้งแต่กระจังหน้า Diamond Grille อันเป็นเอกลักษณ์ของชุดแต่ง AMG Premium ไปจนถึงไฟหน้า Multibeam LED ที่คมกริบ และหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายรถแบบ Fastback ที่เป็นหัวใจสำคัญของรูปทรงคูเป้

สำหรับใครที่กำลังมองหา “รถยนต์พรีเมียม” ที่ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะ แต่ยังสะท้อนรสนิยมและความเป็นตัวตน CLS คันนี้ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชุดแต่ง AMG Premium ไม่เพียงแค่เพิ่มความดุดันและสปอร์ตให้กับภายนอก แต่ยังสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งสมรรถนะ ที่ Mercedes-Benz ต้องการมอบให้แก่เจ้าของรถ ไม่ว่าคุณจะขับขี่ในเมืองใหญ่ หรือโลดแล่นบนถนนสายรอง ดีไซน์ของ CLS ก็ยังคงทำให้ผู้คนหันมามองอยู่เสมอ นี่คือหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ CLS 220 d AMG Premium ยังคง “น่าจับตามอง” ในตลาด “รถหรูมือสอง” เพราะดีไซน์ที่ดีเยี่ยมเช่นนี้จะช่วยรักษามูลค่าและไม่ทำให้รถรู้สึก “ตกรุ่น” ได้ง่ายๆ

ขุมพลังดีเซลที่ยังคงประสิทธิภาพ: ความประหยัดที่ตอบโจทย์ปี 2025

ในยุคที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงผันผวนและผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับ “ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน” มากขึ้น เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร (รหัส OM 654) ขนาด 1,950 ซีซี 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่อยู่ใน Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คันนี้ ยังคงเป็นจุดแข็งที่น่าชื่นชม แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้ใหม่ล่าสุด แต่ด้วยการจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC และ “ระบบ Mild Hybrid” (EQ Boost) ที่เข้ามาช่วยเสริมการทำงาน ทำให้เครื่องยนต์ชุดนี้สามารถส่งกำลังสูงสุดถึง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาล 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและยังให้ “สมรรถนะการขับขี่” ที่น่าพอใจ

สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือการทำงานของระบบ Mild Hybrid ที่เข้ามาช่วยลดภาระของเครื่องยนต์หลัก โดยเฉพาะในช่วงออกตัวหรือการขับขี่ในเมืองที่มีการจอดสลับไปมา คุณจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและลื่นไหลที่แตกต่างจากเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ “อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน” ของ CLS 220 d ทำได้ดีเยี่ยม จากประสบการณ์การทดสอบของผมในสภาพการจราจรที่หลากหลายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผมมั่นใจในตัวเลขเหล่านี้:

การขับขี่ในเมืองที่มีรถติดหนาแน่น: อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 10 กม./ลิตร ถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับรถยนต์พรีเมียมขนาดนี้
การขับขี่บนทางโล่งนอกเมือง/ทางหลวง: อัตราสิ้นเปลืองสามารถพุ่งสูงถึง 20 กม./ลิตร ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นตัวเลขที่รถยนต์ Eco Car บางคันยังทำได้ยาก
การใช้งานแบบผสมผสาน (ในเมือง 50% / นอกเมือง 50%): ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 14 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลและน่าพอใจอย่างยิ่ง

ในยุคที่ “เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน” กลายเป็นประเด็นสำคัญ CLS 220 d AMG Premium จึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา สมรรถนะ และ “ความคุ้มค่า” ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนที่เดินทางไกลบ่อยครั้ง เครื่องยนต์ดีเซลที่ทันสมัยและระบบ Mild Hybrid จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประหยัดและมั่นใจได้อย่างแน่นอน อีกทั้งการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ดีเซลของ Mercedes-Benz ในปัจจุบันก็ไม่ได้ยุ่งยากหรือแพงอย่างที่หลายคนเข้าใจ ทำให้ “ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา” ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นเจ้าของรถคันนี้

คุณค่าในตลาดรถมือสองปี 2025: การลงทุนที่คุ้มค่า

เมื่อพูดถึงปี 2025 CLS 220 d AMG Premium ไม่ได้เป็นรถยนต์ใหม่ที่ลดราคาเหมือนเมื่อปี 2024 ที่เคยปรับลดลงถึง 760,000 บาท แต่เป็น “Mercedes-Benz CLS มือสอง” ที่มีคุณค่าและตำแหน่งทางการตลาดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยความเป็น “โฉมสุดท้าย” (Final Edition) ที่ไม่มีรุ่นต่อยอดภายใต้ชื่อ CLS อีกต่อไป ทำให้รถคันนี้มีศักยภาพในการรักษามูลค่าได้ดีกว่ารถรุ่นอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนโฉมบ่อยครั้ง ดีไซน์ที่ไม่ตกรุ่นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ CLS ดูดีอยู่เสมอแม้ผ่านไปหลายปี ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาขายต่อใน “ตลาดรถยนต์พรีเมียมราคาคุ้มค่า”

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “รถยนต์มือสอง” ระดับหรู การเลือก CLS 220 d AMG Premium ในปี 2025 ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด คุณจะได้ครอบครองรถยนต์ที่มี “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ดีไซน์ที่โดดเด่น เทคโนโลยีที่ยังคงทันสมัย และสมรรถนะที่น่าประทับใจ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าตอนเป็นรถใหม่มาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมค่าอย่างรวดเร็วเหมือนรถยนต์ใหม่บางรุ่น ประสบการณ์ของผมบอกว่ารถยนต์ที่กลายเป็น “ตำนาน” หรือ “โฉมสุดท้าย” มักจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากนักสะสมและผู้ที่ต้องการความแตกต่าง ทำให้ “การลงทุนในรถยนต์” คันนี้มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนในแง่ของความพึงพอใจและมูลค่าที่ยั่งยืน

สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อ “Mercedes-Benz CLS มือสอง” คือการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ประวัติการเข้ารับบริการ และที่มาที่ไปของรถ การเลือกรถจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากำลังจะได้รถที่ยอดเยี่ยมกลับไปใช้งาน นี่คือโอกาสที่ดีที่จะได้เป็นเจ้าของ “รถหรู” ที่มีทั้งความสง่างาม ความสปอร์ต และสมรรถนะในราคาที่จับต้องได้ในตลาดปี 2025

สุดยอดประสบการณ์ขับขี่และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ

หากมีใครบอกว่า CLS 220 d AMG Premium อืด หรือขับไม่สนุก ผมในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์” ขอเถียงขาดใจ เพราะจากประสบการณ์การขับขี่จริง ผมสามารถยืนยันได้ว่า CLS คันนี้มอบ “สมรรถนะการขับขี่” ที่หลากหลายและน่าประทับใจ

โหมด ECO: เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการ “ความประหยัดน้ำมัน” สูงสุด คันเร่งจะตอบสนองอย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่ได้จี๊ดจ๊าด แต่ก็เพียงพอสำหรับการเคลื่อนตัวในสภาพการจราจรที่ติดขัด
โหมด Comfort: นี่คือโหมดที่ผมแนะนำสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มันมอบความสมดุลระหว่าง “สมรรถนะ” และ “ความสบายในการเดินทาง” คันเร่งตอบสนองได้ดีขึ้น แรงบิดมาแบบต่อเนื่อง ทำให้การขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและผ่อนคลาย
โหมด Sport: หากคุณต้องการปลดปล่อย “พลังเต็มที่” ของ CLS 220 d โหมด Sport คือคำตอบ คันเร่งจะตอบสนองได้รวดเร็วฉับไว เครื่องยนต์จะรีดพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเพื่อรักษาแรงบิดสูงสุด และพวงมาลัยจะกระชับมือมากขึ้น ทำให้คุณสามารถสัมผัสถึงความสปอร์ตได้อย่างแท้จริง การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ และการทำความเร็วบนทางหลวงก็ทำได้อย่างง่ายดาย โดยไม่รู้สึกถึงอาการอืดหรือหน่วงเลย

นอกจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว “ระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz” ที่ติดตั้งมาใน CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็นมาตรฐานที่สูงและยังคง “ทันสมัย” ในปี 2025 โดยเฉพาะ “เทคโนโลยีช่วยขับขี่” ที่ช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น:

Blind Spot Assist: ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากในการเปลี่ยนเลนหรือขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น สิ่งที่น่าทึ่งคือ แม้เราจะจอดรถและดับเครื่องยนต์ไปแล้ว หากมีรถวิ่งผ่านมาทางด้านหลังขณะที่เรากำลังจะเปิดประตู ระบบจะยังคงส่งสัญญาณเตือนเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นี่คือฟังก์ชันที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจใน “ความปลอดภัย” ของผู้ใช้และผู้อื่นอย่างแท้จริง
ระบบเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist): คุณสามารถตั้งค่าระดับการทำงานได้ว่าต้องการให้ระบบเตือนและเบรกช้าหรือเร็ว หรือจะปิดระบบก็ได้ จากการทดสอบ ระบบนี้ทำงานได้อย่างแม่นยำ หากคุณขับรถกระชั้นชิดคันหน้ามากเกินไป จะมีสัญญาณเตือนบนหน้าจอเรือนไมล์ แต่ถ้ายังคงขับจี้ต่อไป ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน ถือเป็น “ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ” ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมากในปัจจุบัน
ระบบจอดรถอัตโนมัติ (Active Parking Assist): สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ไม่ถนัดการจอดรถเข้าซอง นี่คือระบบที่ “เปลี่ยนเกม” ให้กับการจอดรถ CLS 220 d AMG Premium สามารถค้นหาที่จอดและนำรถเข้าจอดให้เองได้อย่างแม่นยำ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องหมุนพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองเลย เพียงแค่ควบคุมแป้นเบรกและคันเร่งเท่านั้น ทำให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดกลายเป็นเรื่องง่ายและไร้ความกังวล
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: หนึ่งในฟีเจอร์ที่ผมใช้งานบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในที่แคบ การเลี้ยวเข้าซอย หรือแม้กระทั่งการจอดเทียบฟุตปาธ ระบบกล้อง 360 องศาจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรอบคันได้อย่างชัดเจน ทำให้ “ความมั่นใจในการขับขี่” เพิ่มขึ้นอย่างมาก และลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนกับสิ่งกีดขวางหรือรถคันอื่น คุณยังสามารถเลือกดูมุมมองจากกล้องแต่ละตัวได้ตามต้องการ ซึ่งเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการควบคุมรถได้อย่างดีเยี่ยม

ความสบายและความประณีต: ประสบการณ์ระดับพรีเมียม

ในด้าน “ความสบายในการเดินทาง” และ “การเก็บเสียงห้องโดยสาร” นั้น Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังคงรักษามาตรฐานของรถยนต์หรูได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม. เสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารก็น้อยมาก ทำให้การสนทนาหรือการฟังเพลงเป็นไปอย่างราบรื่น คุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายใน รวมถึงงานประกอบที่ประณีต ก็ยังคงความหรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียมได้เป็นอย่างดี แม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปี

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอพูดถึงประเด็นของช่วงล่างและล้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมีความเห็นแตกต่างกัน

ระบบช่วงล่าง: CLS คันนี้มาพร้อมกับช่วงล่างที่ไม่ได้เน้นความนุ่มนวลสูงสุดแบบรถซีดานหรูทั่วไป แต่ปรับจูนมาในแนว “ช่วงล่างสปอร์ต” ที่ให้ความกระชับและมั่นใจในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รถจะไม่มีอาการโคลงเคลงหรือร่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับรถยนต์ที่มีจิตวิญญาณสปอร์ต
ล้อและยาง: จุดที่ผมมองว่าอาจจะมีการปรับปรุงได้คือขนาดของล้อและยาง รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อขนาด 20 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ คู่หน้าใช้ยางขนาด 245/35R20 และคู่หลัง 275/30R20 ซึ่งเป็นยางแบบรันแฟลต และมีแก้มยางที่บางมาก ทำให้เมื่อขับผ่านเส้นทางขรุขระ หรือตกหลุมบ่อเล็กน้อย จะรู้สึกสะท้านเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน ยิ่งถ้าเจอหลุมใหญ่ โอกาสที่ล้อและยางจะเสียหายก็มีสูงกว่าปกติ

ในมุมมองของผม หาก Mercedes-Benz เลือกใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว และใส่ยางที่มีความหนามากขึ้น เหมือนกับรุ่นนำเข้าในช่วงแรกๆ ก็น่าจะช่วยเพิ่ม “ความสบายในการขับขี่” และความทนทานของยางและล้อได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นจุดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หากเจ้าของรถต้องการ โดยอาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ยางที่ไม่ใช่รันแฟลต หรือปรับลดขนาดล้อลง ซึ่ง “ผู้เชี่ยวชาญด้านอะไหล่” และศูนย์บริการหลังการขายสามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้

บทสรุปและคำเชิญ

โดยสรุปแล้ว ในปี 2025 Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยังคงเป็น “รถยนต์พรีเมียม” ที่มี “คุณค่าที่ยั่งยืน” และ “น่าซื้อ” อย่างยิ่ง ด้วยดีไซน์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตูอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เคยล้าสมัย เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ยังคงทันสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่มอบทั้งความสนุกและความมั่นใจ ทำให้ CLS คันนี้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ “ความหรูหรา” ความ “สปอร์ต” และ “ความสะดวกสบาย” ในรถยนต์คันเดียว ไม่ว่าคุณจะใช้งานในเมืองหรือเดินทางไกลข้ามจังหวัด CLS 220 d AMG Premium ก็พร้อมพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและมีสไตล์

ในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์” ผมกล้าพูดได้เลยว่า ณ ราคาในตลาดรถมือสองปี 2025 คุณจะได้ครอบครองรถยนต์ที่มี “คุณภาพ” “งานประกอบ” และ “เทคโนโลยี” ที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับโลกของ Mercedes-Benz ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นี่ไม่ใช่แค่การซื้อรถ แต่เป็นการ “ลงทุนในประสบการณ์การขับขี่” ที่เหนือระดับ และเป็นโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ตำนานบทสุดท้าย” ของ CLS Class

หากคุณกำลังมองหา “Mercedes-Benz CLS มือสอง” ที่ยังคงมอบทั้งความสง่างาม สมรรถนะ และความคุ้มค่า ไม่ควรพลาด CLS 220 d AMG Premium คันนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจเข้ามาสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง ทดลองขับ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อให้คุณมั่นใจว่าคุณกำลังจะได้รับ “รถยนต์พรีเมียม” ที่ใช่สำหรับคุณอย่างแท้จริง โอกาสในการเป็นเจ้าของตำนานที่ยังมีลมหายใจรอคุณอยู่!