[ตอนต่อไป] 123T1129 AB123 รปภ.ไม่มีสิทธิ์ กินข้าวในออฟฟิศ.mp4

นิสสัน อัลเมร่า 2025: เจาะลึกสมรรถนะและเทคโนโลยีจากประสบการณ์ 10 ปี สู่ผู้นำอีโคคาร์ยุคใหม่

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วของปี 2025 ผู้บริโภคไม่ได้เพียงแค่มองหารถยนต์สำหรับเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B อีกต่อไป แต่ต้องการ “โซลูชั่นการเดินทาง” ที่ผสานสมรรถนะ ความประหยัด เทคโนโลยี และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และในกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ที่การแข่งขันดุเดือด ผมซึ่งอยู่ในวงการมานานกว่าสิบปี ขอเชิญชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่ยังคงยืนหยัดและเติบโตได้อย่างน่าภาคภูมิใจ นั่นคือนิสสัน อัลเมร่า 1.0 เทอร์โบ ที่แม้จะเปิดตัวมาพักใหญ่ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลในการออกแบบและวิศวกรรม ทำให้ Almera ยังคงเป็นตัวเลือกที่เปี่ยมด้วยความคุ้มค่าและทันสมัยสำหรับปี 2025

หลายคนอาจตั้งคำถามว่ารถยนต์เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรจะเพียงพอต่อการใช้งานที่หลากหลายในยุคปัจจุบันหรือไม่? จากประสบการณ์ของผม คำตอบคือ “เกินพอ” หากรถคันนั้นได้รับการออกแบบและติดตั้งเทคโนโลยีที่เหมาะสม และนิสสัน อัลเมร่า คือตัวอย่างที่ชัดเจน ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังเทอร์โบอันชาญฉลาด ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง และการเชื่อมต่อที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ผมจะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติว่าทำไม Nissan Almera 1.0 Turbo จึงยังคงเป็น อีโคคาร์ยอดนิยม และเป็น รถยนต์สำหรับคนเมือง ที่ฉลาดเลือกสำหรับทุกวันนี้

หัวใจของสมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่เหนือกว่าแค่ตัวเลข

เมื่อได้ยินคำว่า “เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร” หลายคนอาจมองข้ามด้วยความเชื่อที่ว่ามันคงไม่แรงพอ หรือมีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่สำหรับนิสสัน อัลเมร่า 1.0 เทอร์โบ เครื่องยนต์รหัส HRA0 แบบเบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 999 ซีซี. พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger และ Intercooler นี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ขนาดที่เล็กไม่ได้หมายถึงสมรรถนะที่ด้อยกว่า ด้วยพละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,400 – 4,000 รอบ/นาที นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าสนใจ แต่คือการออกแบบวิศวกรรมที่คำนึงถึงการใช้งานจริง

สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์บล็อกนี้โดดเด่นคือการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT พร้อม D-Step Logic ซึ่งไม่ใช่แค่เกียร์ CVT ทั่วไป แต่มีการจำลองการเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์อัตโนมัติแบบมีจังหวะ ทำให้การส่งกำลังราบรื่น นุ่มนวล และตอบสนองได้รวดเร็วตามความต้องการของผู้ขับขี่

ประสบการณ์ขับขี่ในเมือง: ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง Almera อาจมีอาการหน่วงเล็กน้อยตามสไตล์ของเครื่องยนต์เทอร์โบขนาดเล็กที่ต้องการเวลาในการสร้างบูสต์ แต่เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวและรอบเครื่องยนต์ก้าวข้ามช่วงเริ่มต้นไปแล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง คันเร่งตอบสนองได้ดีเยี่ยม ทำให้การเร่งแซงหรือเปลี่ยนเลนในเมืองเป็นไปอย่างคล่องตัวและมั่นใจ ไม่รู้สึกว่าขาดกำลังเลยแม้แต่น้อย นี่คือข้อดีที่ทำให้ Almera เป็น รถยนต์สำหรับคนเมือง ที่แท้จริง

สมรรถนะขับขี่นอกเมืองและบนเส้นทางภูเขา: สำหรับการเดินทางไกลหรือการขับขี่ขึ้นเขา ซึ่งมักเป็นจุดอ่อนของรถยนต์เครื่องเล็ก Nissan Almera 1.0 Turbo กลับสร้างความประทับใจได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยแรงบิดที่มาในรอบต่ำ ทำให้การไต่ทางชันไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แม้ในบางช่วงที่เป็นทางชันมาก อาจมีอาการตื้อเล็กน้อย แต่เพียงแค่กดคันเร่งเพิ่มอีกนิด รถก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานขึ้นเนินได้อย่างสบายหายห่วง ไม่ต้องกังวลเรื่องการเค้นกำลังให้เครื่องยนต์ทำงานหนักจนเกินไป ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดตาก หรือเส้นทางที่ท้าทายอื่นๆ กลายเป็นเรื่องที่สนุกและปลอดภัยยิ่งขึ้น นี่คือเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อมอบ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ในทุกสภาพเส้นทาง

และสิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้คือเรื่องของ ประหยัดน้ำมันสูงสุด ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของ Eco Car จากการทดสอบและใช้งานจริง พบว่า Almera สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ไม่ติดมากนักที่ราว 16 กม./ลิตร บนถนนโล่งนอกเมืองที่พุ่งสูงถึง 22 กม./ลิตร และแม้แต่การขับขึ้นเขา ก็ยังทำได้ที่ 12 กม./ลิตร ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับรถที่มีสมรรถนะเช่นนี้ โดยเฉลี่ยตลอดทริปที่ขับขี่ทดสอบรวมการขึ้นเขา ก็ยังคงรักษาตัวเลขไว้ที่ 16 กม./ลิตร ได้อย่างน่าประทับใจ นี่คือข้อพิสูจน์ว่า สมรรถนะที่คุ้มค่า สามารถอยู่ร่วมกับการประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ช่วงล่างและการควบคุม: ความสมดุลที่ลงตัวเพื่อความมั่นใจทุกการเดินทาง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าช่วงล่างที่ดีคือกุญแจสำคัญที่ทำให้รถขับสนุกและปลอดภัย นิสสัน อัลเมร่า มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อม Coil Spring และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานบิดกึ่งอิสระ Torsion Beam พร้อม Coil Spring และเหล็กกันโคลง ซึ่งเป็นสไตล์มาตรฐานของรถ Eco Car แต่สิ่งที่ทำให้ Almera แตกต่างคือการปรับเซ็ตที่ละเอียดอ่อน

ช่วงล่างของ Almera ถูกปรับจูนมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ได้แข็งกระด้างจนรู้สึกไม่สบาย หรือนุ่มยวบยาบจนควบคุมยาก แต่ให้ความสมดุลที่ลงตัว เมื่อขับผ่านทางขรุขระหรือลูกระนาด ตัวรถสามารถซับแรงกระแทกได้ดี ไม่ได้ส่งแรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสารมากนัก ให้ความรู้สึกมั่นคงและนุ่มนวลพอประมาณเมื่อวิ่งบนทางเรียบ ในช่วงทางโค้ง แม้จะขับมาด้วยความเร็วที่เหมาะสม ตัวรถก็สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้ง และด้วยการควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำและน้ำหนักที่กำลังพอดี ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายและไม่เหนื่อยล้า แม้ต้องเดินทางไกลก็ตาม นี่คือปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้าง ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ให้กับผู้ใช้งาน

ในส่วนของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมสำหรับรถในเซกเมนต์นี้ ที่ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. ห้องโดยสารยังคงความเงียบสงบ แต่หากความเร็วเกินกว่านั้น อาจเริ่มได้ยินเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในรถยนต์ระดับเดียวกัน แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มอบความสบายในการเดินทางทั้งสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร

ภายในห้องโดยสาร: นิยามใหม่ของความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อใน ห้องโดยสารอัจฉริยะ

เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในของนิสสัน อัลเมร่า คุณจะสัมผัสได้ถึงการออกแบบที่เน้นความทันสมัยและความพรีเมียมเกินกว่าคำว่า Eco Car ด้วยคอนโซลหน้าที่หุ้มหนังอย่างประณีต มอบความรู้สึกหรูหราและสัมผัสที่ดีเยี่ยม การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างมีเหตุผล ใช้งานง่าย และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

เทคโนโลยีความสะดวกสบายที่โดดเด่น:
Wireless Charger: ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคนยุค 2025 ที่ทุกอย่างต้องไร้สายและรวดเร็ว เพียงแค่วางสมาร์ทโฟนก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันที
Cruise Control (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ): เป็นผู้ช่วยที่สำคัญสำหรับการเดินทางไกล ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบ ความสบายในการเดินทาง อย่างแท้จริง
มาตรวัดเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว: แสดงผลข้อมูลการขับขี่ได้อย่างคมชัด สวยงาม และง่ายต่อการอ่าน ช่วยให้ผู้ขับขี่รับรู้ข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
หน้าจอระบบความบันเทิงแบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว: รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เชื่อมต่อได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ฟังเพลง หรือใช้แอปพลิเคชันต่างๆ

แต่ที่สำคัญและถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Nissan Almera ก้าวล้ำไปอีกขั้นคือ ระบบเชื่อมต่อ NissanConnect Services ซึ่งเปลี่ยนรถยนต์ให้เป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ นี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ผสานรถยนต์เข้ากับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคุณได้อย่างไร้รอยต่อ

NissanConnect Services ช่วยให้คุณสามารถสั่งการและควบคุมรถยนต์ได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนของคุณ ไม่ว่าจะเป็น:
ระบบตรวจสอบสถานะการล็อกประตู สั่งล็อก หรือปลดล็อกรถยนต์ระยะไกล: มอบความสบายใจเมื่อคุณไม่แน่ใจว่าล็อกรถแล้วหรือยัง
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล: สามารถสตาร์ทรถและเปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าก่อนที่คุณจะเข้าไปในรถ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย
ระบบสั่งกะพริบไฟหน้า และระบบเสียงแตรระยะไกล: ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งของรถในลานจอดรถขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
My Car Finder หรือระบบค้นหาตำแหน่งรถ: ฟังก์ชันนี้จะช่วยค้นหาและนำทางไปยังรถได้ในทันที หากคุณลืมว่าจอดรถไว้ที่ไหน

ฟังก์ชันเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นศูนย์กลางของชีวิต การเชื่อมต่อรถเข้ากับมือถือได้นั้น ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ทำให้การใช้รถเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดและไร้กังวลมากยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ: มั่นใจทุกเส้นทางกับ เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง

ในปี 2025 ความปลอดภัยไม่ใช่แค่เพียงออปชั่นเสริม แต่คือมาตรฐานที่ผู้ขับขี่คาดหวัง และนิสสัน อัลเมร่า ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนอ เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ที่ปกติจะพบได้ในรถยนต์ราคาสูงกว่า

จุดเด่นที่สำคัญและถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถขนาดเล็กในกลุ่มนี้คือ ปุ่ม SOS ระบบโทรฉุกเฉิน (Emergency Call System) ระบบนี้จะติดต่อกับศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ เพื่อประสานงานและส่งความช่วยเหลือไปอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ ความสามารถในการเรียกขอความช่วยเหลือได้ทันทีนี้เป็นสิ่งที่มอบความอุ่นใจและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอีโคคาร์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มักจะเห็นในรถยนต์ฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้ Almera ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น:
กล้องมองภาพรอบคันอัจฉริยะ (Intelligent Around View Monitor – IAVM): ช่วยให้เห็นมุมมองรอบรถ 360 องศา ทำให้การจอดรถในพื้นที่แคบหรือการหลบหลีกสิ่งกีดขวางเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้นอย่างมาก
ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ/บุคคล เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD): ระบบนี้จะแจ้งเตือนเมื่อมีวัตถุหรือบุคคลเคลื่อนไหวเข้ามาในระยะใกล้ตัวรถ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการถอยจอดหรือออกจากซอยแคบๆ
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบครัน: ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (สำหรับรุ่นท็อป), ระบบเบรก ABS, EBD, BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานที่จำเป็นในการขับขี่ประจำวัน

เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ Nissan Almera ไม่ใช่แค่รถที่พาคุณไปถึงจุดหมาย แต่ยังช่วยปกป้องคุณและคนที่คุณรักในทุกเส้นทาง นี่คือการลงทุนใน นวัตกรรมความปลอดภัย ที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง

ดีไซน์ภายนอกและทางเลือก: ความลงตัวของความสปอร์ตและความสง่างาม

ดีไซน์ภายนอกของนิสสัน อัลเมร่า ได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัยและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพียงแค่รถ Eco Car ธรรมดา แต่เป็นรถเก๋งซีดานที่มีความสง่างามและโดดเด่นบนท้องถนน

สำหรับรุ่นที่นำมารีวิวนี้ ได้มาพร้อมกับสีใหม่ Gray Sky Pearl (เทา เกรย์ สกาย เพิร์ล) ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนถึงรสนิยมและความเป็นเอกลักษณ์ สีนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถเปลี่ยนเฉดสีได้ตามสภาพแสงและมุมมอง จากประสบการณ์ ผมพบว่าเมื่อมองในที่แสงน้อย สีจะออกเงาเฉดม่วงเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด จะออกโทนสีฟ้ามากขึ้น และเมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นสีทึบ แต่เมื่อเข้ามาใกล้จะมองเห็นประกายมุกที่ซ่อนอยู่ มอบมิติและความลึกให้กับตัวรถอย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ Nissan Almera ยังมีชุดแต่ง Ignite Package ให้เลือกซื้อ ซึ่งประกอบด้วยสเกิร์ตรอบคันและสปอยเลอร์ด้านหลังสีดำเงา ที่ช่วยเสริมบุคลิกสปอร์ตให้ดูดุดันและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

นอกจากสี Gray Sky Pearl แล้ว Almera 2025 ยังมีสีตัวถังภายนอกให้เลือกอีกหลากหลาย ได้แก่ สีขาว Strom White, สีแดง Radiant Red, สีดำ Black Star, สีเทา Gun Metallic, และสีน้ำเงิน Night Blue รวมถึงตัวเลือกสีทูโทนหลังคาดำสำหรับรุ่น VL ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสไตล์ที่ตรงกับความต้องการและรสนิยมของตนเองได้อย่างเต็มที่

สรุปความคุ้มค่าและคำเชิญชวน: Nissan Almera 2025 ทางเลือกที่ชาญฉลาด

จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในแวดวงยานยนต์ ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า นิสสัน อัลเมร่า 1.0 เทอร์โบ ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาด Eco Car สำหรับปี 2025 ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้สมรรถนะเกินตัวแต่ยังคงไว้ซึ่ง ประหยัดน้ำมันสูงสุด ช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจและสบายในการเดินทาง ภายในห้องโดยสารที่ทันสมัยด้วย ห้องโดยสารอัจฉริยะ และ ระบบเชื่อมต่อ NissanConnect Services รวมถึง เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ที่ก้าวล้ำกว่าคู่แข่งหลายราย

Almera ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่พาคุณไปถึงจุดหมาย แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจและตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว การเดินทางไกลที่ต้องการความมั่นใจและสบาย หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ด้วย ค่าบำรุงรักษาประหยัด และราคาจำหน่ายที่สมเหตุสมผล ทำให้ Nissan Almera เป็น รถยนต์คุ้มค่า ที่แท้จริง และเป็น โซลูชั่นการเดินทาง 2025 ที่ตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม

หากคุณกำลังมองหา รถเก๋งประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความปลอดภัยที่เหนือกว่ามาตรฐาน ผมขอแนะนำให้คุณสัมผัสประสบการณ์จริงกับ Nissan Almera 1.0 Turbo ด้วยตัวคุณเอง

อย่ารอช้าที่จะค้นพบว่าทำไม Nissan Almera 1.0 Turbo จึงยังคงเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ และเป็นรถยนต์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการเดินทางของคุณในยุค 2025

เชิญสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันน่าประทับใจของ Nissan Almera 1.0 Turbo ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายนิสสันทั่วประเทศ เพื่อยืนยันทุกสิ่งที่ผมได้กล่าวมาด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม Almera ถึงเป็นมากกว่าแค่ Eco Car ทั่วไป.