Nissan Almera 1.0 Turbo ปี 2025: นิยามใหม่แห่งอีโคคาร์ สู่ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าทุกมิติ โดยผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของ “อีโคคาร์” มาอย่างต่อเนื่อง จากรถยนต์เน้นความประหยัดเป็นหลัก สู่การเป็นยนตรกรรมที่ผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว และในปี 2025 นี้ ไม่มีรถยนต์รุ่นใดที่จะสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ชัดเจนเท่ากับ Nissan Almera 1.0 Turbo เจเนอเรชันล่าสุด ที่ไม่ใช่แค่ “รถยนต์ประหยัดน้ำมัน” แต่คือ รถยนต์อีโคคาร์ยอดนิยม ที่ถูกยกระดับสู่มาตรฐานใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมายในทุกเส้นทาง
ด้วยสถานการณ์ตลาดและเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ผู้คนมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่ต้องเป็นพาหนะที่มอบความมั่นใจ ความสะดวกสบาย และที่สำคัญคือความคุ้มค่าในระยะยาว Nissan Almera 1.0 Turbo คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการผสานเครื่องยนต์เทอร์โบที่ทรงพลังแต่ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างเหลือเชื่อ เข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่อัจฉริยะ ทำให้รถคันนี้ยืนหยัดเป็นผู้นำในกลุ่มซีดานขนาดเล็กได้อย่างสง่างามในตลาดปัจจุบัน
หัวใจแห่งสมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ ที่ “เล็กแต่แจ๋ว” เกินคาด
เมื่อพูดถึง สมรรถนะรถยนต์ ในกลุ่มอีโคคาร์ หลายคนอาจจะยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของรถที่อัตราเร่งไม่หวือหวา หรือมีกำลังไม่เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล แต่ Nissan Almera 1.0 Turbo ทลายกรอบความคิดเหล่านั้นได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน HRA0 แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร (999 ซีซี) ที่พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger พร้อม Intercooler นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Almera แตกต่างออกไป
เครื่องยนต์บล็อกนี้มอบกำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาลถึง 152 นิวตันเมตร ที่ช่วงรอบเครื่องยนต์กว้างตั้งแต่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที ในมุมมองของผู้มีประสบการณ์ ผมขอยืนยันว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่เป็นการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นมาอย่างดี แรงบิดที่มาในรอบต่ำทำให้ อัตราเร่ง ช่วงออกตัวมีความกระฉับกระเฉง ไม่รู้สึกหน่วงเหมือนเครื่องยนต์ NA ขนาดเล็กทั่วไป เมื่อพ้นช่วงออกตัวไปแล้ว แรงบิดที่ต่อเนื่องนี้จะช่วยให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะบนถนนในเมืองที่ต้องการการเร่งแซงฉับไว หรือบนถนนหลวงที่ต้องการความเร็วคงที่
จากการทดสอบในสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่การจราจรหนาแน่นในเมืองไปจนถึงถนนโล่งและเส้นทางขึ้น-ลงเขา เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ ของ Almera พิสูจน์ให้เห็นถึง สมรรถนะเหนือกว่า ที่แท้จริง การเร่งแซงรถบรรทุกบนทางหลวงไม่ใช่เรื่องยากเย็น เพียงแค่กดคันเร่งเพิ่มอีกเล็กน้อย รถก็ตอบสนองทันที แรงบิดที่มีให้ใช้งานอย่างต่อเนื่องช่วยให้การขับขี่ทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังขาด สำหรับเส้นทางขึ้นเขาชัน อาจมีอาการ “ตื้อ” เล็กน้อยในจังหวะที่ต้องใช้กำลังมากที่สุด แต่ด้วยการบริหารคันเร่งที่เหมาะสม รถคันนี้ก็สามารถพิชิตยอดเขาได้อย่างสบายหายห่วง ด้วยความรู้สึกมั่นใจที่รถอีโคคาร์ในอดีตไม่เคยให้ได้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า นี่คือเครื่องยนต์ที่ถูกจูนมาเพื่อ การขับขี่มั่นใจ ในทุกสภาพเส้นทางของประเทศไทยจริงๆ
ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ XTronic CVT พร้อม D-Step Logic ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้อย่างราบรื่น ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยรักษาแรงบิดให้อยู่ในย่านกำลังที่เหมาะสมอยู่เสมอ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Almera ไม่เพียงแต่มีสมรรถนะที่ดี แต่ยังคงรักษาความเป็น รถยนต์ประหยัดน้ำมันสูงสุด เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
การขับขี่และช่วงล่าง: ความสมดุลของความนุ่มนวลและความมั่นคง
ในฐานะผู้ขับขี่ที่ผ่านประสบการณ์มาหลากหลายรูปแบบ ผมเข้าใจดีว่าช่วงล่างที่ดีคือกุญแจสำคัญของประสบการณ์การขับขี่ที่ดี Nissan Almera 1.0 Turbo มาพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ซึ่งเป็นมาตรฐานในกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ แต่สิ่งที่ทำให้ Almera โดดเด่นคือการปรับเซ็ตช่วงล่างที่เข้าถึงแก่นแท้ของความต้องการผู้ใช้งาน
วิศวกรของนิสสันได้ทำการปรับจูนช่วงล่างให้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว มันซับแรงกระแทกจากผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ส่งแรงสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสารมากนัก ทำให้การขับขี่ผ่านหลุมบ่อหรือทางขรุขระเป็นไปอย่างนุ่มนวลกว่าที่คิด และเมื่อวิ่งบนทางเรียบ ช่วงล่างก็ให้ความนุ่มนวลในระดับที่กำลังดี ไม่ย้วยจนเสียความมั่นใจ สิ่งนี้ทำให้ Almera เหมาะสมทั้ง การขับขี่ในเมือง ที่ต้องเจอสภาพถนนที่หลากหลาย และ การขับขี่ทางไกล ที่ต้องการความสบายตลอดเส้นทาง
ในส่วนของการควบคุมและการเข้าโค้ง แม้จะเป็นรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ แต่ Almera ก็ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ทำให้สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่เหมาะสมได้อย่างมั่นใจ พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ตอบสนองแม่นยำ ทำให้การควบคุมรถเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องออกแรงมากนัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความผ่อนคลายในการขับขี่ระยะยาว
สำหรับการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ถือเป็นอีกจุดที่ Almera ทำได้ดีในระดับราคาของมัน ที่ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. ห้องโดยสารเงียบสงบในระดับที่น่าประทับใจ แต่เมื่อความเร็วสูงกว่านั้น ก็เริ่มได้ยินเสียงลมจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับรถยนต์ในกลุ่มนี้ แต่โดยรวมแล้ว ยังคงเป็น ห้องโดยสารกว้างขวาง ที่มอบความเงียบและความเป็นส่วนตัวได้ดีกว่าคู่แข่งหลายๆ รุ่น
ปฏิวัติความประหยัด: ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่พิสูจน์ได้
ในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวน การมองหา อีโคคาร์ ประหยัดน้ำมัน คือความชาญฉลาด และ Nissan Almera 1.0 Turbo คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผมแนะนำ ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์เทอร์โบผสานกับเกียร์ XTronic CVT ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Almera สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองได้อย่างน่าทึ่ง
จากการทดสอบในสภาพการขับขี่จริง ผมพบว่า:
การขับขี่ในเมือง ที่มีการจราจรไม่หนาแน่นมากนัก สามารถทำได้ถึง 16 กม./ลิตร ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
การขับขี่นอกเมือง บนถนนโล่ง ที่ใช้ความเร็วคงที่ สามารถทำตัวเลขได้สูงถึง 22 กม./ลิตร สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่แท้จริงของเครื่องยนต์บล็อกนี้
การขับขี่ขึ้นเขา ที่ต้องใช้กำลังสูง ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 12 กม./ลิตร ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่ยอมรับได้เมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้รับ
ค่าเฉลี่ยโดยรวม จากการขับขี่แบบผสมผสาน ซึ่งรวมถึงการขับขึ้นเขาด้วย จะอยู่ที่ประมาณ 16 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันว่า Nissan Almera 1.0 Turbo คือ รถยนต์ราคาคุ้มค่า ที่แท้จริง เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการใช้งานในระยะยาว
การที่รองรับน้ำมันสูงสุด Gasohol E20 และถังน้ำมันความจุ 35 ลิตร ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเติมเชื้อเพลิงและยืดระยะการเดินทางต่อถังได้อีกด้วย
ดีไซน์ภายนอกและภายใน: ความหรูหราที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งาน
สำหรับปี 2025 Nissan Almera ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดีไซน์ “V-Motion” อันเป็นที่รู้จัก ผสานกับการปรับโฉมที่ทำให้ดูทันสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า LED รูปทรงเพรียวบาง และเส้นสายที่คมชัดรอบคัน ทำให้ Almera มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา และเมื่อมาพร้อมกับสีตัวถังภายนอกที่มีให้เลือกถึง 6 สี และสีทูโทนหลังคาดำสำหรับรุ่น VL ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นและบ่งบอกสไตล์ของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะสีใหม่ Gray Sky Pearl ที่มีความพิเศษในการเล่นกับแสง ทำให้รถดูเปลี่ยนเฉดสีได้ตามมุมมองและสภาพแสง ถือเป็นการยกระดับรูปลักษณ์ของอีโคคาร์ให้ดูพรีเมียมยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การเพิ่มชุดแต่ง Ignite Package ที่มาพร้อมสเกิร์ตรอบคันและสปอยเลอร์หลังสีดำเงา ยังเป็นการเสริมความรู้สึก ดีไซน์สปอร์ต และความดุดันให้กับตัวรถ ทำให้ Almera สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ภายในห้องโดยสารของ Almera ก็ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายและบรรยากาศที่เหนือระดับ คอนโซลหน้าหุ้มหนังสีสันสวยงาม แผงมาตรวัดเรืองแสง Fine Vision Meter แบบดิจิทัลพร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน ในขณะที่หน้าจอระบบความบันเทิงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ก็เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินและไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร
ฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นอีกอย่างคือช่องชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ที่ช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล ทำให้ทุกเส้นทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Nissan ไม่ได้มอง Almera แค่เป็นรถยนต์ราคาประหยัด แต่เป็น รถยนต์พร้อมนวัตกรรม ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคดิจิทัล
เทคโนโลยีความปลอดภัยและอัจฉริยะ: มิติใหม่ของความมั่นใจในทุกการเดินทาง
สิ่งหนึ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือ เทคโนโลยีความปลอดภัยสูง และในจุดนี้ Nissan Almera 1.0 Turbo ปี 2025 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ ด้วยการอัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงภายใต้แนวคิด Nissan Intelligent Mobility ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเดินทางได้อย่างมั่นใจไร้กังวล
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) และระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW): ระบบเหล่านี้จะช่วยตรวจสอบระยะห่างจากรถคันหน้า และจะเตือนหรือแม้กระทั่งเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงการชน
ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนและการถอยจอด โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) พร้อมระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ/บุคคลเคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD): ทำให้การจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) และระบบไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA): ช่วยรักษาความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนหลวง
นอกจากนี้ Nissan Almera ยังเป็นรถยนต์ขนาดเล็กกลุ่มแรกๆ ที่ติดตั้ง ระบบโทรฉุกเฉิน SOS (Emergency Call) ซึ่งจะติดต่อกับศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน นับเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยชีวิตได้อย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในรถยุโรปพรีเมียมเท่านั้น ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยให้เทียบเท่ารถยนต์ระดับบน
และที่พลาดไม่ได้คือ ระบบ NissanConnect Services ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อกับรถยนต์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟนของคุณ ด้วยฟังก์ชันต่างๆ เช่น:
ตรวจสอบสถานะการล็อกประตู, สั่งล็อก หรือปลดล็อกรถยนต์ระยะไกล
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล
สั่งกะพริบไฟหน้า และระบบเสียงแตรระยะไกล ช่วยให้ค้นหารถในที่จอดรถขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
My Car Finder หรือระบบค้นหาตำแหน่งรถ ที่จะนำทางคุณไปยังรถได้อย่างแม่นยำ
ระบบ NissanConnect Services นี้คือสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค 2025 ที่ทุกอย่างต้องเชื่อมต่อและควบคุมได้จากมือถือ เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายและความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถอย่างแท้จริง
รุ่นย่อย สี และราคา: ความคุ้มค่าที่เลือกได้สำหรับทุกคน
Nissan Almera 1.0 Turbo มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน ได้แก่ รุ่น E, EL, V และ VL โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานและฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรถที่ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างแท้จริง
สีตัวถังภายนอก ที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 6 สี และ 3 สีทูโทนหลังคาดำสำหรับรุ่น VL ช่วยให้ Almera มีตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับทุกรสนิยม
สีขาว Strom White
สีแดง Radiant Red (เฉพาะรุ่น EL, V และ VL)
สีดำ Black Star
สีเทา Gun Metallic
สีน้ำเงิน Night Blue (เฉพาะรุ่น EL, V และ VL)
สีเทานม Gray Sky Pearl (เฉพาะรุ่น V และ VL)
และสีทูโทนหลังคาดำในรุ่น VL (Strom White, Gun Metallic, Gray Sky Pearl)
ราคา นิสสัน อัลเมร่า 2025 ที่เริ่มต้นในระดับที่เข้าถึงได้และเป็นไปตามสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน ทำให้ Almera เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในเซกเมนต์อีโคคาร์ซีดาน
รุ่น E ราคา 549,000 บาท
รุ่น EL ราคา 589,000 บาท
รุ่น V ราคา 669,000 บาท
รุ่น VL ราคา 699,000 บาท
ด้วยแพ็กเกจที่ครบครันทั้งด้านสมรรถนะที่เหนือคาด ความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ และดีไซน์ที่ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่า ผมเชื่อมั่นว่า Nissan Almera 1.0 Turbo จะยังคงเป็นหนึ่งใน รถเก๋งขนาดเล็ก ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์สำหรับครอบครัว ขนาดเล็กที่ใช้งานได้หลากหลาย ในตลาดปี 2025
บทสรุปและคำเชิญชวน
จากประสบการณ์อันยาวนานในวงการยานยนต์ ผมกล้าพูดได้ว่า Nissan Almera 1.0 Turbo ปี 2025 ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่า “อีโคคาร์” ไปไกลแล้ว นี่ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน แต่เป็นยนตรกรรมที่มอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างสมรรถนะ ความปลอดภัย เทคโนโลยี และความคุ้มค่าในระยะยาว ที่ยากจะหารถยนต์รุ่นใดมาเทียบเคียงในเซกเมนต์เดียวกันได้ มันคือบทพิสูจน์ว่ารถยนต์ขนาดเล็กก็สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยได้
หากคุณกำลังมองหารถยนต์คู่ใจคันใหม่ ที่จะพาคุณไปสู่ทุกจุดหมายได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความประหยัด พร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ Nissan Almera 1.0 Turbo คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง! ขอเชิญร่วมทดลองขับ Nissan Almera 1.0 Turbo ได้ที่ผู้จำหน่าย Nissan ทั่วประเทศวันนี้ เพื่อพิสูจน์ว่ารถคันนี้จะพลิกโฉมความคาดหวังของคุณที่มีต่ออีโคคาร์ได้อย่างไร!
![[ตอนต่อไป] 160T1129 AB160 คู่เดทฉัน ยกให้แกนะ .mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-168-2.png)
![[ตอนต่อไป] 161T1129 AB161 มีแกเป็นเพื่อนแท้ ก็พอแล้วล่ะ .mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-169-2.png)