Denza D9 Performance AWD 2025: ท้าพิสูจน์ระบบช่วงล่าง DiSus-C อัจฉริยะ พร้อมประสบการณ์ขับขี่สุดพรีเมียมในยุค EV
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดรถยนต์ EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (MPV) ในประเทศไทย ที่กำลังกลายเป็นเซกเมนต์สำคัญสำหรับครอบครัวยุคใหม่และภาคธุรกิจที่มองหานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน และในปี 2025 นี้ หนึ่งในดาวเด่นที่ผมเชื่อว่าจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด MPV ไฟฟ้าได้อย่างแท้จริงก็คือ Denza D9 Performance AWD ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ แต่ยังซ่อนขุมพลังและเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบช่วงล่าง DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย ที่พร้อมจะยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือระดับกว่าที่เคย
Denza D9 Performance AWD: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าสุดหรู
Denza D9 คือผลผลิตจากการผนึกกำลังระหว่าง BYD ผู้บุกเบิกเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และ Mercedes-Benz ที่ผสานความหรูหราเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัว และสำหรับรุ่น Performance AWD ที่เราจะมาเจาะลึกกันในวันนี้ ถือเป็นรุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการที่สุดของที่สุดในทุกมิติ ราคาจำหน่ายช่วงแนะนำที่ 2,699,900 บาท (ข้อมูล ณ เวลาเปิดตัว) ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะที่เร้าใจ ความสะดวกสบายเหนือระดับ และความมั่นใจในการขับขี่ที่แตกต่าง
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD โดดเด่น คือการสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต e-Platform 3.0 ของ BYD ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มอบโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และยังเอื้อต่อการจัดวางแบตเตอรี่แบบ Cell-to-Body ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างและพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น ระบบขับเคลื่อนยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี 8-in-1 ที่รวมส่วนประกอบหลักของระบบส่งกำลังไฟฟ้าไว้ในชุดเดียว ช่วยลดขนาด น้ำหนัก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดการสูญเสียพลังงานได้อย่างน่าทึ่ง
สำหรับ Denza D9 Performance AWD มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All-Wheel Drive (AWD) มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 370 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ทำให้การเร่งออกตัวเป็นไปอย่างฉับไวและนุ่มนวล อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วจัดจ้านสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่ และนี่คือสิ่งที่คุณจะสัมผัสได้ทันทีเมื่อเหยียบคันเร่ง
แบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 103.36 kWh เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุดถึง 580 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งแม้ในสภาพการขับขี่จริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามจังหวัดได้อย่างไร้กังวล ในส่วนของการชาร์จ รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และกระแสตรง DC สูงสุด 166 กิโลวัตต์ ทำให้การชาร์จไฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จที่บ้านหรือตามสถานีชาร์จสาธารณะที่ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะพลิกโฉมการขับขี่ MPV ไฟฟ้า
นี่คือจุดเด่นที่แท้จริงและเป็นหัวใจหลักที่เราจะมาทำความเข้าใจกันอย่างละเอียด นั่นคือ ระบบช่วงล่าง DiSus-C ซึ่งถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย ที่ติดตั้งมาใน Denza D9 Performance AWD ระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับแต่งค่าความหนืดของโช้คอัพทั่วไป แต่เป็นการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่เหนือชั้น เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งความนุ่มนวล ความมั่นคง และการควบคุมที่แม่นยำ
โดยพื้นฐาน Denza D9 ใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ MacPherson Strut และหลังแบบ Multi-link ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ DiSus-C ได้เข้ามาเติมเต็มด้วยการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าไป โดยระบบจะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพถนน การเคลื่อนไหวของตัวรถ และการขับขี่ของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ (เช่น การเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง) จากนั้นจะประมวลผลและส่งสัญญาณไปยังโซลินอยด์วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งอยู่ภายในโช้คอัพ เพื่อปรับเปลี่ยนค่าความหนืด (damping force) และระยะการยุบตัว-คืนตัวของโช้คอัพให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในเสี้ยววินาที
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังขับรถบนถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ รอยต่อ หรือเนินกระแทก แทนที่จะรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรง DiSus-C จะทำงานล่วงหน้าเพื่อดูดซับแรงกระแทกเหล่านั้น ทำให้ห้องโดยสารยังคงความนุ่มนวลและราบรื่นอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือเมื่อคุณต้องเบรกกะทันหัน หรือเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ระบบ DiSus-C จะช่วยลดอาการหน้าทิ่ม (nose dive) หรือท้ายยุบ (squat) ที่มักเกิดขึ้นในรถยนต์ทั่วไปได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การทรงตัวของรถเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ผู้โดยสารจึงรู้สึกสบาย ลดอาการเมารถ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
จุดเด่นสำคัญของ DiSus-C คือความสามารถในการปรับแต่งรูปแบบการทำงานของโช้คอัพได้ 2 โหมดหลัก คือ Sport และ Comfort ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ง่ายๆ ผ่านหน้าจอ Infotainment ขนาด 15.6 นิ้วภายในห้องโดยสาร:
Comfort Mode: ให้ความสำคัญสูงสุดกับความนุ่มนวลในการเดินทาง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือบนเส้นทางที่ไม่ต้องใช้ความเร็วสูง ให้ความรู้สึกเหมือนลอยตัวอยู่บนอากาศ
Sport Mode: เพิ่มความหนืดของโช้คอัพเพื่อการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น ลดอาการโคลงตัวในการเข้าโค้ง และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการความสนุกและมั่นใจในการควบคุมรถ
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนเหล่านี้เองที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD เหนือกว่า MPV ไฟฟ้าทั่วไป เพราะไม่ว่าสภาพถนนหรือสไตล์การขับขี่จะเป็นอย่างไร DiSus-C ก็พร้อมที่จะมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมที่สุด
ประสบการณ์ทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD ในชีวิตจริง: ถอดรหัสความรู้สึกจากผู้เชี่ยวชาญ
ผมได้มีโอกาสทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ทั้งในสภาพการจราจรที่หนาแน่นในเมืองหลวง สภาพถนนที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ผิวถนนเรียบ ไปจนถึงถนนที่มีรอยต่อ หลุมบ่อ และฝาท่อระบายน้ำ ไปจนถึงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนหลวง
ความหรูหราและความประณีตในห้องโดยสาร:
ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD ผมสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่เหนือระดับ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Premium ให้สัมผัสที่นุ่มนวล นั่งสบาย รองรับสรีระได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเดินทางไกลเพียงใดก็ไม่รู้สึกเมื่อยล้า เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับพรีเมียม ช่วยเพิ่มความหรูหราและให้ความรู้สึกอบอุ่น หน้าจอแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
จุดเด่นอีกประการคือเบาะผู้โดยสารแถวที่สอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ MPV ไฟฟ้าหรูคันนี้ สามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้หลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์ First-Class ให้กับผู้โดยสาร ช่วยให้การเดินทางกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายอย่างแท้จริง หน้าจอ Infotainment แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ไม่เพียงแค่ควบคุมระบบบันเทิง แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการปรับแต่งฟังก์ชันสำคัญของรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง พวงมาลัย หรือระบบเบรก ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรถให้เข้ากับความต้องการและสภาพถนนได้อย่างง่ายดาย
DiSus-C ในการปฏิบัติ: การขับขี่ที่เหนือความคาดหมาย:
จากการทดสอบบนถนนแจ้งวัฒนะที่ขึ้นชื่อเรื่องความขรุขระและหลุมบ่อ DiSus-C ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ การซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อ รอยต่อถนน และฝาท่อระบายน้ำ ทำได้อย่างนุ่มนวลและราบรื่นมากจนแทบไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนที่ส่งผ่านมายังห้องโดยสารเลย ผู้โดยสารด้านหลังที่มักจะอ่อนไหวต่อแรงกระแทกมากที่สุด ต่างก็ชื่นชมในความนุ่มนวลและสบายของการเดินทาง ระบบยังช่วยลดอาการโยนตัวของรถเมื่อเจอพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกมั่นคงและลดอาการเมารถได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านสมรรถนะการขับขี่ Denza D9 Performance AWD ตอบสนองต่อการเร่งและเบรกได้อย่างราบรื่น อาการหน้าทิ่มหรือท้ายยุบเมื่อมีการเปลี่ยนความเร็วแบบฉับพลันถูกลดทอนลงไปมาก แม้จะยังคงมีอาการพยักหน้าเล็กน้อยตามธรรมชาติของรถ MPV ขนาดใหญ่ แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และดีกว่ารถ MPV ทั่วไปอย่างชัดเจน พวงมาลัยให้ความรู้สึกคม ตอบสนองได้ดี แม้จะเป็นรถขนาดใหญ่แต่ก็ควบคุมได้ง่าย ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมคล้ายกับการขับรถ SUV ทั่วไป ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยให้การจอดรถหรือขับขี่ในพื้นที่แคบๆ เป็นเรื่องง่ายขึ้น แม้ Denza D9 จะมีความยาวถึง 5.2 เมตร ก็ตาม
จุดที่ต้องพิจารณา:
แม้ Denza D9 Performance AWD จะทำได้อย่างยอดเยี่ยมในหลายๆ ด้าน แต่ก็มีบางประเด็นที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญอยากให้พิจารณาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของระบบเบรก หากขับขี่ด้วยความเร็วสูงและจำเป็นต้องเบรกกะทันหัน หรือใช้เบรกหนักๆ รถอาจมีอาการท้ายปัดหรือส่ายเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับขี่จำเป็นต้องประคองพวงมาลัยให้มั่นคงเพื่อรักษาสมดุลของรถ นี่อาจเป็นธรรมชาติของรถ MPV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก และอาจเป็นจุดที่ Denza สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์หรือระบบช่วยเหลือการเบรกให้ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ในขณะที่ขับปะทะกับลมแรงๆ หรือขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แม้ DiSus-C จะช่วยลดอาการโคลงเคลงได้ดีกว่าระบบช่วงล่างทั่วไป แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกถึงการถ่ายเทน้ำหนักและอาการโยนตัวของตัวรถอยู่บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและน้ำหนักตัวมาก การปรับโหมดเป็น Sport อาจช่วยให้การควบคุมมั่นคงขึ้น แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้ว Denza D9 Performance AWD ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นคงและสะดวกสบายในระดับที่น่าประทับใจสำหรับรถ MPV ไฟฟ้า
เปรียบเทียบกับรุ่น Premium 2WD: ทางเลือกสำหรับความต้องการที่แตกต่าง
ผมยังได้มีโอกาสทดสอบขับรุ่น Premium 2WD ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นของ Denza D9 ด้วยเช่นกัน และพบความแตกต่างที่ชัดเจนในด้านช่วงล่าง โดยรุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ไฟฟ้า BYD บางรุ่น เช่น BYD SEAL แม้ FSD จะให้ความนุ่มนวลที่ดีเยี่ยมในการขับขี่ปกติ แต่เมื่อเทียบกับ DiSus-C ของรุ่น Performance AWD แล้ว DiSus-C จะให้ความรู้สึกในการควบคุมที่แม่นยำกว่า ลดอาการโยนตัวและซับแรงกระแทกได้ละเอียดกว่าอย่างเห็นได้ชัด
หากคุณเป็นผู้ที่ชอบการขับขี่ที่รวดเร็ว มั่นใจ และต้องการความนุ่มนวลสูงสุดให้กับผู้โดยสาร โดยเฉพาะในแถวที่สอง ผมขอแนะนำให้พิจารณารุ่น Performance AWD เพราะระบบ DiSus-C จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม สำหรับรุ่น Premium 2WD ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว แม้จะไม่ได้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วจัดจ้านเท่า แต่ก็ยังคงสามารถทำความเร็วและตอบสนองได้ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป และด้วยราคาจำหน่ายที่ 1,999,900 บาท (ช่วงแนะนำ) ทำให้ Premium 2WD เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการ MPV ไฟฟ้าที่คุ้มค่า คุ้มราคา และเน้นการใช้งานแบบอเนกประสงค์เป็นหลัก
อัตราเร่งและประสิทธิภาพพลังงานในโลกแห่งความเป็นจริง (2025)
ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพพลังงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมาก ข้อมูลด้านอัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ตามการทดสอบจริง พร้อมผู้โดยสารและสัมภาระในโหมด Standard):
Premium 2WD: เคลม 9.5 วินาที, ทดสอบจริงได้ 10.25 วินาที
Performance AWD: เคลม 6.9 วินาที, ทดสอบจริงได้ 8.53 วินาที
จะเห็นได้ว่าตัวเลขจากการทดสอบจริงอาจแตกต่างจากที่เคลมไว้เล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งน้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสไตล์การขับขี่ แต่ทั้งสองรุ่นก็ยังคงมอบอัตราเร่งที่เพียงพอและน่าประทับใจสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า kWh./100 กิโลเมตร (จากระยะทางทดสอบไปกลับ 136 กิโลเมตร):
Premium 2WD: เฉลี่ย 24.2 kWh./100 กิโลเมตร
Performance AWD: เฉลี่ย 27.3 kWh./100 กิโลเมตร
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของ Denza D9 ได้เป็นอย่างดี แม้รุ่น Performance AWD ที่มีมอเตอร์คู่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่สูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และให้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ได้รับ การใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยเหล่านี้บ่งชี้ว่า Denza D9 เป็น MPV ไฟฟ้าที่คุ้มค่าในระยะยาว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับรถ MPV ที่ใช้น้ำมัน
Denza D9 Performance AWD ในมุมมองผู้เชี่ยวชาญ: ผู้นำ MPV ไฟฟ้าแห่งปี 2025
โดยสรุปแล้ว Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถ MPV ไฟฟ้าธรรมดา แต่คือวิวัฒนาการที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นของยานยนต์อเนกประสงค์สำหรับอนาคต มันคือการรวมเอาความหรูหราแบบยุโรปเข้ากับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่เป็นกุญแจสำคัญในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มนวล ความมั่นคง หรือความสามารถในการปรับตัวเข้ากับทุกสภาพถนนได้อย่างอัจฉริยะ
สำหรับปี 2025 ที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีการแข่งขันสูงขึ้น ผู้บริโภคมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวมากขึ้น Denza D9 Performance AWD ยืนหยัดในฐานะผู้นำในตลาด MPV ไฟฟ้าหรู ด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยี สมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ครบครัน มันเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ผู้บริหาร หรือภาคธุรกิจที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และยังคงรักษาสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามวงการนี้มานาน ผมเชื่อว่า Denza D9 Performance AWD คือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การเดินทางสู่ยุค EV อย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า การออกแบบที่ประณีต และสมรรถนะที่ตอบสนองได้ทุกความต้องการ นี่คือ MPV ไฟฟ้าที่คุณไม่ควรมองข้าม
ยกระดับประสบการณ์การเดินทางของคุณวันนี้!
โลกของยานยนต์ไฟฟ้ากำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว และ Denza D9 Performance AWD คือหนึ่งในผู้นำที่จะพาคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่ากับ Denza D9 Performance AWD ด้วยตัวคุณเอง
ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการเดินทางที่หรูหรา สะดวกสบาย และยั่งยืน! เชิญทดลองขับ Denza D9 Performance AWD ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม RÊVER Thailand ทั่วประเทศ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Denza D9 ราคาปัจจุบัน, โปรโมชั่นพิเศษ หรือนัดหมายเพื่อสัมผัสยนตรกรรมแห่งอนาคตคันนี้ได้ที่เว็บไซต์ทางการของ RÊVER Automotive เตรียมพบกับอนาคตของการเดินทางที่เหนือกว่าได้แล้ววันนี้!
![[ตอนต่อไป] 203T1129 AB203 คู่เดตส้มหล่นคนขายหมูปิ้ง .mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-211-1.png)
![[ตอนต่อไป] 204T1129 AB204 เจ้านายแบบนี้ที่ลูกค้าต้องการ.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-212-1.png)