[ตอนต่อไป] 206T1129 AB206 มีหลักฐานอะไร ถึงมาใส่ร้ายฉัน .mp4

Denza D9 Performance AWD: นิยามใหม่แห่ง MPV ไฟฟ้าหรูปี 2025 – เจาะลึกระบบ DiSus-C และเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประสบการณ์ขับขี่ 10 ปี

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลจากรถยนต์สันดาปสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า และในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของการเดินทางในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (MPV) ที่กำลังยกระดับมาตรฐานความหรูหราและสมรรถนะขึ้นไปอีกขั้น และวันนี้ผมจะพาคุณไปเจาะลึกกับรถยนต์รุ่นหนึ่งที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดอย่าง Denza D9 Performance AWD ซึ่งไม่ใช่แค่ MPV ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสานความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะระบบช่วงล่าง DiSus-C อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ที่ผมตั้งตารอคอยที่จะได้สัมผัสและนำเสนอการวิเคราะห์อย่างละเอียดจากประสบการณ์ตรง

Denza D9: การมาถึงของยุคใหม่แห่งยานยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์หรู

การออกแบบ MPV ไฟฟ้าในปัจจุบันกำลังถูกท้าทายด้วยความต้องการที่หลากหลาย ทั้งเรื่องพื้นที่ใช้สอย สมรรถนะการขับขี่ และที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ที่เหนือระดับ Denza D9 Performance AWD ได้ก้าวเข้ามาตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างโดดเด่น ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามผสานความทันสมัยของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ตั้งแต่แรกเห็น Denza D9 สื่อถึงความพรีเมียมและความแข็งแกร่ง ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวแต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐาน ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟหน้าแบบ LED ที่โอบรับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ หรือสัดส่วนตัวถังที่สมดุล ทำให้รถคันนี้ดูใหญ่โตโอ่อ่าแต่ไม่เทอะทะ การออกแบบภายนอกยังเน้นหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และระยะทางในการเดินทาง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า

แต่สิ่งที่ Denza D9 นำเสนอได้เหนือกว่ารถ MPV ไฟฟ้าทั่วไปคือแนวคิด “ห้องโดยสารคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ที่ไม่ได้เน้นแค่ฟังก์ชันการใช้งาน แต่ยังรวมถึงความประณีตในการออกแบบและวัสดุที่เลือกใช้ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ไม่ต่างจากการพักผ่อนในห้องรับรองพิเศษส่วนตัว นี่คือความหรูหราแบบใหม่ที่ผู้บริโภคในปี 2025 กำลังมองหาในรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดินทาง แต่คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนรสนิยม และเป็นเหมือน “บ้านหลังที่สอง” ที่พร้อมจะพาครอบครัวและผู้ร่วมเดินทางไปสู่จุดหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยสูงสุด

ขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า: หัวใจแห่งสมรรถนะของ Denza D9 Performance AWD

หัวใจหลักของ Denza D9 Performance AWD คือแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันล้ำสมัยจาก BYD ซึ่งเป็นรากฐานที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยบูรณาการส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและลดน้ำหนักโดยรวม แพลตฟอร์มนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Denza D9 ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็นรถที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อรีดศักยภาพของระบบไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่

ระบบขับเคลื่อน 8-in-1 คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ ซึ่งรวมมอเตอร์ขับเคลื่อน ชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเกียร์ และส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไว้ในชุดเดียว ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ ลดความซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง Denza D9 Performance AWD มาพร้อมแบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 103.36 kWh ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัยและความทนทาน แบตเตอรี่ขนาดใหญ่นี้มอบระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งแม้ในสภาพการขับขี่จริงอาจลดลงบ้างตามปัจจัยต่างๆ แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามจังหวัดในประเทศไทยได้อย่างไร้กังวล ทำให้หมดปัญหา “Range Anxiety” หรือความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งไปได้เลย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวในปี 2025

ในด้านการชาร์จ Denza D9 รองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน และที่สำคัญคือรองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) แบบเร็วสูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ หมายความว่าคุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาอันสั้น เพียงพอสำหรับการแวะพักระหว่างการเดินทาง ซึ่งเครือข่ายสถานีชาร์จเร็วในประเทศไทยก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้นในปี 2025

สำหรับรุ่น Performance AWD ที่ผมได้ทดสอบนี้ มาพร้อมมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา (AWD) มอบพละกำลังรวมสูงสุด 275 กิโลวัตต์ และแรงบิดมหาศาลถึง 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่แปลเป็นประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เคลมไว้เพียง 6.9 วินาทีนั้น ให้ความรู้สึกที่เร้าใจอย่างเหลือเชื่อสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่ และในการทดสอบจริง ผมพบว่าการเร่งแซงบนทางหลวงหรือการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นและทรงพลัง ให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อต้องเร่งออกจากสถานการณ์คับขัน นับเป็นสมรรถนะที่น่าประทับใจสำหรับ “MPV ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง”

DiSus-C: ระบบช่วงล่างอัจฉริยะที่นิยามความสบายและการทรงตัว

หากจะกล่าวถึงจุดเด่นที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD แตกต่างจากคู่แข่งอย่างแท้จริง คงหนีไม่พ้นระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ RÊVER ประเทศไทย ภาคภูมิใจนำเสนอ ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่ได้สัมผัสระบบช่วงล่างมาหลายรูปแบบ ต้องบอกเลยว่า DiSus-C เป็นหนึ่งในเทคโนโลยี “ช่วงล่างอัจฉริยะ” ที่ทำงานได้น่าประทับใจที่สุดในตลาดปัจจุบัน

DiSus-C ไม่ใช่แค่ช่วงล่างแบบปรับได้ทั่วไป แต่เป็นระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่ใช้การควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงเพื่อปรับความหนืดของโช้คอัพแบบเรียลไทม์ มันทำงานอย่างไร? ระบบจะติดตั้งเซ็นเซอร์มากมายเพื่อตรวจจับสภาพพื้นผิวถนน การเคลื่อนไหวของตัวรถ และพฤติกรรมการขับขี่ เช่น การเร่ง การเบรก หรือการเลี้ยว ข้อมูลเหล่านี้จะถูกประมวลผลอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมโซลินอยด์วาล์วที่อยู่ในโช้คอัพ ทำให้สามารถปรับการยุบตัวและคืนตัวของโช้คอัพได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ไม่ใช่แค่การปรับแข็งหรืออ่อนแบบตายตัว แต่เป็นการปรับแบบ “ต่อเนื่อง” (Continuously Variable Damping) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในทุกเสี้ยววินาที

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ:
ความนุ่มนวลสูงสุด: DiSus-C สามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ขรุขระ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความนุ่มนวลและราบรื่นเสมือนลอยอยู่เหนือพื้นผิวถนน ลดอาการโคลงเคลงและแรงสะเทือนที่ส่งมายังห้องโดยสาร
การทรงตัวที่เหนือชั้น: เมื่อรถเข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือมีการเปลี่ยนเลนกะทันหัน ระบบจะเพิ่มความหนืดของโช้คอัพในฝั่งที่รับแรงกด ทำให้ลดอาการโคลงตัวของรถได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การควบคุมรถมีความแม่นยำและมั่นคงมากขึ้น แม้จะเป็นรถ MPV ขนาดใหญ่
ลดอาการโยนตัวจากการเร่งและเบรก: ปัญหาคลาสสิกของรถขนาดใหญ่คืออาการหน้าเชิดเมื่อเร่ง หรือหน้าทิ่มเมื่อเบรกกะทันหัน DiSus-C จะเข้ามาจัดการปัญหานี้โดยการปรับความหนืดของโช้คอัพเพื่อต้านทานแรงเฉื่อย ช่วยให้ตัวรถรักษาสมดุล ลดแรงกระชาก ทำให้การขับขี่และการโดยสารเป็นไปอย่างสบายและมั่นคงยิ่งขึ้น

ในการทดสอบขับบนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา ผมจงใจเลือกเส้นทางที่ไม่ได้ราบเรียบทั้งหมด โดยเฉพาะบนถนนแจ้งวัฒนะที่ขึ้นชื่อเรื่องสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำ ผลลัพธ์ที่ได้คือ DiSus-C ทำงานได้อย่างน่าทึ่ง มันจัดการกับสภาพถนนเหล่านั้นได้อย่างนุ่มนวลแทบไม่รู้สึก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างผ่อนคลาย แม้ในโหมด Sport ที่ให้ความรู้สึกเฟิร์มขึ้นเล็กน้อยเพื่อการควบคุมที่เฉียบคม ก็ยังคงไว้ซึ่งความสบายที่เหนือกว่าช่วงล่างแบบทั่วไป นี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD เป็น “MPV ไฟฟ้าพรีเมียม” อย่างแท้จริง

สุนทรียภาพในห้องโดยสาร: ความหรูหราที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ

ก้าวเข้ามาภายใน Denza D9 Performance AWD คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความหรูหราและความสะดวกสบายที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับทุกการเดินทาง เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Premium คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มนวล นั่งสบาย และระบายอากาศได้ดีเยี่ยม เพดานห้องโดยสารบุด้วยวัสดุหนังกลับพรีเมียม ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโอ่โถงเสมือนอยู่ในเครื่องบินส่วนตัว

สำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถ MPV Denza D9 ได้ยกระดับประสบการณ์ไปอีกขั้น เบาะที่นั่งสามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันนวดที่หลากหลายรูปแบบ ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งฟังก์ชันนี้ถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ไม่มีในรุ่นเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งถาดพับเก็บได้ ระบบปรับอากาศแยกโซน และจอควบคุมส่วนตัวที่ให้ผู้โดยสารสามารถควบคุมความบันเทิงและฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างอิสระ ทำให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับการดูแลอย่างเหนือระดับเสมือน “รถตู้ VIP ไฟฟ้า”

สำหรับผู้ขับขี่ Denza D9 Performance AWD ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลสำคัญของการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว สามารถปรับหมุนได้ตามต้องการ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงฟังก์ชันการสั่งงานด้วยเสียงที่ชาญฉลาด ช่วยให้การควบคุมระบบต่างๆ ของรถเป็นไปอย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่สำคัญสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่คือระบบช่วยเหลือการจอด ด้วยความยาวตัวถังที่ 5.2 เมตร การถอยจอดอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ Denza D9 มาพร้อมกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา พร้อมเซ็นเซอร์รอบคัน ช่วยให้การนำรถเข้าจอดในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายดายและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่ใหญ่ ผู้ขับขี่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่แคบมากๆ

ประสบการณ์การขับขี่จริง: บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ 10 ปี

จากการทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD ในสภาพถนนจริง ผมพบว่ารถคันนี้มอบประสบการณ์ที่เกินความคาดหมายสำหรับรถ MPV ไฟฟ้า:

ช่วงล่าง DiSus-C: ต้องยกนิ้วให้จริงๆ ระบบทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อและรอยต่อถนนได้เนียนกริบ ไม่รู้สึกถึงการกระเทือนรุนแรงแม้แต่น้อย อาการโยนตัวจากการเร่งและเบรกกะทันหันก็มีน้อยมาก ทำให้การเดินทางราบรื่นและลดอาการเมารถของผู้โดยสารได้อย่างดีเยี่ยม
พวงมาลัย: มีน้ำหนักกำลังดี ตอบสนองคมและแม่นยำ ทำให้ Denza D9 Performance AWD ขับง่ายกว่าที่คิดสำหรับรถขนาดใหญ่ ผู้หญิงตัวเล็กก็สามารถควบคุมได้อย่างสบายๆ
ทัศนวิสัย: ด้วยตำแหน่งการนั่งที่สูงคล้ายรถ SUV และกระจกบานใหญ่ ทำให้ทัศนวิสัยโดยรอบดีเยี่ยม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
สมรรถนะ: พละกำลังจากมอเตอร์คู่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้การออกตัวที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 8.53 วินาที (ในการทดสอบจริงพร้อมผู้โดยสารและสัมภาระ) นั้นถือว่าเร็วมากสำหรับรถประเภทนี้
เสียงรบกวน: ภายในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดีเยี่ยม แม้จะมีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้และไม่รบกวนการสนทนาหรือการพักผ่อน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรถยนต์คันไหนที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากการทดสอบผมพบข้อสังเกตเล็กน้อยที่อาจต้องพิจารณา:

ระบบเบรก: หากขับด้วยความเร็วสูงและต้องการเบรกกะทันหัน หรือเบรกหนักๆ รถอาจมีอาการท้ายปัดหรือส่ายเล็กน้อย ผู้ขับขี่ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคงเพื่อรักษาสมดุล นี่อาจเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวรถที่มาก (รถไฟฟ้าโดยทั่วไปมีน้ำหนักมากเนื่องจากแบตเตอรี่)
การทรงตัวในโค้งและลมแรง: แม้ DiSus-C จะช่วยลดอาการโคลงเคลงได้ดีเยี่ยม แต่ด้วยความที่เป็นรถ MPV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและมีขนาดใหญ่ เมื่อเจอโค้งที่แคบหรือลมแรงปะทะด้านข้าง อาจยังมีความรู้สึกโคลงเคลงให้เห็นได้บ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถเก๋ง หรือ SUV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า

เมื่อนำ Denza D9 Performance AWD มาเปรียบเทียบกับรุ่นเริ่มต้นอย่าง Premium 2WD ที่ใช้ระบบกันสะเทือนแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ BYD SEAL ผมพบความแตกต่างของช่วงล่างอย่างชัดเจน DiSus-C ให้ความนุ่มนวลและควบคุมการทรงตัวได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร็วขึ้น และต้องการความนุ่มนวลสูงสุดให้กับผู้โดยสาร โดยเฉพาะในแถวหลัง รุ่น Performance AWD คือคำตอบที่เหมาะสมกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าความเร็วไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด และเน้นการใช้งานแบบครอบครัวทั่วไป รุ่น Premium 2WD ที่มีราคาเข้าถึงง่ายกว่า (1,999,900 บาทในช่วงแนะนำ) ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และความประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยม (24.2 kWh/100 กิโลเมตร)

อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า (ในการทดสอบจริง 136 กิโลเมตร):
Premium 2WD: เฉลี่ย 24.2 kWh/100 กิโลเมตร
Performance AWD: เฉลี่ย 27.3 kWh/100 กิโลเมตร

ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมของรถยนต์ไฟฟ้า และเมื่อเทียบกับค่าเชื้อเพลิงของรถยนต์สันดาปแล้ว “ค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า” และ “ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร” ของ Denza D9 นั้นประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจสำคัญในการเปลี่ยนมาใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” ในปี 2025

อนาคตและบทสรุป

Denza D9 Performance AWD ไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำเสนอทางเลือกใหม่ในตลาด “MPV ไฟฟ้า” ของประเทศไทย แต่เป็นการตอกย้ำถึงทิศทางของ “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความหรูหราที่สัมผัสได้ สมรรถนะที่เกินความคาดหมาย และเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง DiSus-C ทำให้ Denza D9 เป็นรถที่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ ผู้บริหาร หรือใครก็ตามที่มองหาสุดยอดยานยนต์ไฟฟ้าที่ให้ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความประหยัด ในราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับสิ่งที่ได้รับ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหานิยามใหม่ของการเดินทางในปี 2025 Denza D9 Performance AWD คือหนึ่งในตัวเลือกที่คู่ควรกับการพิจารณาอย่างยิ่ง ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น และความหรูหราที่โดดเด่น มันคือรถยนต์ที่พร้อมจะพาคุณและคนที่คุณรักไปสู่ทุกจุดหมายได้อย่างมีสไตล์และสะดวกสบายที่สุด

อย่าพลาดโอกาสสัมผัสอนาคตแห่งการเดินทางด้วย Denza D9 Performance AWD ที่พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับคุณ เยี่ยมชมโชว์รูม RÊVER ใกล้บ้านท่าน หรือนัดหมายเพื่อทดลองขับวันนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ไฟฟ้าอันล้ำค่า!