[ตอนต่อไป] 208T1129 AB208 ลูกสะใภ้เป็นได้แค่คนนอก จริงไหม.mp4

Denza D9 Performance AWD: ยกระดับประสบการณ์ MPV ไฟฟ้าหรู สู่มาตรฐานปี 2025 พร้อมท้าทายทุกเส้นทางด้วย DiSus-C

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของตลาด EV ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนอย่างเต็มตัว ปี 2025 นี้ ไม่ใช่แค่เพียงตัวเลขในปฏิทิน แต่คือช่วงเวลาที่เทคโนโลยีได้สุกงอม ความเข้าใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก้าวหน้าไปไกล และการแข่งขันก็ดุเดือดกว่าที่เคย ตลาดรถยนต์ MPV ไฟฟ้าหรู ซึ่งเคยเป็นเพียงนิชมาร์เก็ต กำลังถูกจับตาเป็นพิเศษ และหนึ่งในผู้เล่นที่สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาล คือ Denza D9 Performance AWD ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ผสานความหรูหราเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัว และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการมาพร้อมกับระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะที่พร้อมจะพลิกนิยามของความสบายและเสถียรภาพในการเดินทาง

บทความนี้จะนำพาทุกท่านดำดิ่งสู่แก่นแท้ของ Denza D9 Performance AWD ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกจากประสบการณ์ขับขี่จริง บนเส้นทางที่ท้าทายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจราจรในเมืองกรุงที่ติดขัด ไปจนถึงถนนหลวงมุ่งสู่พระนครศรีอยุธยา เราจะมาดูกันว่ารถตู้ไฟฟ้าคันนี้มีดีอย่างไร ทำไมจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าจับตามองในกลุ่มรถครอบครัวไฟฟ้าและรถสำหรับผู้บริหาร และ DiSus-C จะเข้ามายกระดับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไรในสภาวะตลาดปัจจุบันที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามากมาย

Denza D9 Performance AWD: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าแห่งอนาคต

Denza D9 ไม่ได้เป็นเพียงรถตู้ไฟฟ้าธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำภายใต้การดูแลของ RÊVER Automotive ในประเทศไทย ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจาก BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก ณ ปี 2025 Denza D9 ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นหนึ่งใน MPV ไฟฟ้าพรีเมียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวขนาดใหญ่ หรือการเป็นรถยนต์สำหรับผู้บริหารที่ต้องการความสะดวกสบายและภาพลักษณ์ที่โดดเด่น

หัวใจหลักของ Denza D9 Performance AWD คือแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันล้ำสมัยที่ BYD พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 8-in-1 ที่รวมเอาส่วนประกอบสำคัญของระบบส่งกำลังและควบคุมไฟฟ้าไว้ในชุดเดียว ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดการสูญเสียพลังงาน และประหยัดพื้นที่ ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มสมรรถนะรถไฟฟ้าให้เหนือกว่า แต่ยังส่งผลดีต่อการจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ทำงานได้เต็มศักยภาพสูงสุด

ในรุ่น Performance AWD นี้ Denza D9 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 103.36 kWh ซึ่งถือเป็นความจุที่โดดเด่นในเซกเมนต์เดียวกัน การขับขี่ระยะไกล EV จึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยพิสัยการวิ่งที่เคลมไว้สูงสุด 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งในการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับมาตรฐาน WLTP ที่เข้มงวดกว่า) ยิ่งไปกว่านั้น ระบบยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และการชาร์จเร็ว DC สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ทำให้มั่นใจได้ว่าการแวะพักชาร์จระหว่างการเดินทางจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในยุค 2025 ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

สมรรถนะการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในรุ่น Performance AWD เป็นผลลัพธ์จากมอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) ที่มอบพละกำลังรวมสูงสุด 275 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิดมหาศาล 470 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ทำได้ใน 6.9 วินาทีตามที่เคลมไว้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือกว่า MPV ทั่วไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงบนไฮเวย์ หรือการออกตัวจากสี่แยก ไฟเขียว Denza D9 Performance AWD ก็พร้อมตอบสนองได้อย่างทันใจและเปี่ยมด้วยพลัง

DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะที่ปฏิวัติความสบาย

จุดเด่นที่สุดและเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดรถตู้ไฟฟ้าอย่างชัดเจน คือระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ระบบควบคุมการหน่วงของโช้คอัพแบบปรับได้ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี EV ล่าสุดที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ BYD ในการมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบ DiSus-C ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับความแข็ง-อ่อนของโช้คอัพ แต่เป็นการทำงานที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน โดยจะมีการตรวจจับการยุบตัวและการคืนตัวของช่วงล่างอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์

ข้อมูลที่ได้จากการตรวจจับนี้จะถูกประมวลผลผ่านชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์อันชาญฉลาด เพื่อสั่งการโซลินอยด์วาล์วภายในโช้คอัพให้ปรับค่าความหน่วงได้ทันทีและแม่นยำ การปรับแต่งนี้จะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ทำให้ช่วงล่างสามารถตอบสนองต่อสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการขับผ่านหลุมบ่อ ลูกระนาด รอยต่อถนน หรือแม้แต่การเปลี่ยนเลนกะทันหัน

ข้อดีของ DiSus-C คือการเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ช่วยลดแรงกระชากที่เกิดขึ้นจากการเบรกหรือการเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัว ไม่โคลงเคลง ลดอาการเมารถ และยังคงควบคุมรถได้อย่างแม่นยำและมั่นใจในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ DiSus-C ยังมีช่วงระยะการอัดและคืนตัวที่กว้างกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปหลายเท่า ทำให้สามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม มอบความนุ่มนวลราวกับลอยอยู่เหนือถนน

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานของ DiSus-C ได้ 2 รูปแบบผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ได้แก่ โหมด Sport ที่ให้ความรู้สึกแน่น หนึบ มั่นคง เหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือบนเส้นทางที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุม และโหมด Comfort ที่จะปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลเป็นพิเศษ ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการเดินทางไกลหรือเมื่อต้องการเน้นความสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร

ประสบการณ์ขับขี่ Denza D9 Performance AWD: บนเส้นทางชีวิตจริง

การทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่พระนครศรีอยุธยา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ รวมระยะทาง 136 กิโลเมตร เพื่อสัมผัสถึงประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย แทนที่จะเลือกเส้นทางด่วนที่ราบเรียบ ผมเลือกใช้ถนนแจ้งวัฒนะที่ขึ้นชื่อเรื่องความไม่สมบูรณ์ของพื้นผิว ทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำ เพื่อท้าทายระบบ DiSus-C อย่างเต็มที่

ความประทับใจแรกและ DiSus-C:
ทันทีที่ล้อสัมผัสกับถนนที่เต็มไปด้วยความท้าทาย DiSus-C ได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างน่าทึ่ง แรงกระแทกจากการขับผ่านหลุมบ่อหรือรอยต่อถนนถูกซับไว้ได้อย่างนุ่มนวลและแทบไม่รู้สึก ทำให้ห้องโดยสารยังคงความสงบและสะดวกสบาย ผู้โดยสารแถวหลังต่างชื่นชมกับความนุ่มนวลที่ไม่เคยสัมผัสใน MPV คันไหนมาก่อน การขับขี่บนถนนขรุขระกลายเป็นเรื่องง่ายและไม่น่าเหนื่อยล้าอีกต่อไป นี่คือการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าสำหรับใครที่ให้ความสำคัญกับความสบายเป็นอันดับแรก

สมรรถนะการขับขี่:
ด้วยมอเตอร์คู่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Denza D9 Performance AWD มอบพละกำลังที่เหลือเฟือ อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการขับขี่จริงพร้อมผู้โดยสารและสัมภาระ โดยใช้โหมด Standard ทำได้ที่ 8.53 วินาที ซึ่งแม้จะสูงกว่าตัวเลขเคลมเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเร็วและฉับไวอย่างยิ่งสำหรับรถตู้ขนาดใหญ่ การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ ไม่มีอาการรอรอบ และยังคงรักษาสมดุลของตัวรถได้ดีเยี่ยม เสียงรบกวนจากภายนอกมีให้ได้ยินบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสนทนาหรือการฟังเพลง

การควบคุมและความคล่องตัว:
แม้จะมีขนาดตัวถังที่ยาวถึง 5.2 เมตร แต่ Denza D9 กลับเป็นรถที่ขับง่ายเกินคาด พวงมาลัยให้ความรู้สึกคมและแม่นยำ ผู้ขับขี่ที่มีสรีระเล็กก็สามารถควบคุมได้อย่างสบาย ทัศนวิสัยรอบคันดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกคล้ายกับการขับรถ SUV ไม่ใช่ MPV ขนาดใหญ่ ระบบกล้องมุมมอง 360 องศาทำให้การถอยจอดในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความยาวของตัวรถอยู่เสมอ

สิ่งที่ควรปรับปรุง:
จากการทดสอบพบว่า ในกรณีที่ต้องเบรกกะทันหันหรือเบรกหนักด้วยความเร็วสูง อาจมีอาการส่ายของตัวรถให้รู้สึกได้เล็กน้อย ซึ่งผู้ขับขี่จำเป็นต้องจับพวงมาลัยให้แน่นหนาขึ้น นอกจากนี้ ในขณะที่ขับปะทะลมแรงๆ หรือเข้าโค้งด้วยความเร็ว อาจสัมผัสได้ถึงความโคลงเคลงบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากภาพรวม นี่เป็นจุดเล็กน้อยที่สามารถปรับปรุงได้ในอนาคต หรือผู้ขับขี่สามารถปรับรูปแบบการขับให้เข้ากับลักษณะของรถได้

ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน:
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าของ Denza D9 Performance AWD ในการขับขี่ระยะทาง 136 กิโลเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ 27.3 kWh/100 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลสำหรับรถ MPV ไฟฟ้าหรูสมรรถนะสูงที่มีขนาดและน้ำหนักตัว การจัดการพลังงานไฟฟ้าถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาประสิทธิภาพในระยะยาว

ภายใน Denza D9: ห้องโดยสารที่สะท้อนความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุด

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD คุณจะสัมผัสได้ถึงความประณีตและหรูหราในทุกรายละเอียด เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Premium คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและนั่งสบายตลอดการเดินทาง เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่อบอุ่นและหรูหราไปอีกขั้น

สำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในรถ MPV ระดับนี้ ได้รับการดูแลเป็นพิเศษด้วยเบาะนั่งที่สามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้หลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์การเดินทางที่ผ่อนคลายและสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกลหรือการพักผ่อนระหว่างวันทำงาน นี่คือฟังก์ชันที่ยกระดับประสบการณ์การเดินทางสู่ความสะดวกสบายสูงสุด แตกต่างจากรุ่นเริ่มต้น Premium 2WD ที่ไม่มีฟังก์ชันนี้ ทำให้ Performance AWD เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ

ความปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่ก็เป็นสิ่งที่ Denza ให้ความสำคัญ ด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจดจ่อกับการเดินทางได้อย่างเต็มที่ ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว เป็นศูนย์กลางการควบคุมที่ทันสมัย สามารถปรับการทำงานของระบบช่วงล่าง DiSus-C, ความหนักเบาของพวงมาลัย, และระบบเบรก รวมถึงฟังก์ชันด้านความบันเทิงและข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยปลายนิ้วสัมผัส

การออกแบบภายในคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์และฟังก์ชันการใช้งาน ทุกองค์ประกอบถูกจัดวางอย่างลงตัว สร้างบรรยากาศที่โอ่อ่า โปร่งสบาย และเงียบสงบ วัสดุคุณภาพสูงที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้ งานเดินตะเข็บที่ประณีต หรือการตกแต่งด้วยวัสดุโลหะ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังได้จากรถยนต์ไฟฟ้าหรูในตลาด 2025

Denza D9 Premium 2WD: ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ MPV ไฟฟ้า

นอกจากรุ่น Performance AWD แล้ว Denza D9 ยังมีรุ่นเริ่มต้น Premium 2WD ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แม้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และใช้ระบบกันสะเทือนอัตโนมัติแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่พบใน BYD SEAL ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างจาก DiSus-C อย่างชัดเจน

ระบบ FSD แม้จะไม่ได้มอบความนุ่มนวลและเสถียรภาพระดับเดียวกับ DiSus-C แต่ก็ยังคงให้ความสบายในการขับขี่ที่น่าประทับใจสำหรับการใช้งานทั่วไป หากคุณเป็นผู้ที่ชอบการขับขี่ในความเร็วที่เหมาะสม และมองหาความนุ่มนวลให้กับผู้โดยสารแถวหลังโดยไม่จำเป็นต้องเป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยี DiSus-C รุ่น Premium 2WD ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในเชิงราคา ด้วยราคาจำหน่ายที่ 1,999,900 บาท (ในช่วงแนะนำ) ในบริบทของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยปี 2025 นี่คือราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับ MPV ไฟฟ้าคุณภาพสูง

ในด้านสมรรถนะการขับขี่ มอเตอร์เดี่ยวของ Premium 2WD ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แม้จะไม่ได้ปู๊ดป๊าดเท่ารุ่น AWD แต่ก็สามารถทำความเร็วได้ดี อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการขับขี่จริงพร้อมผู้โดยสารและสัมภาระ ทำได้ที่ 10.25 วินาที ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเคลมที่ 9.5 วินาที และยังคงตอบโจทย์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าของ Premium 2WD ในการขับขี่ระยะทาง 136 กิโลเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ 24.2 kWh/100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าประหยัดพลังงานได้ดีเยี่ยม ยิ่งตอกย้ำถึงความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

บทสรุป: Denza D9 ก้าวล้ำเหนือความคาดหมาย

จากการวิเคราะห์และทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD อย่างละเอียด เราสามารถสรุปได้ว่านี่คือรถตู้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำตลาด MPV ไฟฟ้าหรูในประเทศไทย ปี 2025 นี้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี EV ล่าสุดอย่าง DiSus-C ที่ปฏิวัติความสบายและเสถียรภาพ, แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ที่เหนือกว่า, แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่พร้อมการชาร์จเร็ว, สมรรถนะรถไฟฟ้าที่ทรงพลัง, หรือห้องโดยสารที่ประณีตหรูหรา Denza D9 คือแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

Denza D9 Performance AWD ไม่เพียงแต่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ MPV ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์สำหรับครอบครัวไฟฟ้า หรือรถสำหรับธุรกิจที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย และประสิทธิภาพสูงสุด นี่คือการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างแท้จริง

ถึงเวลาที่คุณจะสัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง! เราขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจในรถยนต์ไฟฟ้าหรูและนวัตกรรมยานยนต์ที่ก้าวล้ำ มาร่วมพิสูจน์ศักยภาพของ Denza D9 Performance AWD และ Denza D9 Premium 2WD ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม Denza ทั่วประเทศ ไม่ว่าคุณจะต้องการรถสำหรับครอบครัวที่สะดวกสบาย หรือรถสำหรับผู้บริหารที่เปี่ยมด้วยภาพลักษณ์ เชิญมาทดลองขับเพื่อรับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่า แล้วคุณจะพบว่าอนาคตของการเดินทางอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว!