[ตอนต่อไป] 217T1129 AB217 ใครก็ได้ช่วยบอกที…ใครเอากำไลของฉันไป.mp4

Denza D9 Performance AWD ในปี 2025: เจาะลึกช่วงล่าง DiSus-C และประสบการณ์สุดพรีเมียมของ MPV ไฟฟ้าแห่งอนาคต

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์พลังงานใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถตู้ MPV ไฟฟ้า ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นในตลาดปี 2025 ด้วยความต้องการรถยนต์สำหรับครอบครัวที่รวมเอาความหรูหรา ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเข้าไว้ด้วยกัน Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถยนต์อีกคันในตลาด แต่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย โดยเฉพาะระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์การขับขี่สุดยอดเยี่ยม วันนี้ผมจะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียดของ Denza D9 Performance AWD รุ่นท็อปสุดคันนี้ จากการทดลองขับจริงบนเส้นทางอันหลากหลาย เพื่อพิสูจน์ว่านี่คือ รถยนต์ไฟฟ้า MPV หรูที่ดีที่สุด สำหรับยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ได้อย่างไร

Denza D9 Performance AWD: นิยามใหม่ของความหรูหราและขุมพลังไฟฟ้า

ปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า MPV ในประเทศไทยมีความคึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถยนต์แค่เพื่อการเดินทางอีกต่อไป แต่ต้องการยานพาหนะที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ มอบความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Denza D9 Performance AWD ตอบโจทย์ทุกมิตินี้ด้วยการเป็นรถตู้ไฟฟ้า 100% ที่ออกแบบมาเพื่อความเหนือระดับอย่างแท้จริง ด้วยราคาจำหน่ายในช่วงแนะนำที่ 2,699,900 บาท ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่คุณจะได้รับ

หัวใจหลักของ Denza D9 คือแพลตฟอร์มไฟฟ้า e-Platform 3.0 อันเป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและความปลอดภัย แต่ยังเปิดประตูสู่อิสระในการออกแบบที่กว้างขวางขึ้นสำหรับรถยนต์ MPV ขนาดใหญ่เช่น D9 รุ่น Performance AWD มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1 ที่รวมเอาส่วนประกอบหลักของระบบส่งกำลังไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดน้ำหนัก และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ รถครอบครัวไฟฟ้า

สำหรับขุมพลัง Denza D9 Performance AWD ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 374 แรงม้า) พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าประทับใจบนกระดาษ แต่หมายถึงอัตราเร่งที่ฉับไวและแม่นยำ ด้วยเวลา 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.9 วินาที (ตามที่เคลมไว้) ซึ่งถือว่าเร็วเหลือเชื่อสำหรับรถตู้ MPV ขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบาย ความแรงนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 103.36 kWh ทำให้ Denza D9 สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งในการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และสภาพถนน) ทำให้หมดกังวลเรื่อง “Range Anxiety” สำหรับการเดินทางไกล และด้วยความที่ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025 นี้ การเดินทางด้วย Denza D9 จึงสะดวกสบายไร้ขีดจำกัด

รองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และการชาร์จกระแสตรง (DC) แบบ Ultra-Fast Charging สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ หมายความว่าคุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ได้ในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่นาทีที่จุดชาร์จสาธารณะ ทำให้ การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วกว่าที่เคย

DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่

จุดเด่นที่แท้จริงและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Denza D9 ในประเทศไทยผ่าน RÊVER Automotive คือระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C นี่คือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงการรับรู้ของเราเกี่ยวกับความสบายในการเดินทางด้วยรถตู้ MPV โดยสิ้นเชิง DiSus-C เป็นระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่ผสานการทำงานของช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงก์เข้ากับระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์อันซับซ้อน

หัวใจสำคัญของ DiSus-C คือความสามารถในการปรับแต่งความกระด้าง-นุ่มนวลของโช้คอัพได้อย่างต่อเนื่องและเรียลไทม์ โช้คอัพที่ติดตั้งมานั้นมีช่วงระยะของการอัดและคืนตัวที่กว้างกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปหลายเท่า โดยมีเซ็นเซอร์จำนวนมากที่คอยตรวจจับการยุบตัวและการคืนตัวของช่วงล่าง รวมถึงสภาพพื้นผิวถนน อัตราเร่ง การเบรก และการเข้าโค้ง ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประมวลผลและควบคุมวาล์วโซลินอยด์ภายในโช้คอัพ ให้ปรับแรงหนืดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกเสี้ยววินาที

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ช่วงล่าง Denza D9 ที่สามารถตอบสนองต่อทุกสภาพการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ รอยต่อถนน ลูกระนาด หรือพื้นผิวขรุขระ ระบบ DiSus-C จะช่วยดูดซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด ลดอาการโคลงเคลงของตัวรถเมื่อต้องเบรกกะทันหัน หรือเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ทำให้ควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น Đâyคือ เทคโนโลยี DiSus-C ที่มอบทั้งความสบายและความมั่นใจในการขับขี่

ประสบการณ์ทดลองขับ Denza D9 Performance AWD: พิสูจน์บนเส้นทางจริง

ผมได้รับโอกาสให้ทดสอบ Denza D9 Performance AWD บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพฯ ระยะทางรวม 136 กิโลเมตร โดยตั้งใจเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ได้เป็นทางด่วนตลอดสาย เพื่อให้ได้สัมผัสการทำงานของ DiSus-C บนสภาพถนนที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ถนนเรียบในเมืองไปจนถึงถนนที่มีหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำที่ท้าทาย

ทันทีที่ออกสตาร์ทจากจุดนัดหมายและขับขี่บนถนนแจ้งวัฒนะที่มีชื่อเสียงเรื่องความไม่เรียบ ระบบ DiSus-C ก็แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของมัน การซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อและรอยต่อถนนทำได้อย่างนุ่มนวลอย่างเหลือเชื่อ แทบไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสารเลย ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังยังคงความสบาย ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเหวี่ยงไปมา

ภายในหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการทำงานของโช้คอัพได้ 2 รูปแบบ คือ Sport และ Comfort ซึ่งผมได้ทดลองสลับใช้งานทั้งสองโหมด
โหมด Comfort: มอบความนุ่มนวลสูงสุด เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางระยะไกลที่ต้องการความผ่อนคลาย
โหมด Sport: เพิ่มความหนึบแน่นให้กับช่วงล่าง ทำให้การควบคุมรถกระชับฉับไวขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง หรือต้องการความแม่นยำในการเข้าโค้ง

ในส่วนของการเร่งความเร็วและเบรกกะทันหัน Denza D9 Performance AWD แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงที่ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นรถตู้ MPV ขนาดใหญ่ แต่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และแรงบิดที่สูง ทำให้การออกตัวและเร่งแซงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอาการหัวทิ่ม หรือการกระชากที่รุนแรง ระบบเบรกตอบสนองได้ดีเยี่ยม แต่ด้วยน้ำหนักตัวและขนาดของรถ การเบรกกะทันหันที่ความเร็วสูงอาจจะรู้สึกว่ามีอาการโยนตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถ MPV ขนาดนี้ แต่ก็ยังคงควบคุมพวงมาลัยได้อย่างมั่นใจ

สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือ การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Denza D9 นั้นง่ายและคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง แม้ตัวรถจะมีความยาวถึง 5.2 เมตร แต่ทัศนวิสัยในการขับขี่นั้นยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกคล้ายกับการขับรถ SUV ทั่วไป พวงมาลัยให้ความรู้สึกคมและแม่นยำ ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ทำให้การบังคับเลี้ยวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยให้การถอยจอดและการเข้าซองเป็นเรื่องง่ายดาย แม้ในพื้นที่จำกัด

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรถยนต์คันไหนที่สมบูรณ์แบบ 100% สำหรับ Denza D9 Performance AWD ผมพบว่าในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาก ๆ และต้องเบรกกะทันหัน อาจจะรู้สึกถึงอาการท้ายปัดเล็กน้อยที่ต้องอาศัยการจับพวงมาลัยให้มั่นคง นอกจากนี้ ในขณะที่ขับปะทะลมแรง หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจจะมีความรู้สึกโครงเครงให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับรถตู้ MPV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและขนาดใหญ่ แต่โดยรวมแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ลดทอนความประทับใจใน สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า โดยรวมของ D9 เลย

ภายใน Denza D9: ห้องโดยสารสุดหรูที่เปรียบเสมือนเลานจ์ส่วนตัว

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความหรูหราและประณีตที่เหนือกว่า รถยนต์ไฟฟ้าหรู ทั่วไป วัสดุหนัง Nappa Premium คุณภาพสูงที่ใช้หุ้มเบาะโดยสาร มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและนั่งสบายตลอดการเดินทาง เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับพรีเมียม ช่วยเสริมความรู้สึกโอ่โถงและเงียบสงบ

เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่คือระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12.3 นิ้ว (ซึ่งคาดว่าจะอัปเกรดความละเอียดหรือฟังก์ชันในรุ่นปี 2025) ทำให้ผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ลดความเมื่อยล้าและเพิ่มสมาธิในการขับขี่

จุดเด่นสำคัญสำหรับผู้โดยสารคือเบาะที่นั่งแถวที่สอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ รถครอบครัวไฟฟ้าพรีเมียม สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมฟังก์ชันนวดที่สามารถปรับความเข้มข้นและรูปแบบการนวดได้ตามต้องการ ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเริ่มต้น Premium 2WD ที่ไม่มีฟังก์ชันนี้ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง ระบบปรับอากาศแยกโซน และจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้ Denza D9 กลายเป็นเลานจ์ส่วนตัวเคลื่อนที่ได้อย่างแท้จริง

เปรียบเทียบสมรรถนะ: Performance AWD กับ Premium 2WD

นอกจากการทดสอบรุ่นท็อป Denza D9 Performance AWD แล้ว ผมยังได้มีโอกาสทดลองขับรุ่นเริ่มต้น Premium 2WD เพื่อให้เห็นความแตกต่างของสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่อย่างชัดเจน

ช่วงล่าง: นี่คือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด รุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ BYD SEAL ระบบนี้ให้ความนุ่มนวลในระดับที่ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ DiSus-C ของ Performance AWD แล้ว ความสามารถในการซับแรงกระแทกและรักษาสมดุลของรถในสภาพถนนที่ขรุขระ หรือในสถานการณ์ที่ต้องการความละเอียดอ่อนในการปรับช่วงล่างนั้น DiSus-C ทำได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร็วขึ้น และต้องการความนุ่มนวลขั้นสูงสุดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง การขยับไปเลือกรุ่น Performance AWD จึงเป็นคำแนะนำที่คุ้มค่ากว่า

อัตราเร่ง:
Premium 2WD: มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อน 2 ล้อ (หน้า) พละกำลังรวม 230 kW แรงบิด 340 Nm เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 9.5 วินาที จากการทดสอบจริง (โดยมีผู้โดยสารและสัมภาระ ใช้โหมด Standard) ทำได้ 10.25 วินาที ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางแบบครอบครัว แต่ไม่ได้รู้สึกกระชากกระชั้น
Performance AWD: มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลังรวม 275 kW แรงบิด 470 Nm เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6.9 วินาที จากการทดสอบจริง (โดยมีผู้โดยสารและสัมภาระ ใช้โหมด Standard) ทำได้ 8.53 วินาที ซึ่งให้ความรู้สึกที่ทรงพลังกว่ามาก การออกตัวและเร่งแซงเป็นไปอย่างรวดเร็วและมั่นใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า ที่เหนือกว่า

อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า:
Premium 2WD: ระยะทางไปกลับ 136 กิโลเมตร เฉลี่ย 24.2 kWh./100 กิโลเมตร
Performance AWD: ระยะทางไปกลับ 136 กิโลเมตร เฉลี่ย 27.3 kWh./100 กิโลเมตร
จะเห็นได้ว่ารุ่น Performance AWD ที่มีมอเตอร์คู่และน้ำหนักที่มากกว่าเล็กน้อย มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าสูงกว่า แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และประหยัดกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด การเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า BYD หรือ Denza ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวเรื่องค่าพลังงาน

ด้วยราคาจำหน่ายที่ 1,999,900 บาท (ในช่วงแนะนำ) สำหรับรุ่น Premium 2WD หากคุณมองหา รถยนต์ไฟฟ้า MPV สำหรับครอบครัวเป็นหลัก เน้นความประหยัด และไม่ได้ขับขี่ที่ความเร็วสูงมากนัก รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ: ทำไม Denza D9 Performance AWD จึงคู่ควรในปี 2025

จากการทดลองขับและวิเคราะห์เชิงลึก ผมสามารถสรุปได้ว่า Denza D9 Performance AWD คือหนึ่งใน MPV ไฟฟ้าที่ดีที่สุด ที่จะเข้ามาพลิกโฉมตลาดในปี 2025 อย่างแท้จริง มันมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสมผสานระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมได้อย่างลงตัว ระบบช่วงล่าง DiSus-C คือนวัตกรรมที่โดดเด่น ทำให้การเดินทางบนทุกสภาพถนนเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจ

Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่พาหนะที่พาคุณจากจุด A ไปจุด B แต่เป็นเหมือนเลานจ์เคลื่อนที่ที่มอบความผ่อนคลายและความบันเทิงตลอดเส้นทาง ด้วยการออกแบบภายในที่ประณีต วัสดุระดับพรีเมียม และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของ รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด

แม้จะมีบางจุดที่สามารถปรับปรุงได้ เช่น การควบคุมอาการโยนตัวเล็กน้อยเมื่อเบรกกะทันหัน หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงสำหรับรถตู้ขนาดใหญ่ แต่โดยภาพรวมแล้ว Denza D9 Performance AWD ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า MPV ด้วยคะแนนจากประสบการณ์ของผม ผมขอให้คะแนนรถคันนี้ที่ 8.5/10 ซึ่งถือเป็นคะแนนที่สูงมากสำหรับรถในเซกเมนต์นี้

หากคุณกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่มอบทั้งความหรูหรา นวัตกรรม และความปลอดภัยระดับสูงสุด พร้อมเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์ยานยนต์ในอนาคต Denza D9 Performance AWD คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด

สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับด้วยตัวคุณเอง!

คำพูดของผมอาจจะบรรยายได้ไม่หมดสิ้นถึงประสบการณ์อันน่าประทับใจของ Denza D9 Performance AWD คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวคุณเอง เพื่อให้เข้าใจถึงความแตกต่างอย่างแท้จริง
อย่ารอช้า! หากคุณพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าสุดหรู ทดลองขับ Denza D9 Performance AWD ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่าย Denza ใกล้บ้านคุณ หรือ จอง Denza D9 เพื่อเป็นเจ้าของสุดยอดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตก่อนใคร สอบถามข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มเติม พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ทันที ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและพาคุณเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการเดินทางที่เหนือกว่าทุกจินตนาการ.