[ตอนต่อไป] 223T1129 AB223 มีด้วยหรอ ทำงานไม่เอาค่าจ้าง.mp4

เดนซ่า D9 Performance AWD: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าหรู พร้อมช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางในปี 2025

ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ อย่างรวดเร็ว ปี 2025 คือหมุดหมายที่เราได้เห็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าถูกนำมาใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ MPV ที่กำลังถูกพลิกโฉมด้วยขุมพลังไฟฟ้า 100% และการออกแบบที่ผสานความหรูหราเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว และหนึ่งในดาวเด่นที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ คงหนีไม่พ้น Denza D9 Performance AWD ซึ่งไม่ใช่แค่รถตู้ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือผลลัพธ์ของการผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูง ความประณีตในการออกแบบ และความเข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้งานระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คลุกคลีกับ รถยนต์ไฟฟ้า MPV มานานกว่าทศวรรษ ผมมีโอกาสได้สัมผัสและทดลองขับ Denza D9 Performance AWD รุ่นท็อปสุดคันนี้อย่างละเอียด เพื่อเจาะลึกถึงหัวใจสำคัญที่ทำให้รถคันนี้แตกต่างและโดดเด่น นั่นคือ ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะที่ RÊVER ประเทศไทย ภาคภูมิใจนำเสนอ เราจะมาไขทุกข้อสงสัยว่าทำไม Denza D9 จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ที่มองหา รถตู้ไฟฟ้าหรู ที่มอบทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบายสูงสุดในปี 2025

เจาะลึกหัวใจแห่งความนุ่มนวล: ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C

ก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่ประสบการณ์การขับขี่ ขอพาผู้อ่านทุกท่านมาทำความเข้าใจกับแก่นแท้ที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD ยกระดับประสบการณ์การเดินทาง นั่นคือ ระบบช่วงล่าง DiSus-C ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เหนือกว่าระบบกันสะเทือนแบบทั่วไปอย่างชัดเจน DiSus-C ไม่ได้เป็นเพียงแค่โช้คอัพที่ปรับความหนืดได้ แต่มันคือการทำงานร่วมกันของเซ็นเซอร์ โซลินอยด์วาล์ว และหน่วยประมวลผลอัจฉริยะที่สามารถปรับการตอบสนองของช่วงล่างได้แบบเรียลไทม์

ระบบนี้จะคอยตรวจจับสภาพพื้นผิวถนน แรงกระแทกจากการขับขี่ และพฤติกรรมการขับขี่อย่างต่อเนื่อง เช่น การเร่งความเร็ว การเบรก หรือการเข้าโค้ง ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ซึ่งจะคำนวณและสั่งการให้โซลินอยด์วาล์วภายในโช้คอัพปรับค่าความหนืดในการยุบตัวและคืนตัวได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความนุ่มนวลสูงสุดเมื่อขับผ่านพื้นผิวขรุขระ หรือการเพิ่มความหนึบเพื่อรักษาเสถียรภาพเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือแม้แต่การลดอาการ “หัวทิ่ม” ในขณะเบรกกะทันหัน และลดอาการ “โยนตัว” ในขณะเร่งความเร็ว

จุดเด่นของ DiSus-C คือการให้ระยะการยุบและคืนตัวที่มากกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปหลายเท่า ทำให้สามารถซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม มอบความนุ่มนวลระดับพรีเมียมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ผู้โดยสารในทุกตำแหน่งจะสัมผัสได้ถึงความราบรื่นและความมั่นคงที่เหนือกว่า ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะท้าทายเพียงใด นี่คือเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับ รถ EV สำหรับครอบครัว ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

ขุมพลังแห่งอนาคต: e-Platform 3.0 และสมรรถนะเหนือระดับ

ภายใต้ความหรูหราและเทคโนโลยีช่วงล่างที่ล้ำสมัย Denza D9 Performance AWD ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดของ BYD นั่นคือ e-Platform 3.0 แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้เป็นเพียงฐานรองรับ แต่คือโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาเพื่อรีดเค้นประสิทธิภาพสูงสุดจากขุมพลังไฟฟ้า โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด, การจัดวางแบตเตอรี่แบบ Blade Battery ที่มีชื่อเสียงเรื่องความปลอดภัยสูง, และการใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสารให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รุ่น Performance AWD มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 375 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา (AWD) ซึ่งให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาดใหญ่ที่เน้นความหรูหราและความสะดวกสบาย

แบตเตอรี่ความจุ 103.36 kWh ทำให้ Denza D9 สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง การประหยัดพลังงาน EV หรือสถานีชาร์จอีกต่อไป โดยเฉพาะในปี 2025 ที่โครงข่าย สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทั่วประเทศมีการขยายตัวอย่างครอบคลุม การรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และกระแสตรง DC สูงสุด 166 กิโลวัตต์ ยิ่งทำให้การชาร์จเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความคล่องตัว

สุนทรียภาพแห่งการเดินทาง: ห้องโดยสารระดับ First Class

ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD คุณจะถูกโอบล้อมด้วยความหรูหราและเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อมอบ ความสะดวกสบายในรถ EV อย่างแท้จริง การเลือกใช้วัสดุหนัง Nappa Premium ในการหุ้มเบาะนั่ง ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับพรีเมียม เพิ่มบรรยากาศที่อบอุ่นและหรูหรา

เบาะโดยสารแถวที่สองคือจุดเด่นที่แท้จริงของ รถตู้ไฟฟ้าหรู คันนี้ ด้วยฟังก์ชันการปรับเอนด้วยไฟฟ้า การนวดแบบมัลติโหมด และการรองรับสรีระที่เหนือชั้น ทำให้ผู้โดยสารสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นทางยาวๆ หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้วที่ปรับหมุนได้ เป็นศูนย์กลางการควบคุมที่ใช้งานง่าย ทั้งการปรับแต่งระบบช่วงล่าง พวงมาลัย เบรก รวมถึงความบันเทิงและฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่ครบครันตามมาตรฐาน นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด

นอกจากนี้ ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ ความใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Denza ในการมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ รถ EV สำหรับครอบครัว ระดับพรีเมียมควรมี

ประสบการณ์หลังพวงมาลัย: ทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD 2025

ในการ ทดสอบขับ Denza D9 2025 ผมเลือกเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่ถนนในเมืองที่คับคั่งไปด้วยพื้นผิวที่ไม่เรียบ ไปจนถึงถนนหลวงที่ใช้ความเร็วสูง เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของ Denza D9 Performance AWD อย่างแท้จริง

ทันทีที่ออกตัว สัมผัสแรกที่โดดเด่นคือความเงียบของห้องโดยสาร และการทำงานของระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ราบรื่น ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ไม่มีการสั่นสะเทือนที่รบกวน การออกตัวเป็นไปอย่างนุ่มนวลแต่ทรงพลัง การขับขี่ในเมืองที่มีสภาพพื้นผิวถนนขรุขระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนแจ้งวัฒนะที่เต็มไปด้วยรอยต่อและฝาท่อระบายน้ำ คือบทพิสูจน์ชั้นดีของ ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C และผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง

ผมเลือกโหมด Comfort เป็นส่วนใหญ่ และพบว่า DiSus-C สามารถซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อและรอยต่อของถนนได้อย่างไร้รอยต่อ อาการกระแทกกระทั้นที่เคยพบใน MPV ทั่วไปแทบไม่ปรากฏ ผู้โดยสารด้านหลังยังคงความสบาย ไม่รู้สึกโคลงเคลงหรือกระด้างแต่อย่างใด เมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ช่วงล่างจะแข็งขึ้นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความคมชัดในการควบคุมรถ และลดอาการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว ซึ่งถือว่าทำได้ดีสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า MPV ที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก

พวงมาลัยให้ความรู้สึกที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี แม้จะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาดใหญ่ที่ความยาวตัวถังถึง 5.2 เมตร แต่การควบคุมกลับไม่รู้สึกเทอะทะ ทัศนวิสัยในการขับขี่กว้างขวางเสมือนขับรถ SUV ทั่วไป ด้วยความสูงและตำแหน่งการนั่งที่เหมาะสม การถอยจอดก็ไม่ใช่เรื่องยาก berkat กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ที่ให้มุมมองที่ชัดเจนและช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้สังเกตเห็นถึงจุดที่สามารถปรับปรุงได้ แม้ระบบเบรกจะตอบสนองได้ดี แต่ในการเบรกกะทันหันที่ความเร็วสูง อาจมีอาการส่ายเล็กน้อยที่ต้องอาศัยการประคองพวงมาลัยให้มั่นคง ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถ MPV ขนาดใหญ่ที่เน้นความนุ่มนวลมากกว่าความสปอร์ตจ๋าๆ ส่วนอาการโคลงเคลงเมื่อขับปะทะลมแรงๆ หรือเข้าโค้งหักศอกด้วยความเร็วสูง ยังคงมีให้เห็นบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ควบคุมได้และไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า โดยรวม และความสะดวกสบายที่ได้รับ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม

เปรียบเทียบ Denza D9 Performance AWD vs. Premium 2WD: เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณ

นอกจากรุ่น Performance AWD ที่เราได้ทดสอบไปแล้ว Denza D9 ยังมีรุ่น Premium 2WD ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ยังคงมอบประสบการณ์ รถยนต์ไฟฟ้า MPV ที่ยอดเยี่ยม

สิ่งสำคัญที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือระบบช่วงล่าง รุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ BYD รุ่นอื่นๆ เช่น BYD SEAL ซึ่งให้ความนุ่มนวลที่น่าพอใจสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน แต่หากคุณเป็นผู้ที่ชอบการขับขี่ที่รวดเร็ว และต้องการความนุ่มนวลสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะในแถวหลัง ผมยังคงแนะนำให้ขยับมาเป็นรุ่น Performance AWD ที่มาพร้อม DiSus-C ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ในด้านของ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น Premium 2WD ที่เป็นมอเตอร์เดี่ยว แม้จะไม่ได้มีอัตราเร่งที่หวือหวาเท่ารุ่น Performance AWD (เคลม 0-100 กม./ชม. ที่ 9.5 วินาที, ทดสอบจริง 10.25 วินาที) แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกล และการขับขี่ที่เน้นความนุ่มนวลเหมาะสมกับความเป็น รถ EV สำหรับครอบครัว

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า รุ่น Premium 2WD ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 24.2 kWh/100 กิโลเมตร ขณะที่ Performance AWD อยู่ที่ 27.3 kWh/100 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ทั้งคู่

การเลือกรุ่นจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณ หากคุณให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น Premium 2WD ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า (1,999,900 บาทในช่วงแนะนำ) ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่หากคุณต้องการสุดยอดของ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ความหรูหราขั้นสุด และเทคโนโลยีช่วงล่างที่เหนือชั้นเพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ไร้ที่ติ Denza D9 Performance AWD คือคำตอบ

สรุปและบทเชิญชวน

จากการ รีวิว Denza D9 Performance AWD 2025 อย่างเจาะลึก ผมสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจว่า Denza D9 ไม่ใช่เพียงแค่ รถยนต์ไฟฟ้า MPV อีกหนึ่งรุ่นในตลาด แต่คือมาตรฐานใหม่ของความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีในกลุ่มรถตู้ไฟฟ้า ด้วยการออกแบบที่ประณีต, ห้องโดยสารที่กว้างขวางและล้ำสมัย, ขุมพลังไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพ, และที่สำคัญที่สุดคือ ระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและมั่นคงอย่างเหนือชั้น ทำให้ Denza D9 เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่งในปี 2025 สำหรับผู้ที่มองหา รถ EV สำหรับครอบครัว หรือรถผู้บริหารที่ผสานนวัตกรรมและความหรูหราได้อย่างลงตัว

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้มานาน ผมเชื่อว่า Denza D9 ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาด รถตู้ไฟฟ้าหรู ที่ยังไม่มีใครทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่หลากหลาย หรือการเดินทางไกลข้ามจังหวัด Denza D9 Performance AWD จะพาคุณและคนที่คุณรักไปถึงที่หมายด้วยความสบายและความมั่นใจสูงสุด พร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV และการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะสัมผัสประสบการณ์การเดินทางแห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้!

หากคุณพร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์การเดินทางสู่มิติใหม่ของความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ผมขอเชิญชวนให้ทุกท่านมาสัมผัสและทดลองขับ Denza D9 Performance AWD ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม RÊVER ประเทศไทย เพื่อพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่า รถยนต์ไฟฟ้า MPV คันนี้จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้อย่างไร ร่วมเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสุดพรีเมียมนี้ และเริ่มต้นการเดินทางที่เหนือกว่าไปพร้อมกัน!