Denza D9 Performance AWD: ถอดรหัสสุดยอด MPV ไฟฟ้าหรู พร้อมช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C บนเส้นทางปี 2025
ในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ไฟฟ้าสุดหรูได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่ผู้ผลิตทั่วโลกต่างงัดเอานวัตกรรมและขีดความสามารถสูงสุดมาประชันกัน หนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการคือ Denza D9 โดยเฉพาะรุ่น Performance AWD ที่มาพร้อมกับหัวใจหลักอย่างระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ผมซึ่งคร่ำหวอดในวงการมานานกว่าสิบปี ได้มีโอกาสสัมผัสและทดสอบสมรรถนะของรถคันนี้อย่างลึกซึ้ง และวันนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์เชิงลึกให้ทุกท่านได้ฟังว่า Denza D9 Performance AWD จะตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานิยามแห่งความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยได้อย่างไรบ้าง
วิวัฒนาการของ MPV ไฟฟ้าสุดหรูในปี 2025: Denza D9 จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
ตลาด MPV ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่สำหรับรถครอบครัวขนาดใหญ่ทั่วไปอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตของความหรูหราสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่เทียบเท่ากับรถซีดานพรีเมียม ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และที่สำคัญคือความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Denza D9 ซึ่งเป็นผลผลิตจากการร่วมทุนระหว่าง BYD และ Mercedes-Benz ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการผสมผสานมรดกทางวิศวกรรมเยอรมันเข้ากับความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ BYD
ในมุมมองของผม Denza D9 ไม่ใช่แค่รถ MPV ไฟฟ้าธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทิศทางตลาดในปี 2025 ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นความเงียบของห้องโดยสาร แรงบิดมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า การเดินทางที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ และเหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกการเดินทาง ตั้งแต่ผู้ขับขี่ไปจนถึงผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่รถ MPV เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิมๆ ไม่สามารถมอบให้ได้ทั้งหมด
Denza D9 Performance AWD: เจาะลึกหัวใจของนวัตกรรม
สำหรับรุ่น Performance AWD ที่เรากำลังจะลงรายละเอียดกันนี้ ถือเป็นรุ่นเรือธงที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสุด เริ่มต้นจากแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยเน้นที่การจัดวางแบตเตอรี่แบบ Blade Battery ที่ปลอดภัยและให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ และยังช่วยให้การออกแบบภายในทำได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของ Denza D9 Performance AWD คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 370 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การโอ้อวด แต่แปลงเป็นอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่น่าประทับใจเพียง 6.9 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่ และให้ความรู้สึกเร่งแซงได้อย่างมั่นใจในทุกช่วงความเร็ว แบตเตอรี่ความจุ 103.36 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งแม้ในปี 2025 ที่มี EV ระยะทางไกลมากมาย ตัวเลขนี้ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และรองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ทำให้การหยุดพักชาร์จทำได้รวดเร็ว ลดความกังวลเรื่องระยะทางในการเดินทางไกลได้อย่างเห็นผล
DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะที่นิยามความนุ่มนวลและมั่นคง
สิ่งที่เป็นจุดเด่นและทำให้ Denza D9 Performance AWD เหนือกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดคือระบบช่วงล่าง DiSus-C อันเป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ DiSus-C ไม่ใช่แค่ระบบกันสะเทือนธรรมดา แต่เป็นการรวมเอาเทคโนโลยี Active Suspension เข้ากับการควบคุมการตอบสนองของโช้คอัพด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์
ลองจินตนาการถึงรถ MPV ขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวมากถึง 2.5 ตัน ที่ยังคงสามารถรักษาความนุ่มนวลและความมั่นคงในการขับขี่ได้อย่างน่าทึ่ง นั่นคือสิ่งที่ DiSus-C ทำได้ ระบบนี้จะประกอบด้วยโช้คอัพที่สามารถปรับความแข็งอ่อนได้ด้วยวาล์วโซลินอยด์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยจะรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ทิศทางการเคลื่อนที่ การยุบตัวและการคืนตัวของช่วงล่าง เพื่อประมวลผลและปรับการหน่วงของโช้คอัพแต่ละล้อแบบแยกอิสระในหน่วยมิลลิวินาที ทำให้รถสามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
จากประสบการณ์ตรง ผมพบว่า DiSus-C สามารถปรับการทำงานได้ถึงสองโหมดหลักคือ Sport และ Comfort ซึ่งสามารถเลือกปรับได้จากหน้าจอ Infotainment ขนาด 15.6 นิ้ว เมื่อขับขี่บนถนนในเมืองที่มีสภาพผิวถนนหลากหลาย ทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำ การเลือกโหมด Comfort ทำให้รถลอยตัวผ่านอุปสรรคได้อย่างนุ่มนวลจนน่าทึ่ง การกระแทกจากพื้นถนนถูกลดทอนลงไปอย่างมาก ผู้โดยสารแทบไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนเลย ในขณะที่โหมด Sport จะเพิ่มความแข็งของช่วงล่าง ทำให้การควบคุมรถกระชับขึ้น ลดอาการโคลงตัวในการเข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกระทันหัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับรถ MPV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูง DiSus-C ยังช่วยลดอาการ “หัวทิ่ม” ขณะเบรกกะทันหัน และอาการ “ท้ายยุบ” ขณะออกตัวด้วยความเร็ว ทำให้ผู้โดยสารนั่งได้อย่างสบาย ไม่รู้สึกโคลงเคลง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถ MPV ทั่วไป
สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ Denza D9 Performance AWD ในปี 2025
ผมเริ่มต้นการทดสอบ Denza D9 Performance AWD บนเส้นทางหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจราจรหนาแน่นในเมืองไปจนถึงถนนนอกเมืองที่ทำความเร็วได้ และบางช่วงที่ต้องเจอกับสภาพพื้นผิวถนนที่ท้าทาย
ความรู้สึกในการขับขี่:
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความหรูหราและความพิถีพิถันในการออกแบบ เบาะหนัง Nappa Premium ให้สัมผัสที่นุ่มสบายและโอบรับสรีระได้ดี หลังคาบุด้วยวัสดุหนังกลับพรีเมียมเพิ่มความรู้สึกพิเศษเหนือระดับ ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ช่วยให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการขับขี่ในยุค 2025
การขับขี่ในเมือง: ด้วยความยาวตัวถัง 5.2 เมตร อาจจะดูใหญ่โต แต่ Denza D9 กลับขับง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะและคม แม่นยำ ทำให้การควบคุมรถในพื้นที่จำกัดทำได้ดี ทัศนวิสัยรอบคันยอดเยี่ยม เหมือนกำลังขับรถ SUV ขนาดใหญ่ทั่วไป กล้องมองภาพ 360 องศาคุณภาพสูงช่วยให้การถอยจอดและการจอดเทียบฟุตบาทเป็นเรื่องง่ายแม้จะมีความยาวตัวถังมากก็ตาม สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือช่วงล่าง DiSus-C ที่จัดการกับหลุมบ่อและรอยต่อถนนในเมืองได้อย่างนุ่มนวลอย่างเหลือเชื่อ ไม่มีอาการสะเทือนหรือกระแทกให้เห็นเลย สร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น
การขับขี่บนทางหลวง: เมื่อออกสู่ถนนที่ใช้ความเร็วสูงขึ้น Denza D9 Performance AWD ก็ยังคงสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่อง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมอเตอร์คู่ให้กำลังที่เหลือเฟือสำหรับการเร่งแซง มั่นใจในทุกสถานการณ์ การทรงตัวในความเร็วสูงทำได้ดีเยี่ยม แม้จะเป็นรถ MPV ขนาดใหญ่ แต่กลับให้ความรู้สึกมั่นคงราวกับรถเก๋งซีดานหรูหรา DiSus-C ในโหมด Comfort ยังคงมอบความนุ่มนวลในการเดินทางไกล ลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด หากต้องการความกระชับมากขึ้น โหมด Sport ก็พร้อมตอบสนอง ให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้นและลดอาการโคลงตัวในการเข้าโค้งได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประเด็นที่ต้องพิจารณา:
แม้ Denza D9 Performance AWD จะมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมากมาย แต่ก็มีบางจุดที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญอยากให้มีการปรับปรุงเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ระบบเบรกในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อต้องเบรกกะทันหันจากความเร็วสูง อาจจะยังให้ความรู้สึกที่ต้องจับพวงมาลัยให้แน่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อคงความมั่นคงของรถ ซึ่งอาจเป็นลักษณะเฉพาะของรถที่มีน้ำหนักมากและจุดศูนย์ถ่วงสูงในระดับหนึ่ง แม้ DiSus-C จะช่วยลดอาการหัวทิ่มได้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ในสภาวะที่มีลมปะทะแรงๆ หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมากๆ อาจจะยังสัมผัสได้ถึงอาการโคลงตัวอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยและอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับรถ MPV ขนาดนี้
ความหรูหราที่เหนือกว่า: ห้องโดยสารที่รังสรรค์มาเพื่อทุกคน
การออกแบบภายในของ Denza D9 คือความลงตัวระหว่างความหรูหราและฟังก์ชันการใช้งาน ที่ไม่ใช่เพียงแค่ห้องโดยสาร แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกคน
ที่นั่งผู้บริหารแถวสอง: นี่คือจุดที่ Denza D9 โดดเด่นที่สุด เบาะนั่งแถวที่สองให้ความรู้สึกเหมือนเก้าอี้เฟิร์สคลาสบนเครื่องบิน สามารถปรับเอน ปรับที่รองน่อง และมาพร้อมกับระบบนวดที่ปรับได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเริ่มต้นที่อาจจะมีฟังก์ชันน้อยกว่า วัสดุหนัง Nappa Premium พร้อมระบบระบายอากาศและความร้อน ทำให้การเดินทางไกลไม่เป็นปัญหา
เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงและสะดวกสบาย: หน้าจอ Infotainment ขนาด 15.6 นิ้วแบบ Touch Screen ไม่เพียงแค่ควบคุมระบบช่วงล่าง แต่ยังเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและข้อมูลการเดินทาง รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto (ทั้งแบบไร้สายและมีสาย) ซึ่งเป็นมาตรฐานในปี 2025 นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ช่องเสียบ USB-C สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง และระบบปรับอากาศแบบ Multi-zone ที่ช่วยให้ทุกคนในรถสามารถตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกับตัวเองได้
ความเงียบสงบในห้องโดยสาร: ด้วยการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและมีการออกแบบที่เน้นการเก็บเสียงอย่างดีเยี่ยม ห้องโดยสารของ Denza D9 จึงมีความเงียบสงบสูงมาก ช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น หรือจะเพลิดเพลินกับระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียม
Denza D9 Premium 2WD: ทางเลือกที่คุ้มค่าในตลาด 2025
สำหรับผู้ที่มองหา MPV ไฟฟ้าคุณภาพสูง แต่มีงบประมาณที่จำกัดลงมาเล็กน้อย Denza D9 รุ่น Premium 2WD ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ DiSus-C แต่ก็ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในรถยนต์ BYD รุ่นอื่นๆ เช่น BYD SEAL
จากการทดสอบเปรียบเทียบ ผมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของช่วงล่างอย่างชัดเจน FSD ในรุ่น Premium 2WD มอบความนุ่มนวลในระดับที่ดีเยี่ยมสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังคงให้การควบคุมที่มั่นคงในความเร็วสูง แต่จะไม่สามารถเทียบได้กับความสามารถในการปรับตัวแบบเรียลไทม์ของ DiSus-C ที่ให้ความรู้สึก “ลอยตัว” และ “ซับแรงกระแทก” ได้ละเอียดกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับพื้นผิวถนนที่ท้าทาย
ในด้านสมรรถนะ รุ่น Premium 2WD มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเร่งแซงทำได้ดี แต่จะไม่รวดเร็วฉับไวเท่ารุ่น Performance AWD ที่เป็นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่างไรก็ตาม สำหรับรถ MPV ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัว การขับขี่อย่างนุ่มนวลและเหมาะสมกับความเร็ว ถือว่า Premium 2WD ตอบโจทย์ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
ตารางเปรียบเทียบสมรรถนะ (จากการทดสอบจริงในปี 2025 โดยรวมผู้โดยสารและสัมภาระ):
| คุณสมบัติ | Premium 2WD | Performance AWD |
|---|---|---|
| อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (เคลม) | 9.5 วินาที | 6.9 วินาที |
| อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (จริง) | 10.25 วินาที (โหมด Standard) | 8.53 วินาที (โหมด Standard) |
| อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า (เฉลี่ย 136 กม.) | 24.2 kWh/100 กม. | 27.3 kWh/100 กม. |
| ระบบช่วงล่าง | FSD (Frequency Selective Damping) | DiSus-C (Active Electronic Damping) |
จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าแม้ Premium 2WD จะมีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่ Performance AWD ก็แลกมาด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราเร่งและเทคโนโลยีช่วงล่างที่แตกต่างกัน
การใช้ชีวิตกับ Denza D9 ในปี 2025: ประสบการณ์การเป็นเจ้าของ
ในยุค 2025 การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้นมาก Denza D9 ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาว ตั้งแต่ระบบแบตเตอรี่ Blade Battery ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไปจนถึงการรองรับการชาร์จที่หลากหลายรูปแบบ
การชาร์จ: ด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV ที่ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2025 การชาร์จ Denza D9 ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล การรองรับการชาร์จ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานข้ามคืน ส่วนการชาร์จ DC สูงสุด 166 กิโลวัตต์ ทำให้การเดินทางไกลสะดวกขึ้นอย่างมาก สามารถแวะชาร์จระหว่างทางได้รวดเร็วพอๆ กับการหยุดพักเข้าห้องน้ำหรือซื้อกาแฟ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: ในระยะยาว รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Denza D9 มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าเชื้อเพลิง (ค่าไฟฟ้า) ที่ต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงจูงใจหลักที่ทำให้ผู้คนหันมาใช้ EV มากขึ้นในปี 2025
ความน่าเชื่อถือและมูลค่า: ด้วยรากฐานของ BYD ผู้ผลิต EV รายใหญ่ระดับโลก Denza D9 ย่อมมาพร้อมกับความน่าเชื่อถือในระยะยาว และด้วยความเป็นรถ MPV ไฟฟ้าหรูที่ได้รับความนิยม คาดว่าจะมีมูลค่าการขายต่อที่ดีในตลาดรถมือสองในอนาคต
บทสรุปจากประสบการณ์สิบปี: Denza D9 คือนิยามใหม่ของ MPV
Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถ MPV ไฟฟ้าธรรมดา แต่เป็นผลงานทางวิศวกรรมที่หลอมรวมความหรูหรา ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ระบบช่วงล่าง DiSus-C คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือกว่ารถ MPV อื่นๆ ในตลาดอย่างเห็นได้ชัด มอบความนุ่มนวลที่เหนือชั้นและความมั่นคงในการขับขี่ที่น่าทึ่ง ทั้งยังมาพร้อมห้องโดยสารที่ประณีต พิถีพิถัน และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกครบครัน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ MPV ไฟฟ้าพรีเมียมในปี 2025 ที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ ผู้บริหาร หรือผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางพร้อมความสะดวกสบายสูงสุด Denza D9 Performance AWD คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แม้จะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นเริ่มต้น แต่เทคโนโลยีและประสบการณ์ที่ได้รับกลับมานั้นคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างแท้จริง ส่วนรุ่น Premium 2WD ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าโดยไม่ทิ้งมาตรฐานด้านคุณภาพและความสะดวกสบาย
หากท่านกำลังพิจารณา MPV ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำนำหน้ายุคสมัย มอบทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น ผมขอแนะนำให้ท่านได้ลองสัมผัส Denza D9 ด้วยตัวท่านเอง เพราะประสบการณ์ตรงคือสิ่งที่จะยืนยันได้ดีที่สุดว่าทำไม Denza D9 จึงเป็นรถที่สมควรได้รับการกล่าวขานในฐานะผู้บุกเบิกแห่งยุคสมัยแห่ง MPV ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง
อย่ารอช้าที่จะเปิดประสบการณ์การเดินทางบทใหม่! ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายทดลองขับ Denza D9 Performance AWD หรือ Premium 2WD ได้แล้ววันนี้ที่ RÊVER Automotive เพื่อสัมผัสความล้ำหน้าของ MPV ไฟฟ้าแห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง
![[ตอนต่อไป] 225T1129 AB225 ประธานแนนจะทำยังไง เมื่อคนงานท้วง.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-233-1.png)
![[ตอนต่อไป] 226T1129 AB226 ทำไมถึงเก็บเงิu ไว้ในกระติ๊บข้าว.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-234-1.png)