Denza D9 Performance AWD: ยลโฉม MPV ไฟฟ้าสุดหรูแห่งปี 2025 พร้อมเจาะลึกระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่พลิกทุกประสบการณ์ขับขี่
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร่งตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด และในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า MPV ระดับพรีเมียมได้เข้าสู่มิติใหม่ที่น่าสนใจ เมื่อ BYD ภายใต้แบรนด์ Denza ได้เปิดตัว Denza D9 Performance AWD ที่ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้วยความหรูหราและขีดจำกัดของสมรรถนะ แต่ยังมาพร้อมนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัยที่สุด โดยเฉพาะระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดนิยามใหม่ของความสะดวกสบายและความมั่นคงในการขับขี่รถยนต์ MPV ไฟฟ้าในยุคปัจจุบันและอนาคต ยานยนต์คันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถ แต่เป็นแถลงการณ์ถึงทิศทางของยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ผสานความประหยัดพลังงานเข้ากับความหรูหราและเทคโนโลยีอันชาญฉลาดได้อย่างไร้ที่ติ
Denza D9: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าสุดหรูแห่งปี 2025
Denza D9 ได้รับการวางตำแหน่งให้เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ MPV ไฟฟ้าหรู ซึ่งในปี 2025 นี้ ความต้องการรถยนต์ครอบครัวที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น Denza D9 ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การเป็นยานพาหนะขนส่ง แต่เป็นการมอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาสสำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว เส้นสายที่โฉบเฉี่ยวแต่ยังคงความภูมิฐาน สะท้อนถึงรสนิยมอันประณีตของผู้ใช้งาน การเข้าสู่ตลาดของ Denza D9 จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มตัวเลือก แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานของยานยนต์ MPV ไฟฟ้าในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทยที่ RÊVER Automotive ได้นำเข้าและดูแลการจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้ Denza D9 กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตาในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวที่ต้องการทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบายที่เหนือระดับ
หัวใจขับเคลื่อน: e-Platform 3.0 และระบบขับเคลื่อน 8-in-1
ภายใต้รูปลักษณ์ที่สง่างาม Denza D9 Performance AWD ถือกำเนิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันล่าสุดของ BYD ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นด้วยการรวมส่วนประกอบสำคัญของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันในโครงสร้างเดียว หรือที่เรียกว่า “8-in-1 electric powertrain” ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อน, เกียร์, ตัวควบคุมมอเตอร์, แบตเตอรี่, BMS (Battery Management System), DC converter, อุปกรณ์ชาร์จ, และ PDU (Power Distribution Unit) การรวมระบบเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันไม่เพียงช่วยลดขนาดและน้ำหนัก แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความน่าเชื่อถือโดยรวมของระบบขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับรุ่น Performance AWD ที่ผมได้สัมผัส แบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 103.36 kWh เป็นหัวใจสำคัญที่มอบระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 580 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งในการใช้งานจริงในสภาพการจราจรของปี 2025 ที่มีการจราจรหนาแน่นและการใช้พลังงานในระบบต่างๆ มากขึ้น ระยะทางอาจจะแตกต่างไปบ้าง แต่ก็ยังคงเพียงพอสำหรับการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างไร้กังวล เรื่องระบบชาร์จก็ถือว่าทันสมัย รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการรองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการรอคอยได้อย่างมหาศาล ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีความสะดวกสบายเทียบเท่ารถยนต์สันดาปภายใน มอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายในเวลาเพียง 6.9 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่ สะท้อนถึงสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่
DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะที่ปฏิวัติความนุ่มนวล
จุดเด่นที่ผมต้องยกให้เป็นหัวใจหลักของ Denza D9 Performance AWD อย่างแท้จริงคือระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย ระบบนี้ไม่ใช่แค่ช่วงล่างที่ปรับความแข็งอ่อนได้ทั่วไป แต่เป็นการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่ผสานเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับการออกแบบทางกลไกขั้นสูง โดยใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ MacPherson Strut และหลังแบบ Multi-link ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ
DiSus-C ทำงานโดยการตรวจจับการยุบตัวและการคืนตัวของโช้คอัพอย่างต่อเนื่องในหน่วยมิลลิวินาที ข้อมูลที่ได้จะถูกประมวลผลผ่านชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสั่งการโซลินอยด์วาล์วภายในโช้คอัพให้ปรับการไหลของน้ำมันได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้สามารถควบคุมความกระด้าง-นุ่มนวลของช่วงล่างได้อย่างอิสระและเรียลไทม์ ความแตกต่างที่ชัดเจนคือช่วงระยะของการอัดและคืนตัวที่กว้างกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปหลายเท่า ส่งผลให้การซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนนเป็นไปอย่างนุ่มนวลและไร้รอยต่อ
ประโยชน์ที่ได้จากระบบ DiSus-C ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความนุ่มนวล แต่ยังครอบคลุมถึงเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบนี้ช่วยลดอาการโคลงเคลงของตัวรถขณะเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว และยังลดแรงกระชากตัวเมื่อเบรกกะทันหันหรือเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง (anti-dive และ anti-squat) ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ระหว่าง Sport และ Comfort ผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางและความต้องการในการขับขี่ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความนุ่มนวล หรือการขับขี่บนไฮเวย์ที่ต้องการความมั่นคงสูงสุด DiSus-C คือนวัตกรรมที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ MPV ไฟฟ้าให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ อย่างแท้จริง
ประสบการณ์ทดลองขับ: ท้าทาย DiSus-C บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา
ผมได้มีโอกาสทดสอบ Denza D9 Performance AWD บนเส้นทางจริงจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่พระนครศรีอยุธยา และกลับมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นระยะทางรวมกว่า 136 กิโลเมตร ผมตั้งใจเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ใช่ทางด่วน เพื่อสัมผัสกับการทำงานของ DiSus-C บนถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งในปี 2025 นี้ ก็ยังคงมีทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำที่ท้าทายระบบช่วงล่างอยู่ไม่น้อย
สิ่งที่สร้างความประทับใจตั้งแต่ช่วงแรกของการขับขี่คือความนุ่มนวลที่ DiSus-C มอบให้ ไม่ว่าจะเจอกับหลุมบ่อขนาดไหน ระบบช่วงล่างก็สามารถซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงแรงสะเทือนน้อยที่สุด เสมือนลอยอยู่บนอากาศ ความต่อเนื่องของรอยต่อถนนที่เคยสร้างความรำคาญใจก็ถูกกลืนหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อสลับมาใช้โหมด Sport ตัวรถจะมีความกระชับและมั่นคงมากขึ้น เหมาะกับการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงหรือเมื่อต้องการความรู้สึกสปอร์ต
ในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ มอเตอร์คู่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาให้การตอบสนองที่ฉับไวและพละกำลังที่เหลือเฟือ แม้จะเป็นรถ MPV ขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 5.2 เมตร แต่น้ำหนักของตัวรถกลับไม่ใช่ปัญหาในการควบคุม พวงมาลัยให้ความรู้สึกคมชัดและแม่นยำ สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ทัศนวิสัยในการขับขี่ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถ SUV ทั่วไป ทำให้ผู้ขับขี่ตัวเล็ก (สูงไม่เกิน 160 ซม.) สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและสบายใจ นอกจากนี้ ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศายังช่วยให้การจอดรถหรือการ maneuver ในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายดาย แม้รถจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมยังคงต้องมองหาจุดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ ระบบเบรกของ Denza D9 Performance AWD นั้นตอบสนองได้ดี แต่เมื่อต้องเบรกกะทันหันหรือเบรกหนักด้วยความเร็วสูง อาจมีอาการส่ายเล็กน้อยที่พวงมาลัย ซึ่งผู้ขับขี่จำเป็นต้องจับพวงมาลัยให้กระชับแน่น และในขณะขับปะทะลมแรงๆ หรือขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจยังมีความรู้สึกโคลงเคลงให้เห็นอยู่บ้าง แต่ถือว่าเป็นระดับที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ MPV ทั่วไป การปรับปรุงซอฟต์แวร์หรือการปรับจูนระบบเบรกและช่วงล่างเพิ่มเติมในอนาคต อาจช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก
ความหรูหราและความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราที่แท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Premium ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและรองรับสรีระได้อย่างดีเยี่ยม เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม ช่วยเพิ่มสัมผัสที่อบอุ่นและหรูหรา นอกจากนี้ ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ยังเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ ช่วยให้ไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนเพื่อดูข้อมูลสำคัญต่างๆ
จุดเด่นของ Denza D9 Performance AWD ยังรวมถึงเบาะผู้โดยสารแถวที่สองที่สามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้หลากหลาย ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่หาได้ยากในรถยนต์ MPV ทั่วไป และเป็นสิ่งที่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Premium 2WD ไม่มี สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำถึงความตั้งใจของ Denza ในการมอบประสบการณ์การเดินทางระดับ VIP ให้แก่ผู้โดยสารทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ขับขี่เท่านั้น หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ยังเป็นศูนย์กลางการควบคุมที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการทำงานของระบบช่วงล่าง ความหนักเบาของพวงมาลัย และระบบเบรกได้อย่างง่ายดายผ่านปลายนิ้วสัมผัส ทุกองค์ประกอบภายในถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุดและความพรีเมียมที่ยั่งยืนในยุคยานยนต์ไฟฟ้าปี 2025
เจาะลึกสมรรถนะ: Performance AWD ปะทะ Premium 2WD
จากการได้ลองขับ Denza D9 รุ่น Premium 2WD ควบคู่ไปกับ Performance AWD ผมพบความแตกต่างที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระบบช่วงล่าง รุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ BYD SEAL ที่เน้นความนุ่มนวล แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงและต้องการความนุ่มนวลสูงสุดสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ระบบ DiSus-C ของรุ่น Performance AWD จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในด้านอัตราเร่ง รุ่น Premium 2WD (มอเตอร์เดี่ยว) สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 10.25 วินาที (จากที่เคลมไว้ 9.5 วินาที) ในการขับขี่จริงที่มีผู้โดยสารและสัมภาระ โดยใช้โหมด Standard ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานแบบครอบครัวที่เน้นความนุ่มนวลและไม่ต้องการความเร็วที่รุนแรง ในขณะที่รุ่น Performance AWD (มอเตอร์คู่) ทำได้ 8.53 วินาที (จากที่เคลมไว้ 6.9 วินาที) ซึ่งให้ความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงกว่ามาก ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันได้ว่า Denza D9 ไม่ได้เป็นแค่รถ MPV ที่เน้นความสบายเท่านั้น แต่ยังแฝงไว้ด้วยสมรรถนะที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มนี้
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า รุ่น Premium 2WD มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 24.2 kWh./100 กิโลเมตร ส่วน Performance AWD มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 27.3 kWh./100 กิโลเมตร บนเส้นทางทดสอบ 136 กิโลเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ เมื่อพิจารณาจากสมรรถนะที่ได้รับ รุ่น Premium 2WD ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1,999,900 บาท จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ MPV ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยยังคงได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ Blade Battery ที่ปลอดภัยของ BYD
บทสรุปและอนาคตของ MPV ไฟฟ้า
Denza D9 Performance AWD ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้า MPV แต่เป็นนวัตกรรมที่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 ด้วยการผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะที่เหนือชั้น และเทคโนโลยีช่วงล่าง DiSus-C ที่ปฏิวัติวงการ ทำให้ Denza D9 กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะมีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจต้องมีการปรับปรุงในอนาคต แต่โดยรวมแล้ว Denza D9 Performance AWD ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลในการเป็นผู้นำแห่งยุค MPV ไฟฟ้าอย่างแท้จริง มอบทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ MPV ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบครอบครัว การเดินทางระยะไกล และต้องการสัมผัสกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด ผมกล้าพูดได้เลยว่า Denza D9 คือคำตอบที่คุณตามหาในตลาดปี 2025 นี้
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับด้วยตัวคุณเอง!
หากบทความนี้ได้จุดประกายความสนใจของคุณ ผมขอเชิญชวนให้คุณไปทดลองขับ Denza D9 Performance AWD เพื่อสัมผัสกับความหรูหรา สมรรถนะ และระบบช่วงล่าง DiSus-C อันชาญฉลาดด้วยตัวคุณเองที่ศูนย์บริการ RÊVER Automotive ใกล้บ้านคุณ การตัดสินใจซื้อยานยนต์แห่งอนาคตเป็นเรื่องสำคัญ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้สัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเองเพื่อค้นหาว่า Denza D9 Performance AWD คือรถยนต์ในฝันของคุณหรือไม่!
![[ตอนต่อไป] 229T1129 AB229 ผู้ชายคนนี้ ทำไมเอาดอกไม้แลกข้าวกล่อง.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-237-1.png)
![[ตอนต่อไป] 230T1129 AB230 เจ้านายแบบนี้ ใครอยากมีบ้าง.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-238-1.png)