[ตอนต่อไป] 236T1129 AB236 จะมีพี่คนไหน ที่ทำแบบนี้ให้น้อง.mp4

Denza D9 Performance AWD: บทพิสูจน์ระบบช่วงล่าง DiSus-C นิยามใหม่แห่ง MPV ไฟฟ้าหรูปี 2025

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คลุกคลีในวงการมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเดินทางของเราอย่างสิ้นเชิง และในปี 2025 นี้ หนึ่งในยนตรกรรมที่ดึงดูดความสนใจและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถตู้ MPV พลังงานไฟฟ้าพรีเมียมได้อย่างน่าทึ่งคือ Denza D9 Performance AWD ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่เป็นนิยามใหม่ของประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความหรูหรา ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง

การเดินทางทดสอบ Denza D9 Performance AWD ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการขับขี่เพื่อสัมผัสสมรรถนะทั่วไป แต่เป็นการท้าทายขีดความสามารถของยนตรกรรมไฟฟ้า MPV ที่มาพร้อมนวัตกรรมแห่งอนาคต ด้วยระยะทางกว่า 136 กิโลเมตร บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่พระนครศรีอยุธยาและกลับ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งสภาพผิวถนนที่เรียบเนียน ความขรุขระของพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และจังหวะการขับขี่ที่ต้องใช้ความคล่องตัวในเมือง ผมเชื่อว่านี่คือบททดสอบที่สมบูรณ์แบบในการเผยให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของ Denza D9 Performance AWD โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่ติดตั้ง DiSus-C ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรีวิวในครั้งนี้

Denza D9 Performance AWD: สุนทรียภาพแห่งการออกแบบและขุมพลังขับเคลื่อนแห่งอนาคต

ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงหัวใจสำคัญอย่างระบบ DiSus-C เรามาทำความรู้จักกับภาพรวมของ Denza D9 Performance AWD กันก่อน ยนตรกรรมไฟฟ้า MPV สุดหรูคันนี้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,699,900 บาท (ราคาช่วงเปิดตัว) ซึ่งสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่มพรีเมียม ที่มอบความคุ้มค่าด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่ได้รับ

Denza D9 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันเป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างที่แข็งแกร่ง การจัดวางแบตเตอรี่แบบ Blade Battery ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการผสานรวมส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันในชุดเดียว (8-in-1 Electric Powertrain) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดน้ำหนักโดยรวม

สำหรับรุ่น Performance AWD ที่ผมได้ทดสอบนี้ มาพร้อมกับขุมพลังมอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 374 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่หมายถึงการตอบสนองที่ฉับไวและทรงพลังในทุกช่วงความเร็ว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาทีตามข้อมูลจากผู้ผลิต ซึ่งในการทดสอบจริง ผมสามารถทำได้ที่ 8.53 วินาที (ภายใต้เงื่อนไขที่มีผู้โดยสารและสัมภาระ) ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ MPV ที่มีขนาดและน้ำหนักตัวไม่น้อย

แบตเตอรี่ความจุสูง 103.36 kWh ทำให้ Denza D9 Performance AWD สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จมากนัก และยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และการชาร์จกระแสตรง (DC) แบบเร็วสูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานระดับพรีเมียมที่รองรับการใช้งานในยุค 2025 ได้อย่างเต็มที่ ทำให้การหยุดพักเพื่อชาร์จไฟเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ระบบช่วงล่าง DiSus-C: นวัตกรรมที่เปลี่ยนเกมการขับขี่

นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า MPV ในปี 2025 ระบบ DiSus-C ไม่ใช่แค่ช่วงล่างแบบปรับได้ทั่วไป แต่เป็นระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟอิเล็กทรอนิกส์ที่ชาญฉลาด ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อมอบความสบายสูงสุดและเสถียรภาพการขับขี่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์กลุ่มนี้

DiSus-C ทำงานอย่างไร?
ระบบ DiSus-C ประกอบด้วยโช้คอัพอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถปรับความหนืดได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเซ็นเซอร์จำนวนมากคอยตรวจจับสภาพถนน การเคลื่อนไหวของตัวรถ แรงกระแทก และการยุบตัว-คืนตัวของช่วงล่างในแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ซึ่งจะประมวลผลและสั่งการโซลินอยด์วาล์วภายในโช้คอัพให้ปรับการทำงานได้ทันที หลักการนี้ช่วยให้ช่วงล่างสามารถตอบสนองต่อทุกสภาพการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการดูดซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อ การลดการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้ง หรือการลดอาการหน้าเชิด-ท้ายยุบเมื่อเร่งหรือเบรกอย่างกะทันหัน

โครงสร้างช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ทำงานร่วมกับ DiSus-C ช่วยเพิ่มช่วงระยะการอัดและคืนตัวของโช้คอัพได้มากกว่าระบบทั่วไปหลายเท่า ทำให้ DiSus-C สามารถปรับแต่งความกระด้างให้นุ่มนวลได้อย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพของรถให้มั่นคงอยู่เสมอ นี่คือแก่นแท้ของระบบกันสะเทือนอัจฉริยะที่ Denza D9 Performance AWD ภูมิใจนำเสนอ

ประสบการณ์จริงกับ DiSus-C:
ในการทดสอบบนถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีสภาพผิวจราจรที่ท้าทาย ทั้งหลุมบ่อ รอยต่อถนน และฝาท่อระบายน้ำที่อยู่สูงกว่าผิวถนน การทำงานของ DiSus-C แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันน่าประทับใจอย่างยิ่ง เมื่อผมขับผ่านจุดที่มีความขรุขระ ระบบจะดูดซับแรงกระแทกได้อย่างนุ่มนวล ราวกับว่าพื้นผิวเหล่านั้นแทบไม่มีอยู่จริง ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความสบายที่เหนือระดับ ไม่มีการกระแทกกระเทือนรุนแรงเข้ามาถึงห้องโดยสาร นี่คือสิ่งที่ระบบช่วงล่างทั่วไปทำได้ยาก

จุดเด่นอีกประการคือความสามารถในการปรับโหมดการขับขี่ผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็นแบบ Touch Screen ผมสามารถเลือกโหมด Comfort เพื่อเน้นความนุ่มนวลสูงสุด หรือเลือกโหมด Sport เพื่อเพิ่มความกระชับและคมชัดในการควบคุมรถ ซึ่งแต่ละโหมดก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โหมด Sport จะช่วยลดอาการโยนตัวเมื่อเข้าโค้งและให้ความมั่นคงในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ในขณะที่โหมด Comfort เหมาะสำหรับการเดินทางแบบผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน DiSus-C ไม่ได้เพียงแค่ปรับความนุ่มนวล แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมรถ ทำให้ Denza D9 Performance AWD มีเสถียรภาพสูงในทุกสถานการณ์

ห้องโดยสาร: โอเอซิสแห่งความหรูหราและความสะดวกสบาย

นอกเหนือจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว Denza D9 Performance AWD ยังมอบประสบการณ์ห้องโดยสารที่เหนือระดับในแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า MPV ระดับพรีเมียม ภายในห้องโดยสารได้รับการรังสรรค์ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายและได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

วัสดุหนัง Nappa Premium คุณภาพสูงที่หุ้มเบาะนั่ง มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและหรูหรา ไม่เพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน เบาะผู้โดยสารแถวที่สองมาพร้อมกับฟังก์ชันปรับระดับและรูปแบบการนวดไฟฟ้าที่หลากหลาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มความพิเศษให้กับรุ่น Performance AWD โดยเฉพาะ ทำให้การเดินทางระยะไกลกลายเป็นประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์

เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม ช่วยเสริมบรรยากาศแห่งความหรูหราและความเงียบสงบภายในรถ ยิ่งไปกว่านั้น Denza D9 ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ด้วยระบบแสดงผลข้อมูลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็ว เส้นทางนำทาง หรือข้อมูลระบบช่วยเหลือการขับขี่ โดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน นี่คือเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การขับขี่ในยุค 2025 ได้เป็นอย่างดี

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร คุณจะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและโปร่งสบาย การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ เป็นไปอย่างลงตัวและใช้งานง่าย หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้วที่ปรับหมุนได้ ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ทันสมัยและเป็นส่วนตัว ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติหลายโซน ระบบฟอกอากาศ และระบบเสียงคุณภาพสูง ล้วนแล้วแต่ถูกติดตั้งมาเพื่อยกระดับการเดินทางให้เหนือกว่ารถยนต์ MPV ทั่วไป

ประสบการณ์ขับขี่: ความประณีตที่เหนือความคาดหมาย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมักจะมองหาจุดสมดุลระหว่างความนุ่มนวลและเสถียรภาพในการขับขี่ ซึ่ง Denza D9 Performance AWD สามารถทำได้อย่างน่าชื่นชม แม้จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ (ยาวถึง 5.2 เมตร) แต่การควบคุมกลับง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ พวงมาลัยให้ความรู้สึกกระชับและแม่นยำ ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือการหักเลี้ยวในเมืองเป็นไปอย่างคล่องตัว

ทัศนวิสัยในการขับขี่เป็นเลิศ ด้วยตำแหน่งการนั่งที่สูงและกระจกบานใหญ่รอบคัน มอบมุมมองที่กว้างขวางไม่ต่างจากการขับรถ SUV ทำให้ผู้ขับรู้สึกมั่นใจและมองเห็นสภาพการจราจรได้อย่างชัดเจน ประกอบกับกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาที่คมชัด ช่วยให้การถอยจอดหรือการนำรถเข้าจอดในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่าย แม้ว่ารถจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการใช้งานในเมือง

อย่างไรก็ตาม ในทุกการทดสอบย่อมมีสิ่งที่สามารถปรับปรุงได้ แม้ว่า DiSus-C จะยอดเยี่ยมในการดูดซับแรงกระแทกและการทรงตัว แต่ในการเบรกกะทันหันที่ความเร็วสูง หรือการเบรกที่รุนแรง อาจมีอาการส่ายของตัวรถปรากฏให้เห็นบ้างเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับต้องประคองพวงมาลัยให้มั่นคงเพื่อรักษาสมดุล เช่นเดียวกับเมื่อต้องขับปะทะกับกระแสลมแรง หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจมีอาการโคลงเคลงให้รู้สึกได้บ้าง ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถ MPV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและน้ำหนักมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสมรรถนะโดยรวมและกลุ่มเป้าหมายของรถแล้ว ถือว่าเป็นจุดที่ยอมรับได้และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ

การเปรียบเทียบ: Performance AWD vs. Premium 2WD

นอกจากการทดสอบรุ่น Performance AWD แล้ว ผมยังได้มีโอกาสสัมผัสกับรุ่นเริ่มต้นอย่าง Premium 2WD ซึ่งมีราคาจำหน่ายที่น่าสนใจกว่ามาก คือ 1,999,900 บาท (ราคาช่วงเปิดตัว) และสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนคือ “ช่วงล่าง”

ในรุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบได้ในรถยนต์ BYD Seal และยังคงมอบความนุ่มนวลและเสถียรภาพที่ดีเยี่ยมสำหรับรถยนต์ MPV ทั่วไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ DiSus-C ของรุ่น Performance AWD แล้ว ความแตกต่างด้านการดูดซับแรงกระแทกจากผิวถนนที่ไม่เรียบ และความสามารถในการรักษาเสถียรภาพของตัวรถเมื่อเผชิญกับสภาพถนนที่ท้าทายนั้นค่อนข้างชัดเจน

หากคุณเป็นผู้ที่ชอบการขับขี่ที่รวดเร็ว มักจะเดินทางระยะไกล และให้ความสำคัญสูงสุดกับความสบายของผู้โดยสารแถวหลัง การเลือกรุ่น Performance AWD ที่มาพร้อม DiSus-C ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่ามาก เพราะคุณจะได้ช่วงล่างที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาพถนนได้อย่างเหนือชั้น และลดอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้อย่างเห็นได้ชัด

ในด้านอัตราเร่งและการทำความเร็ว รุ่น Premium 2WD ที่เป็นมอเตอร์เดี่ยว แม้จะไม่ได้ให้ความรู้สึกปู๊ดป๊าดเท่ารุ่น Performance AWD แต่ก็ยังคงตอบสนองได้อย่างเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและสำหรับการเดินทางแบบครอบครัว การเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้จริงที่ 10.25 วินาที (จากที่เคลมไว้ 9.5 วินาที) ซึ่งถือว่าไม่ช้าสำหรับรถ MPV ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัว

อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า:
Premium 2WD: ในการเดินทาง 136 กิโลเมตร ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.2 kWh/100 กิโลเมตร
Performance AWD: ในการเดินทาง 136 กิโลเมตร ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.3 kWh/100 กิโลเมตร

ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Denza D9 ทั้งสองรุ่นยังคงมีประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

บทสรุป: Denza D9 Performance AWD MPV ไฟฟ้าที่กำหนดมาตรฐานใหม่

Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถยนต์ MPV ไฟฟ้า แต่เป็นยนตรกรรมที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูง ความหรูหรา และความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่เป็นจุดเด่น ทำให้รถคันนี้มอบประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่เหนือกว่ารถตู้ MPV ทั่วไปในตลาดปี 2025 อย่างชัดเจน มันตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์สำหรับครอบครัว หรือผู้บริหาร ที่ต้องการความพรีเมียม ความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Denza D9 Performance AWD เป็นหนึ่งในยานยนต์ที่น่าจับตามองที่สุดในกลุ่ม MPV พลังงานไฟฟ้าสำหรับปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสบายในการเดินทาง ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ และความหรูหราที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่ทรงพลัง หากคุณกำลังมองหานิยามใหม่ของรถยนต์ MPV ที่จะยกระดับทุกการเดินทางให้เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับ Denza D9 Performance AWD คือคำตอบ

อย่ารอช้า! สัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง

หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสกับความล้ำหน้าของ Denza D9 Performance AWD และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยระบบช่วงล่าง DiSus-C ด้วยตัวคุณเอง เราขอเชิญชวนให้คุณติดต่อผู้จัดจำหน่ายอย่าง RÊVER ประเทศไทย เพื่อทำการนัดหมายทดลองขับ และค้นพบว่าทำไม Denza D9 Performance AWD จึงเป็นยนตรกรรม MPV ไฟฟ้าแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเดินทางสู่โลกแห่งความหรูหรา ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม กำลังรอคุณอยู่!