Denza D9 Performance AWD: บทวิเคราะห์เชิงลึกกับ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างอัจฉริยะ ยกระดับประสบการณ์ MPV ไฟฟ้าสู่ปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์พลังงานใหม่ที่ก้าวกระโดดอย่างไม่หยุดยั้ง จากรถยนต์ที่เน้นแค่การประหยัดพลังงาน สู่ยานพาหนะที่มอบทั้งสมรรถนะ ความหรูหรา และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ไร้ขีดจำกัด และในปี 2025 นี้เอง ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ และผู้บริหารที่มองหานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เหนือระดับ และหนึ่งในดาวเด่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซกเมนต์นี้ คงหนีไม่พ้น Denza D9 Performance AWD ซึ่งเป็นผลงานการรังสรรค์จากความร่วมมือระหว่าง BYD และ Mercedes-Benz ภายใต้แบรนด์ Denza โดย RÊVER Automotive ในประเทศไทย
บทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึง Denza D9 Performance AWD รุ่นท็อปสุด ที่มาพร้อมกับหัวใจหลักอย่างระบบช่วงล่าง DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะที่พลิกโฉมการขับขี่รถยนต์ MPV ไฟฟ้า ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ผมจะนำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกจากประสบการณ์ตรง เพื่อให้คุณได้เห็นภาพรวมของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตนี้อย่างถ่องแท้
Denza D9 Performance AWD: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าหรูในยุค 2025
เมื่อกล่าวถึงรถยนต์ MPV ไฟฟ้าในปัจจุบัน ผู้บริโภคไม่ได้มองหาเพียงแค่ความกว้างขวางและฟังก์ชันการใช้งานอีกต่อไป แต่ยังต้องการสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความหรูหราที่สัมผัสได้ และเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ช่วยยกระดับทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย Denza D9 Performance AWD เข้ามาตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการผสานรวมเอาดีไซน์ที่ทันสมัย ความประณีตในทุกรายละเอียด และขุมพลังไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของรถ MPV ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในตลาด
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ การมาของ Denza D9 ในปี 2025 ถือเป็นการประกาศศักดาของ BYD ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี EV ที่สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่ท้าชนกับแบรนด์หรูจากฝั่งยุโรปได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทย ที่ RÊVER Automotive ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัว Denza D9 ไม่เพียงแต่มอบพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง แต่ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขับขี่และการโดยสารที่เหนือระดับ ทำให้มันแตกต่างจากรถ MPV ไฟฟ้าทั่วไปในท้องตลาด
e-Platform 3.0: หัวใจแห่งนวัตกรรมและการขับเคลื่อนอัจฉริยะ
เบื้องหลังสมรรถนะอันโดดเด่นของ Denza D9 Performance AWD คือสถาปัตยกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ BYD พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ครบวงจร ที่ช่วยให้ Denza D9 มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด ความปลอดภัยที่เหนือกว่า และการผสานรวมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะได้อย่างไร้รอยต่อ
ขุมพลังไฟฟ้าและสมรรถนะ:
รุ่น Performance AWD ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์คู่ (Dual-Motor) ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) ซึ่งให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 370 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนกระดาษ แต่หมายถึงอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจตั้งแต่ออกตัว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เคลมไว้ที่ 6.9 วินาที ถือว่าน่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ MPV ขนาดใหญ่ และจากประสบการณ์จริง การตอบสนองของคันเร่งทำได้ดีเยี่ยม แม้จะบรรทุกผู้โดยสารเต็มคันหรือมีสัมภาระเต็มพื้นที่
แบตเตอรี่และระยะทางขับขี่:
Denza D9 Performance AWD มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 103.36 kWh ซึ่งเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ EV ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพจาก BYD ด้วยความจุระดับนี้ ทำให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุดถึง 580 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกลและลดความกังวลเรื่องระยะทางขับขี่ หรือ “range anxiety” ได้เป็นอย่างดี สำหรับการชาร์จ ระบบรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และที่สำคัญคือรองรับการชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ซึ่งช่วยให้การชาร์จจาก 30% ไป 80% ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที นับเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในยุคที่เครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว
DiSus-C: นวัตกรรมช่วงล่างอัจฉริยะ ที่เปลี่ยนทุกการเดินทาง
นี่คือจุดเด่นที่แท้จริงของ Denza D9 Performance AWD ที่ทำให้ผมต้องยกย่อง DiSus-C คือระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่ผสานรวมเทคโนโลยีชั้นสูงเข้ากับการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างชาญฉลาด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่เหนือกว่าระบบกันสะเทือนแบบทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
การทำงานของ DiSus-C:
ระบบ DiSus-C ใช้เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ทั่วตัวรถ เพื่อตรวจจับสภาพถนน การเคลื่อนไหวของตัวรถ และพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ซึ่งจะประมวลผลและสั่งการโซลินอยด์วาล์วในโช้คอัพแต่ละตัว ให้ปรับความหนืดและความแข็งของระบบกันสะเทือนได้แบบวินาทีต่อวินาที นี่คือความแตกต่างจากระบบทั่วไปที่มักจะตั้งค่ามาแบบตายตัว หรือปรับได้เพียงไม่กี่ระดับ
ประโยชน์ที่สัมผัสได้:
ความนุ่มนวลสูงสุด: DiSus-C สามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนน ได้อย่างน่าทึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนอากาศ ผู้โดยสารในแถวที่สองและสามจะได้รับความสบายสูงสุด ลดอาการโคลงเคลง หรือกระเด้งกระดอนที่มักพบในรถ MPV ขนาดใหญ่
การควบคุมตัวรถที่เหนือกว่า: ระบบจะช่วยลดการโยนตัวของรถขณะเข้าโค้ง (Body Roll), การหน้าทิ่มเมื่อเบรกกะทันหัน (Brake Dive) และการเชิดหน้าเมื่อออกตัวอย่างรวดเร็ว (Acceleration Squat) ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและมีเสถียรภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง หรือการขับขี่บนถนนที่คดเคี้ยว
โหมดการขับขี่ที่ปรับได้: ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานของช่วงล่างได้ 2 แบบ คือ Sport และ Comfort ผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Touch Screen ที่หมุนได้ ทำให้สามารถปรับแต่งการตอบสนองของรถให้เข้ากับสไตล์การขับขี่และสภาพเส้นทางได้อย่างเหมาะสม
Comfort Mode: เน้นความนุ่มนวลสูงสุด เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง หรือการขับขี่ที่ต้องการความผ่อนคลาย
Sport Mode: เพิ่มความหนึบแน่นของช่วงล่าง ทำให้การควบคุมรถแม่นยำยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการสมรรถนะ หรือบนเส้นทางที่คดเคี้ยว
ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น: ด้วยการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวรถอย่างแม่นยำ DiSus-C มีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมีนัยสำคัญ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในการทดสอบบนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา ผมจงใจเลือกใช้ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสภาพพื้นผิวที่มีทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำที่ทรุดตัว เพื่อท้าทายระบบ DiSus-C ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง ระบบช่วงล่างสามารถดูดซับแรงกระแทกจากอุปสรรคเหล่านี้ได้อย่างนุ่มนวลและเงียบกริบ ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่รู้สึกถึงความกระด้างหรือแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมายังห้องโดยสาร ซึ่งแตกต่างจาก MPV ทั่วไปอย่างชัดเจน
ห้องโดยสารระดับ First Class: ความหรูหราที่รายล้อม
นอกจากเทคโนโลยีช่วงล่างที่โดดเด่นแล้ว Denza D9 Performance AWD ยังมอบประสบการณ์ห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบายไม่แพ้รถยนต์ซีดานระดับพรีเมียม ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่พิถีพิถัน
ความประณีตในทุกรายละเอียด:
เบาะโดยสารหนัง Nappa Premium: เบาะโดยสารในรุ่น Performance AWD หุ้มด้วยหนัง Nappa Premium ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและนั่งสบายเป็นพิเศษ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อรองรับการเดินทางระยะไกล
เพดานบุหนังกลับพรีเมียม: เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับคุณภาพสูง ช่วยเพิ่มบรรยากาศความหรูหราและลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เบาะนั่งแถวสองที่ปรับได้เต็มรูปแบบ: จุดเด่นสำคัญที่ยกระดับประสบการณ์การเดินทาง คือเบาะผู้โดยสารแถวที่สองที่สามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับเอนนอน การรองรับช่วงขา ไปจนถึงฟังก์ชันการนวดผ่อนคลาย ทำให้ผู้โดยสารสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ระหว่างการเดินทางไกล
W-HUD (Windshield Head-Up Display) ขนาด 12 นิ้ว: ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงและการเชื่อมต่อ:
หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว: หน้าจอขนาดใหญ่แบบ Touch Screen ที่สามารถหมุนได้ เป็นศูนย์กลางการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถ ทั้งระบบนำทาง ระบบปรับอากาศ และระบบความบันเทิง รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
ระบบเสียงคุณภาพสูง: มอบประสบการณ์ฟังเพลงที่คมชัดและเต็มอรรถรส
ระบบปรับอากาศอัจฉริยะ: ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้อย่างแม่นยำและทั่วถึง พร้อมระบบฟอกอากาศ
โดยรวมแล้ว ห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD ได้รับการออกแบบให้เป็น “ห้องรับรองเคลื่อนที่” ที่มอบทั้งความสะดวกสบาย ความบันเทิง และความหรูหราสูงสุด ทำให้ทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
ประสบการณ์ขับขี่: เหนือความคาดหมายสำหรับ MPV
การทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD เป็นสิ่งที่ผมตั้งตารอคอย และผลลัพธ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การขับขี่ในเมืองไปจนถึงการเดินทางบนทางหลวง ได้เผยให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของรถยนต์คันนี้
พละกำลังและการตอบสนอง:
ด้วยมอเตอร์คู่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา Denza D9 ให้พละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ การเร่งแซงบนทางหลวงทำได้อย่างมั่นใจและรวดเร็ว โดยไม่รู้สึกอืดอาดเหมือน MPV ขนาดใหญ่ทั่วไป การตอบสนองของพวงมาลัยมีความคมและแม่นยำ ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย แม้ในสถานการณ์ที่ต้องการความคล่องตัว
ทัศนวิสัยและการควบคุม:
ทัศนวิสัยในการขับขี่ทำได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกคล้ายกับการขับรถ SUV ขนาดใหญ่ เนื่องจากตำแหน่งการนั่งที่สูง ทำให้มองเห็นสภาพถนนได้อย่างชัดเจน และแม้ว่าตัวรถจะมีความยาวถึง 5.2 เมตร แต่ด้วยกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ทำให้การถอยจอดหรือการเข้าซองเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด
ข้อสังเกตและพัฒนาการ:
แม้ Denza D9 จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมก็มีข้อสังเกตบางประการที่สามารถพัฒนาได้อีก เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ระบบเบรก: ในบางสถานการณ์ที่ต้องเบรกกะทันหันด้วยความเร็วสูง อาจมีอาการท้ายปัดหรือส่ายเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับขี่ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคงเพื่อรักษาสมดุล อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของรถยนต์ขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก แต่ก็เป็นจุดที่สามารถปรับปรุงการจูนระบบเบรกให้มีความนุ่มนวลและมั่นคงยิ่งขึ้นได้ในอนาคต
การต้านลมและการเข้าโค้ง: เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงและปะทะกับลมแรง หรือขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจมีความรู้สึกโคลงเคลงเล็กน้อย ซึ่งแม้ว่า DiSus-C จะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้มาก แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักของตัวรถ ก็ยังคงมีปรากฏการณ์นี้ให้เห็นอยู่บ้าง
โดยรวมแล้ว Denza D9 Performance AWD มอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคง ปลอดภัย และเต็มไปด้วยพละกำลัง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์ได้อย่างดีเยี่ยม
Denza D9 Premium 2WD: ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้น
ในตลาด MPV ไฟฟ้า Denza D9 ไม่ได้มีเพียงรุ่น Performance AWD เท่านั้น แต่ยังมีรุ่น Premium 2WD ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยี MPV ไฟฟ้าจาก Denza ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า (ราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1,999,900 บาท)
ความแตกต่างที่สำคัญ:
รุ่น Premium 2WD มาพร้อมกับมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อน 2 ล้อ (FWD) และใช้ระบบกันสะเทือนแบบปรับอัตโนมัติตามความเร็ว FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบในรถยนต์ BYD SEAL ทำให้การขับขี่รุ่น Premium 2WD ยังคงให้ความนุ่มนวลและมั่นคงในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ DiSus-C ในรุ่น Performance AWD แล้ว ความแตกต่างด้านความรู้สึกนุ่มนวล การซับแรงกระแทก และการควบคุมตัวรถขณะเข้าโค้ง จะเห็นได้ชัดเจน
สมรรถนะและการใช้งาน:
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของ Premium 2WD อยู่ที่ประมาณ 9.5 วินาที (จากที่เคลมไว้) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และด้วยรูปแบบของรถยนต์ MPV ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัว การขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม รุ่น Premium 2WD ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ด้วยราคาที่น่าสนใจและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันสำหรับรถยนต์ MPV ไฟฟ้า
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า:
จากการทดสอบพบว่า รุ่น Premium 2WD มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเฉลี่ย 24.2 kWh/100 กิโลเมตร ในขณะที่รุ่น Performance AWD เฉลี่ย 27.3 kWh/100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมของทั้งสองรุ่น และยืนยันถึงความคุ้มค่าในการใช้งานในระยะยาวเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
บทสรุปและคำเชิญชวนจากผู้เชี่ยวชาญ
Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถยนต์ MPV ไฟฟ้าอีกคันหนึ่งในตลาด แต่เป็นการประกาศศักราชใหม่ของยานยนต์อเนกประสงค์ที่ผสานรวมความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่เป็นหัวใจหลักในการมอบความสบายและเสถียรภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น ร่วมกับขุมพลังไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพ และห้องโดยสารระดับ First Class ทำให้ Denza D9 Performance AWD เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถ MPV ไฟฟ้าหรูที่ให้ประสบการณ์เหนือระดับในทุกมิติ
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัว หรือต้องการยกระดับประสบการณ์การเดินทางสู่มิติใหม่ Denza D9 Performance AWD คือคำตอบที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในปี 2025 นี้ มันคือรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ชาญฉลาด ที่มองหานวัตกรรม EV ล่าสุด ความสะดวกสบายสูงสุด และความคุ้มค่าในระยะยาว
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสอนาคตของการเดินทางอย่างแท้จริง และต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี EV ล่าสุด ที่ Denza D9 นำเสนอ ผมขอเชิญชวนให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Denza D9 Performance AWD ด้วยตัวคุณเอง ณ โชว์รูม RÊVER Automotive ใกล้บ้านคุณ เพื่อยืนยันว่าทุกสิ่งที่ผมได้กล่าวมานั้นเป็นความจริง และนี่อาจเป็นก้าวแรกของคุณสู่การเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าที่น่าตื่นเต้นนี้
![[ตอนต่อไป] 244T1129 AB244 ถ้าไม่มีเงิu เธอจะเรียกฉันว่าพี่ไหม.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-251-1.png)
![[ตอนต่อไป] 245T1129 AB245 รปภ. เฟิร์ส ทำไมต้องมาทำงานวันหยุด.mp4](https://filmthailan.moicaucachep.com/wp-content/uploads/2025/11/image-252-1.png)