[ตอนต่อไป] 247T1129 AB247 น้ำใจที่มอบให้ในวันนั้น มีค่ามากสำหรับผม.mp4

Denza D9 Performance AWD 2025: ยกระดับประสบการณ์ MPV ไฟฟ้าหรู ด้วยระบบช่วงล่าง DiSus-C อัจฉริยะ เหนือกว่าทุกการเดินทาง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่คลุกคลีอยู่ในวงการมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ MPV ไฟฟ้าหรู ที่นับวันจะยิ่งมีความต้องการสูงขึ้นจากผู้บริโภคที่มองหานวัตกรรม ความสะดวกสบาย และความยั่งยืนในแพ็คเกจเดียว และในปี 2025 นี้ Denza D9 Performance AWD ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ MPV ไฟฟ้าธรรมดา แต่เป็นมาตรฐานใหม่ที่ redefine คำว่า “ยานยนต์พรีเมียม” อย่างแท้จริง ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความหรูหราเหนือระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลต์สำคัญที่ผมจะเจาะลึกในวันนี้คือ ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่สร้างความแตกต่างอย่างเหนือชั้นให้กับ Denza D9 ในตลาด รถตู้อเนกประสงค์ไฟฟ้า ของประเทศไทย

ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในกลุ่ม MPV ไฟฟ้า ก็เช่นกัน ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่รถที่ประหยัดพลังงานอีกต่อไป แต่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ความปลอดภัยที่ครบครัน และความสะดวกสบายระดับเฟิสต์คลาส Denza D9 Performance AWD ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้และยังไปไกลกว่านั้น การได้มีโอกาสทดสอบขับรุ่นท็อปสุดคันนี้บนเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่ความเร่งรีบของถนนในกรุงเทพฯ ไปจนถึงความราบรื่นบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่พระนครศรีอยุธยา ทำให้ผมได้สัมผัสถึงศักยภาพที่แท้จริงของมัน โดยเฉพาะความมหัศจรรย์ของระบบ DiSus-C ที่เข้ามาพลิกโฉมการเดินทางให้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม นี่ไม่ใช่แค่การรีวิวรถ แต่เป็นการแบ่งปันมุมมองจากผู้ที่เข้าใจถึงหัวใจของ เทคโนโลยี EV ล่าสุด และความหมายของการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ

Denza D9 Performance AWD: ขุมพลังและนวัตกรรมที่ลงตัว

ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่โลกของ DiSus-C ขออนุญาตปูพื้นฐานเกี่ยวกับ Denza D9 Performance AWD กันสักเล็กน้อย เพื่อให้เห็นภาพรวมของแพ็คเกจความหรูหราและสมรรถนะที่ Denza นำเสนอ รถคันนี้วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 2,699,900 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมมากมาย หัวใจหลักของ Denza D9 คือการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันเป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายุคใหม่ แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ให้ความแข็งแกร่งและปลอดภัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับรุ่น Performance AWD ที่ผมได้ทดสอบ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1 ที่มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ ทำงานร่วมกันแบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ (เทียบเท่า 374 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงศักยภาพในการเร่งแซงที่มั่นใจและตอบสนองได้ทันใจ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เคลมไว้เพียง 6.9 วินาทีนั้น ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนกระดาษ แต่เป็นการยืนยันถึงสมรรถนะแบบ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่แม้จะเป็น MPV คันใหญ่ก็สามารถทำได้จริง และเมื่ออยู่บนถนน ผมพบว่ามันให้ความรู้สึกที่คล่องตัวเกินคาดสำหรับรถขนาด 5.2 เมตรเลยทีเดียว

เรื่องของพลังงานและความอึด Denza D9 Performance AWD มาพร้อมกับ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดใหญ่ 103.36 kWh ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่มอบระยะทางการวิ่งสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ในปี 2025 นี้ ผู้ใช้งาน รถ EV ระยะทางวิ่งไกล ย่อมต้องการความมั่นใจในการเดินทางที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยๆ และ Denza D9 ก็ทำได้ดีในจุดนี้ รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุดถึง 166 กิโลวัตต์ ซึ่งหมายถึงการชาร์จที่รวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาหยุดพักระหว่างทาง ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

DiSus-C: สุดยอดเทคโนโลยีช่วงล่างที่สร้างความแตกต่าง

มาถึงพระเอกของงานที่ทำให้ Denza D9 Performance AWD โดดเด่นอย่างแท้จริง นั่นคือ ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C โดย RÊVER ประเทศไทย ในฐานะผู้ที่ติดตาม นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มาอย่างยาวนาน ผมต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่น่าจับตาที่สุดในกลุ่ม รถไฟฟ้าพรีเมียม DiSus-C ไม่ใช่แค่ช่วงล่างแบบปรับได้ทั่วไป แต่มันคือ ระบบกันสะเทือนไฟฟ้า ที่ทำงานด้วยสมองกลอัจฉริยะ

หลักการทำงานของ DiSus-C คือการตรวจจับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ เพื่อปรับการยุบตัวและคืนตัวของโช้คอัพแต่ละล้อได้อย่างอิสระผ่านโซลินอยด์วาล์วที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ความพิเศษอยู่ตรงที่มันสามารถปรับความหนืดและแข็งของช่วงล่างได้อย่างละเอียดและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองต่อหลุมบ่อ รอยต่อถนน การเร่ง การเบรก หรือการเข้าโค้ง ระบบจะประมวลผลและปรับการทำงานของช่วงล่างเพื่อรักษาสมดุลของตัวรถให้ดีที่สุดตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง นั่นคือความนุ่มนวลในการโดยสารที่เหนือระดับ ควบคู่ไปกับเสถียรภาพการทรงตัวที่มั่นคง และการควบคุมที่แม่นยำ

ในทางเทคนิค DiSus-C เป็นการยกระดับจากระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟทั่วไป ด้วยความสามารถในการประมวลผลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้ช่วงระยะของการอัดและคืนตัวมีความยืดหยุ่นมากกว่าระบบช่วงล่างแบบพาสซีฟหลายเท่า มันช่วยลดแรงกระชากที่เกิดขึ้นจากการเบรกหรือการเหยียบคันเร่งกะทันหัน ซึ่งเป็นสิ่งที่มักทำให้ผู้โดยสารรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะใน รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ความสบายของผู้โดยสารคือสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากนี้ ระบบ DiSus-C ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกปรับได้ 2 รูปแบบ คือ Sport และ Comfort ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ตามความเหมาะสมของสภาพถนนและความชอบส่วนตัวผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ไม่เพียงแค่ช่วงล่าง แต่ยังรวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยและการตอบสนองของเบรกด้วย ซึ่งเป็นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปรับแต่งได้ตามใจอย่างแท้จริง

ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ: ท้าทาย DiSus-C บนถนนจริง

ผมเริ่มต้นการทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD จากจุดสตาร์ทในกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจงใจเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ใช่ทางด่วน เพื่อสัมผัสถึงประสิทธิภาพของ DiSus-C บนสภาพถนนที่หลากหลายและท้าทาย ทั้งถนนแจ้งวัฒนะที่มีทั้งหลุมบ่อ รอยต่อถนน และฝาท่อระบายน้ำที่พร้อมจะทดสอบระบบช่วงล่างทุกรูปแบบ

สิ่งแรกที่ผมประทับใจคือความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ DiSus-C ทำงานได้อย่างน่าทึ่ง มันจัดการกับหลุมบ่อและรอยต่อถนนได้อย่างเนียนกริบ แรงสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมายังห้องโดยสารลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้โดยสารแถวหลังแทบไม่รู้สึกถึงความกระด้างหรือแรงสะเทือนเลย ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญของ MPV สุดหรู ที่มุ่งเน้นความสบายสูงสุดของผู้โดยสาร และเมื่อต้องเร่งความเร็วหรือเบรกกะทันหัน ตัวรถมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม อาการหน้าเชิดขณะออกตัว หรือหน้าทิ่มขณะเบรกถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่น้อยมาก ผู้โดยสารแทบไม่รู้สึกถึงอาการ “หัวติดเบาะ” เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะหาได้ในรถ MPV ขนาดใหญ่ทั่วไป

การขับขี่ในเมือง Denza D9 ให้ความรู้สึกคล่องตัวเกินขนาด พวงมาลัยคมและแม่นยำ ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ทำให้การควบคุมรถในสภาพการจราจรหนาแน่นเป็นไปอย่างง่ายดาย ทัศนวิสัยในการขับขี่ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถ SUV ทั่วไป ด้วยตำแหน่งการนั่งที่สูงและกระจกบานใหญ่ เมื่อออกนอกเมืองสู่ถนนโล่ง ความมั่นคงของรถยังคงโดดเด่น แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่น้ำหนักของรถที่เกิดจากมอเตอร์คู่และแบตเตอรี่กลับช่วยเพิ่มความมั่นคง ทำให้การเดินทางด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย นอกจากนี้ ระบบกล้องมองภาพ 360 องศายังช่วยให้การจอดรถหรือการขับขี่ในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย แม้ว่ารถจะมีความยาวถึง 5.2 เมตรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมก็ยังคงมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณาเพื่อการพัฒนาต่อไป แม้ว่าระบบเบรกจะตอบสนองได้ดี แต่เมื่อต้องเบรกอย่างรุนแรงหรือกะทันหันขณะใช้ความเร็วสูง อาจมีอาการส่ายเล็กน้อยที่ผู้ขับขี่ต้องประคองพวงมาลัยให้แน่น ซึ่งเป็นสิ่งที่รถขนาดใหญ่หลายรุ่นอาจพบเจอได้ และในสภาพอากาศที่มีลมแรงปะทะ หรือขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจมีความรู้สึกโคลงเคลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และไม่ได้ส่งผลต่อความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาจากราคาและสิ่งที่ได้รับ ผมให้คะแนน Denza D9 Performance AWD ที่ 7/10 ซึ่งสะท้อนถึงความโดดเด่นในหลายด้าน แต่ก็ยังมีพื้นที่สำหรับการปรับปรุงในรายละเอียดบางจุดให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ความหรูหราภายในห้องโดยสาร: ทุกสัมผัสคือประสบการณ์พรีเมียม

นอกเหนือจากสมรรถนะและเทคโนโลยีช่วงล่างแล้ว Denza D9 Performance AWD ยังมอบประสบการณ์ความหรูหราภายในห้องโดยสารที่ไม่เป็นสองรองใคร เบาะที่นั่งใช้วัสดุหนัง Nappa Premium คุณภาพสูง ให้สัมผัสนุ่มนวล นั่งสบาย รองรับสรีระได้เป็นอย่างดี เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม เพิ่มความรู้สึกโอ่อ่าและเงียบสงบภายในห้องโดยสาร ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด

ไฮไลต์สำหรับผู้โดยสารคือเบาะที่นั่งแถวที่สอง ซึ่งสามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้ ถือเป็นฟังก์ชันที่สร้างความผ่อนคลายอย่างแท้จริงระหว่างการเดินทางระยะไกล ทำให้ทุกการเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง การจัดวางภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกกว้างขวาง โปร่งสบาย และใช้งานง่าย ระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อและความบันเทิงครบครัน ทำให้ Denza D9 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ แต่เป็น “ห้องรับรองเคลื่อนที่” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของ รถผู้บริหารไฟฟ้า และ รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบ Denza D9 Performance AWD กับ Premium 2WD: เลือกให้เหมาะกับคุณ

ในการทดสอบครั้งนี้ ผมยังได้มีโอกาสลองขับ Denza D9 รุ่นเริ่มต้น Premium 2WD อีกด้วย ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างของระบบช่วงล่างอย่างชัดเจน รุ่น Premium 2WD ใช้ระบบกันสะเทือนแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปรับอัตโนมัติตามความเร็วที่พบในรถยนต์ไฟฟ้า BYD บางรุ่น เช่น BYD SEAL ซึ่งให้ความนุ่มนวลในระดับที่ดี แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับขี่ที่รวดเร็ว และต้องการความนุ่มนวลสูงสุดสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ระบบช่วงล่าง DiSus-C ในรุ่น Performance AWD จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ในด้านสมรรถนะ รุ่น Premium 2WD ที่เป็นมอเตอร์เดี่ยวก็ยังคงให้การตอบสนองที่ดีในการทำความเร็ว แต่ไม่ได้รวดเร็วฉับไวเท่ารุ่น Performance AWD จากการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุ่น Premium 2WD ทำได้ 10.25 วินาที (จากเคลม 9.5 วินาที) ในขณะที่ Performance AWD ทำได้ 8.53 วินาที (จากเคลม 6.9 วินาที) โดยเป็นการทดสอบแบบมีผู้โดยสารและสัมภาระในโหมด Standard

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า รุ่น Premium 2WD ทำได้เฉลี่ย 24.2 kWh/100 กิโลเมตร ส่วน Performance AWD ทำได้เฉลี่ย 27.3 kWh/100 กิโลเมตร บนเส้นทางเดียวกัน 136 กิโลเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีพละกำลังมากกว่า รุ่น AWD ก็ยังคงจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น หากคุณเน้นการใช้งานแบบครอบครัวเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการอัตราเร่งที่จัดจ้านที่สุด และต้องการ รถตู้อเนกประสงค์ไฟฟ้า ที่คุ้มค่าด้วยราคาเพียง 1,999,900 บาท (ราคาในช่วงแนะนำ) รุ่น Premium 2WD ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่หากงบประมาณไม่ใช่ข้อจำกัด และคุณต้องการสัมผัสถึงขีดสุดของความสบาย สมรรถนะ และเทคโนโลยีช่วงล่างอันชาญฉลาด Denza D9 Performance AWD คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

บทสรุป: นิยามใหม่ของ MPV ไฟฟ้าหรูแห่งปี 2025

Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่การนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า อีกรุ่นหนึ่งเข้าสู่ตลาด แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานของ MPV ไฟฟ้าหรู ไปอีกขั้นในยุค 2025 ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างดีไซน์อันโดดเด่น สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัย และหัวใจสำคัญคือระบบช่วงล่าง DiSus-C อัจฉริยะที่มอบความสบายและเสถียรภาพในการขับขี่ที่ยากจะหาคู่แข่งได้ Denza D9 ได้พิสูจน์แล้วว่ารถตู้อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ก็สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก ปลอดภัย และนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นยานยนต์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ ผู้บริหาร หรือผู้ที่ต้องการเดินทางอย่างมีสไตล์และยั่งยืน

ในโลกที่ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางในอนาคต Denza D9 Performance AWD เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของนวัตกรรมที่แท้จริงที่สามารถเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อรถ MPV ให้กลายเป็นความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนที่จับต้องได้ มันคือการลงทุนในอนาคตของการเดินทางที่มอบความคุ้มค่าทั้งในด้านเทคโนโลยี ประสบการณ์ และความภาคภูมิใจ

สำหรับผู้ที่พร้อมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับด้วย รถยนต์ไฟฟ้า Denza D9 ที่มาพร้อมกับสุดยอด ระบบช่วงล่าง DiSus-C อัจฉริยะ ผมขอเชิญชวนให้คุณไปทดลองขับด้วยตัวเอง ณ โชว์รูม RÊVER ประเทศไทย หรือตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน เพื่อสัมผัสถึงความแตกต่างและศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของ Denza D9 Performance AWD ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถคันนี้ถึงเป็นก้าวสำคัญในวงการยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่อาจมองข้ามได้