[ตอนต่อไป] 248T1129 AB248 พนักงานด้วยกัน ไม่มีแบ่งชนชั้น.mp4

Denza D9 Performance AWD: ถอดรหัสสุดยอด MPV ไฟฟ้าหรูแห่งปี 2025 กับระบบช่วงล่าง DiSus-C อัจฉริยะ

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศักราชปี 2025 ที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คือมาตรฐานใหม่ที่กำลังยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือไปอีกขั้น ท่ามกลางกระแสการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดรถ MPV ไฟฟ้าพรีเมียม Denza D9 Performance AWD ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ไม่อาจมองข้าม ด้วยการผสานความหรูหรา สง่างาม ประสิทธิภาพอันทรงพลัง และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหัวใจสำคัญที่ทำให้ Denza D9 แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริง นั่นคือ “ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C” ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองต่อทุกสภาพถนนและทุกสไตล์การขับขี่ได้อย่างไร้ที่ติ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงแก่นแท้ของ MPV ไฟฟ้าคันนี้ ที่ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะ แต่คือสุนทรียะแห่งการเดินทางสำหรับครอบครัวและผู้บริหารยุคใหม่

หัวใจแห่งนวัตกรรม: ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่พลิกโฉมการขับขี่

กว่าทศวรรษที่ผมคลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของระบบช่วงล่างมามากมาย แต่ DiSus-C ใน Denza D9 Performance AWD ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงการออกแบบที่เข้าใจพลวัตของรถยนต์ไฟฟ้าและพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ขับขี่ได้อย่างลึกซึ้ง ระบบช่วงล่าง DiSus-C ไม่ใช่แค่การปรับความแข็งอ่อนของโช้คอัพ แต่เป็นการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ประมวลผล และการสั่งการแบบเรียลไทม์ เพื่อให้รถมีเสถียรภาพสูงสุดในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงน้ำหนักตัวของรถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาดใหญ่อย่าง Denza D9 ที่แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้าง

แกนหลักของ DiSus-C คือระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ (Active Suspension) ที่ด้านหน้าใช้แบบ MacPherson Strut และด้านหลังเป็น Multi-link ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการยึดเกาะถนนและการควบคุมรถ แต่สิ่งที่ทำให้ DiSus-C พิเศษคือ “สมอง” ที่สั่งการให้โช้คอัพปรับค่าความหนืดได้อย่างอิสระและรวดเร็ว ระบบจะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวถัง การยุบตัวและการคืนตัวของช่วงล่างอย่างต่อเนื่อง ประมวลผลความเร็ว แรงกระทำจากพื้นผิวถนน รวมถึงการเร่ง การเบรก หรือการเข้าโค้ง จากนั้นจะส่งสัญญาณไปยังโซลินอยด์วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ภายในโช้คอัพเพื่อปรับแรงต้านให้เหมาะสมที่สุดภายในเสี้ยววินาที

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานของ DiSus-C คือประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อ หรือรอยต่อถนนในเขตเมืองกรุงที่มักเป็นปัญหากับรถยนต์ทั่วไป Denza D9 สามารถผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ได้อย่างนุ่มนวล ลดแรงสะท้านและอาการโคลงเคลงได้อย่างน่าทึ่ง นี่ไม่ใช่เพียงแค่ความสบายสำหรับผู้โดยสาร แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมรถให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย

นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักบรรทุกอย่างฉับพลัน หรือการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง DiSus-C ก็ยังคงรักษาเสถียรภาพของตัวรถได้อย่างยอดเยี่ยม ลดอาการ “หัวทิ่ม” ขณะเบรกกะทันหัน และลดอาการ “โยนตัว” ขณะเร่งความเร็ว ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือการเข้าโค้งที่ความเร็วสูงเป็นไปอย่างนุ่มนวลและมั่นคง สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่ MPV ไฟฟ้าพรีเมียมในปี 2025 ควรมี และ Denza D9 ได้ส่งมอบสิ่งนั้นอย่างเต็มเปี่ยม

เหนือกว่าแค่พลัง: สมรรถนะที่พลิกโฉมการเดินทางในยุค 2025

Denza D9 Performance AWD สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 อันล้ำสมัยของ BYD ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งด้านพลังงาน ความปลอดภัย และการบูรณาการระบบต่างๆ แพลตฟอร์มนี้เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ Denza D9 มีความแข็งแกร่งและเบาในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับขี่ที่คล่องตัวและประหยัดพลังงาน

ขุมพลังของ Denza D9 Performance AWD มาจากระบบขับเคลื่อน 8-in-1 ที่รวมเอาส่วนประกอบสำคัญของระบบส่งกำลังไฟฟ้าไว้ในชุดเดียว ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดการสูญเสียพลังงาน และประหยัดพื้นที่ แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 103.36 kWh ทำให้ Denza D9 สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งถือเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามจังหวัด หรือการใช้งานในชีวิตประจำวันตลอดสัปดาห์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยครั้ง

สำหรับความสามารถในการชาร์จ Denza D9 รองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW (3 เฟส) ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะทั่วไป และที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการรองรับการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charge) สูงสุดถึง 166 kW ซึ่งช่วยให้สามารถเติมพลังงานได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ต้องเสียเวลารอคอยนานในยุคที่สถานีชาร์จเร็ว EV กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2025

รุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) ที่มอบพละกำลังรวมสูงสุด 275 kW (เทียบเท่ากว่า 370 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลที่ 470 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงศักยภาพที่เหนือชั้นในการออกตัวและเร่งแซง โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 6.9 วินาทีตามที่เคลมไว้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับรถ MPV ขนาดใหญ่เช่นนี้

จากการทดสอบขับจริง แม้จะบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มคัน Denza D9 Performance AWD ก็ยังคงสามารถเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและทรงพลัง โดยเราวัดอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 8.53 วินาทีในโหมด Standard ซึ่งอาจจะช้ากว่าที่เคลมเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเร็วมากและตอบสนองได้ทันใจในทุกสถานการณ์ การมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลายังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่บนสภาพถนนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นถนนเปียก หรือทางโค้ง ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกการเดินทาง นี่คือประสิทธิภาพ EV ที่แท้จริง ที่ผสานความเร็ว ความปลอดภัย และความนุ่มนวลเข้าไว้ด้วยกัน

วิมานบนล้อ: ห้องโดยสารสุดหรูระดับ First Class

การก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่การนั่งรถยนต์ แต่คือการเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวที่ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันให้เป็นเหมือน “วิมานบนล้อ” หรือห้องโดยสารระดับ First Class ที่พร้อมปรนเปรอทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด ในปี 2025 ความคาดหวังต่อห้องโดยสารรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้หยุดอยู่ที่ความกว้างขวาง แต่รวมถึงคุณภาพของวัสดุ การออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน

เบาะโดยสารในรุ่น Performance AWD หุ้มด้วยหนัง Nappa Premium คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มนวล นั่งสบาย และระบายอากาศได้ดีเยี่ยม พร้อมการตัดเย็บที่ประณีตสะท้อนรสนิยมอันหรูหรา เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับ (Suede) แบบพรีเมียม ช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและโอ่อ่าภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การออกแบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ ยังช่วยเสริมให้ประสบการณ์การเดินทางเป็นไปอย่างสุนทรีย์

สำหรับผู้ขับขี่ Denza D9 มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่เหนือชั้น ด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญในการขับขี่ เช่น ความเร็ว ระบบนำทาง หรือข้อมูลการแจ้งเตือนต่างๆ ขึ้นบนกระจกหน้าโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า

จุดเด่นอีกประการที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนคือเบาะผู้โดยสารแถวที่สอง ที่ออกแบบมาให้เป็น “ที่นั่งผู้บริหาร” ด้วยฟังก์ชันการปรับระดับและรูปแบบการนวดที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ตลอดการเดินทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่รุ่นเริ่มต้น Premium 2WD ไม่มี การมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ทำให้ Denza D9 ไม่ใช่แค่รถยนต์สำหรับเดินทาง แต่เป็นพื้นที่ทำงานเคลื่อนที่ หรือห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวและนักธุรกิจ

บททดสอบในโลกจริง: พลวัตการขับขี่บนถนนไทยปี 2025

การทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพฯ ที่ผมได้สัมผัสด้วยตัวเอง เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ศักยภาพของระบบช่วงล่าง DiSus-C และสมรรถนะโดยรวมของ MPV ไฟฟ้าคันนี้ ผมเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ได้ขึ้นทางด่วน เพื่อให้รถได้เผชิญกับสภาพถนนที่หลากหลาย ทั้งถนนแจ้งวัฒนะที่มีทั้งหลุมบ่อ รอยต่อถนน และฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งเป็นบททดสอบที่สมจริงสำหรับรถยนต์ที่ต้องวิ่งบนท้องถนนเมืองไทยเป็นประจำ

สิ่งที่ผมประทับใจในทันทีคือความสามารถของระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ในการดูดซับแรงกระแทก ทุกครั้งที่รถวิ่งผ่านหลุมหรือรอยต่อถนน อาการสะเทือนที่ส่งมาถึงห้องโดยสารนั้นน้อยมากจนแทบไม่รู้สึก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างนุ่มนวลและราบรื่นอย่างเหลือเชื่อ การปรับรูปแบบของโช้คอัพระหว่างโหมด Sport และ Comfort ทำได้ง่ายผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดที่เหมาะสมกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ในขณะนั้นได้อย่างอิสระ ในโหมด Comfort รถจะให้ความนุ่มนวลสูงสุด เหมาะสำหรับการเดินทางที่เน้นความผ่อนคลาย ส่วนในโหมด Sport รถจะมีความเฟิร์มขึ้น ให้การควบคุมที่เฉียบคมและมั่นคงมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง

พวงมาลัยของ Denza D9 ให้ความแม่นยำและน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ทำให้การควบคุมรถขนาดใหญ่คันนี้เป็นไปอย่างง่ายดาย แม้จะเป็นผู้ขับขี่ที่มีรูปร่างเล็กก็สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ทัศนวิสัยในการขับขี่ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถ SUV ทั่วไป ด้วยตำแหน่งการนั่งที่สูง และกระจกบานใหญ่ การถอยจอดก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วยระบบกล้องมุมมอง 360 องศาที่ให้ภาพคมชัดและครอบคลุมทุกมุมมอง เพียงแต่ต้องตระหนักถึงความยาวของตัวรถที่ 5.2 เมตร เพื่อความระมัดระวังในการจอดในพื้นที่จำกัด

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมยังคงต้องชี้ให้เห็นถึงจุดที่สามารถปรับปรุงได้ แม้ว่าระบบเบรกจะทำงานได้ดีในภาพรวม แต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการเบรกกะทันหัน หรือการเบรกหนัก รถอาจมีอาการท้ายปัดหรือส่ายได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคงและทำความคุ้นเคยกับน้ำหนักเบรกของรถ นอกจากนี้ เมื่อต้องขับปะทะลมแรง หรือขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อาจยังมีความรู้สึกโคลงเคลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถ MPV ขนาดใหญ่ที่ต้องการสมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความมั่นคง แต่ด้วยระบบ DiSus-C ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าอนาคตจะสามารถลดข้อจำกัดเหล่านี้ได้อีก

Denza D9 รุ่นย่อย: ค้นหารถ MPV ไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ

Denza D9 ไม่ได้มีเพียงรุ่น Performance AWD เท่านั้น แต่ยังมีรุ่น Premium 2WD ที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและประสิทธิภาพในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น การทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละรุ่นย่อยเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025

รุ่น Premium 2WD มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อน 2 ล้อ และใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พบได้ในรถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL ซึ่งก็ถือว่าเป็นระบบช่วงล่างที่ดีเยี่ยมในการให้ความนุ่มนวลและยึดเกาะถนนที่ดี อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบขับ ผมพบว่าความแตกต่างของช่วงล่างระหว่าง Premium 2WD และ Performance AWD นั้นชัดเจน หากคุณเป็นคนที่ชอบขับขี่ด้วยความเร็วเป็นประจำ และต้องการความนุ่มนวลสูงสุดสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง รุ่น Performance AWD ที่มาพร้อม DiSus-C จะให้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ในด้านสมรรถนะการขับขี่ รุ่น Premium 2WD ด้วยมอเตอร์เดี่ยว ก็ยังคงสามารถเร่งความเร็วและใช้งานบนทางหลวงได้อย่างสบาย อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เคลมไว้ 9.5 วินาที และในการทดสอบจริงได้ 10.25 วินาที ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในรูปแบบ MPV ที่เน้นการเดินทางแบบครอบครัวเป็นหลัก หากพิจารณาถึงราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าอย่างรุ่น Premium 2WD ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถ MPV ไฟฟ้าคุณภาพสูงในงบประมาณที่คุ้มค่า

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า จากการทดสอบระยะทางไปกลับ 136 กิโลเมตร
Premium 2WD: เฉลี่ย 24.2 kWh/100 กิโลเมตร
Performance AWD: เฉลี่ย 27.3 kWh/100 กิโลเมตร
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Denza D9 ทั้งสองรุ่นมีการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

Denza D9 ในภูมิทัศน์ EV ปี 2025 ที่กำลังเปลี่ยนไป

ในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า MPV พรีเมียมกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถยนต์ไฟฟ้าเพียงแค่เพราะเป็น “เทรนด์” แต่คาดหวังถึงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ความยั่งยืน และความคุ้มค่าในระยะยาว Denza D9 Performance AWD ได้วางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำในตลาดนี้ ด้วยการนำเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพ ความหรูหรา และความปลอดภัย

การที่ Denza D9 ใช้แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ของ BYD ยังเป็นการรับประกันถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ที่ทันสมัยและปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) ที่จะช่วยให้รถของคุณได้รับการปรับปรุงและเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Denza D9 ยังคง “สดใหม่” และทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอนาคต

การลงทุนเพื่ออนาคต: ทำไมต้อง Denza D9?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่า Denza D9 Performance AWD ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าคันหนึ่ง แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของการเดินทางที่หรูหรา สะดวกสบาย และยั่งยืน ด้วยระบบช่วงล่าง DiSus-C ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ห้องโดยสารที่รังสรรค์อย่างประณีตดุจ First Class สมรรถนะที่ทรงพลังจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระยะทางขับขี่ที่ยาวนาน ทำให้ Denza D9 เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ MPV ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ หรือเป็นพาหนะคู่ใจสำหรับผู้บริหารที่ต้องการความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง

Denza D9 สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความเข้าใจในความต้องการของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง และในตลาดปี 2025 ที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ Denza D9 Performance AWD ยังคงยืนหยัดเป็นผู้นำที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและน่าประทับใจไม่รู้ลืม

อนาคตของการเดินทางที่หรูหราและยั่งยืนกำลังรอคุณอยู่ สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับ Denza D9 Performance AWD ด้วยตัวคุณเองวันนี้ และค้นพบความหมายใหม่ของการเดินทางที่แท้จริง