[ครบชุด] TQ11091 เพราะเงินล้านหรือเพราะหัวใจ ใครกันแน่ที่รักแท้และใครที่หลอกลวง

Toyota Yaris ATIV HEV 2025: ยกระดับประสบการณ์ขับขี่ สู่มาตรฐานใหม่แห่ง B-Segment

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองข้าม แต่ในวันนี้ ปี 2025 ตลาดนี้กลับกลายเป็นสมรภูมิแห่งเทคโนโลยีและความคุ้มค่า และ Toyota Yaris ATIV HEV คือหนึ่งในผู้เล่นที่เข้ามาพลิกโฉมหน้า ด้วยการผสานจุดเด่นด้านประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และที่สำคัญที่สุดคือ “ช่วงล่าง” ที่เหนือระดับจนยากที่จะหาคู่แข่งในคลาสเดียวกัน

หลายคนอาจตั้งคำถามว่ารถยนต์ไฮบริดในกลุ่มอีโคคาร์หรือ B-segment จะแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปปกติเพียงแค่ระบบขับเคลื่อนหรือไม่? คำตอบคือ “ไม่” โดยสิ้นเชิง และ Yaris ATIV HEV ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Toyota ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเปลี่ยนหัวใจขับเคลื่อน แต่ยังรวมไปถึงการยกเครื่องงานวิศวกรรมที่ลึกซึ้งกว่าที่คิด บทความนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ Yaris ATIV HEV ในปี 2025 ที่ทำให้มันเป็นมากกว่ารถยนต์ประหยัดน้ำมัน แต่เป็นรถยนต์ที่มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือความคาดหมาย

ราคาและความคุ้มค่าที่จับต้องได้ ในยุค 2025

การเปิดตัว Toyota Yaris ATIV HEV พร้อมราคาที่น่าสนใจได้สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดอย่างมาก ด้วยสองรุ่นย่อยที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน:

HEV Premium: 719,000 บาท
HEV GR SPORT: 769,000 บาท

ราคาพิเศษช่วงแนะนำที่ประกาศไปจนถึงสิ้นปี 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Toyota ในการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นราคาจะปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 729,000 – 779,000 บาท ตามลำดับ แต่ถึงกระนั้น เมื่อพิจารณาถึงชุดเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาให้ การรับประกันคุณภาพที่เหนือชั้น และค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของระยะยาว ทำให้ Yaris ATIV HEV ยังคงเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” อย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ B-segment แห่งปี 2025

สิ่งที่เสริมความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงคือแพ็กเกจการรับประกันจาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์:

รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด: 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

การรับประกันแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษนี้เป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณารถยนต์ไฮบริด เพราะช่วยคลายความกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และตอกย้ำถึงความทนทานของระบบไฮบริดที่ Toyota สั่งสมประสบการณ์มานานหลายทศวรรษ นี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Yaris ATIV HEV แข็งแกร่งในตลาด รถยนต์ไฮบริด และเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้าที่มองหา ความคุ้มค่า และ ความน่าเชื่อถือ

มิติตัวถัง: สรีระที่ลงตัวสำหรับชีวิตเมือง

การออกแบบตัวถังของ Yaris ATIV HEV สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการรถยนต์ที่คล่องตัวในเมือง แต่ยังคงมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและให้ความรู้สึกมั่นคงบนท้องถนน:

ความยาว: 4,425 – 4,440 มิลลิเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและชุดแต่ง)
ความกว้าง: 1,740 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,480 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 2,620 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 160 มิลลิเมตร
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด: 4.8 – 5.2 เมตร
ความจุถังน้ำมัน: 36 ลิตร

ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,620 มิลลิเมตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมสำหรับรถยนต์ B-segment ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และมอบพื้นที่ห้องโดยสารที่สะดวกสบายทั้งผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง ขณะที่ความกว้างและความสูงที่เหมาะสมทำให้รถดูกระชับและคล่องตัว รัศมีวงเลี้ยวที่แคบยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพจราจรแออัด หรือการหาที่จอดในเมืองใหญ่เป็นเรื่องง่ายดาย นี่คือสรีระที่ถูกคิดมาอย่างดีเพื่อรองรับการใช้งานในแบบ รถยนต์เมือง อย่างแท้จริง

วิศวกรรมยานยนต์เบื้องหลังความเหนือชั้น: ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ไฮบริด

สิ่งที่ทำให้ Yaris ATIV HEV โดดเด่นอย่างแท้จริงคือการปรับจูนทางวิศวกรรมที่ลึกซึ้งกว่าที่หลายคนคาดคิด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า Toyota ไม่ได้เพียงแค่นำเครื่องยนต์ไฮบริดมาวาง แต่ได้มีการปรับแต่งองค์ประกอบสำคัญหลายจุด เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบสำหรับ รถยนต์ไฮบริด คันนี้

การปรับจูนเครื่องยนต์และระบบไฮบริด:
แม้จะมีพื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกับ Yaris Cross แต่ Toyota ได้ดำเนินการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน การประหยัดน้ำมัน และการตอบสนองที่ราบรื่น:
การปรับการไหลเวียนอากาศใหม่: เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และลดการสูญเสียพลังงาน
ปั๊มน้ำรุ่นใหม่: ช่วยในการจัดการอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ทำให้สามารถรักษาความร้อนที่จำเป็นต่อการจุดระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ที่ราบรื่นและลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
การจูน ECU ใหม่ทั้งหมด: การปรับปรุงซอฟต์แวร์ควบคุมเครื่องยนต์และระบบไฮบริดให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านระหว่างโหมด EV และเครื่องยนต์สันดาปเป็นไปอย่างราบรื่นแทบไม่รู้สึก ทำให้ เทคโนโลยีไฮบริด ของ Toyota ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุด

การปรับจูนเหล่านี้มุ่งเน้นที่การเพิ่ม อัตราการประหยัดเชื้อเพลิง โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มแรงม้าสูงสุด แต่กลับเน้นที่การส่งกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และให้ความรู้สึกขับขี่ที่ผ่อนคลายในทุกย่านความเร็ว

โครงสร้างตัวถังและการเสริมความแข็งแรง:
จุดที่น่าสนใจและสำคัญต่อ สมรรถนะการขับขี่ คือการที่ Toyota ได้นำโครงสร้างตัวถังส่วนท้ายมาจาก Yaris Cross ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายและน้ำหนักที่มากขึ้นของระบบไฮบริด นอกจากนี้ ยังมีการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถังในส่วนอื่นๆ ด้วยวัสดุและวิธีการประกอบที่แม่นยำยิ่งขึ้น การเพิ่มความแข็งแรงของตัวถังนี้ส่งผลโดยตรงต่อ:
เสถียรภาพในการขับขี่: ลดการบิดตัวของตัวถังเมื่อเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง
ความปลอดภัย: ช่วยในการกระจายแรงกระแทกได้ดีขึ้นในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
คุณภาพการขับขี่ (NVH): ลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก ทำให้ห้องโดยสารเงียบและสบายยิ่งขึ้น

ช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนใหม่หมด (จุดเด่นที่สุด):
นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Yaris ATIV HEV ได้รับคำชมเรื่อง ช่วงล่างดีที่สุดในคลาส ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากระบบไฮบริด (รุ่น Premium เพิ่ม 100 กก. และ GR SPORT เพิ่ม 120 กก. จากรุ่น 1.2 ลิตร) Toyota ไม่ได้มองข้าม แต่กลับใช้โอกาสนี้ในการออกแบบและปรับจูนช่วงล่างใหม่ทั้งหมด โดยแบ่งการจูนออกเป็น 2 รูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนตามบุคลิกของแต่ละรุ่นย่อย:
การจูนสำหรับรุ่น Premium: เน้นความนุ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกลที่ต้องการความผ่อนคลาย
การจูนสำหรับรุ่น GR SPORT: ให้ความรู้สึกกระชับ มั่นคง พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่ต้องการความสปอร์ตมากขึ้น โช้คอัพและสปริงได้รับการปรับแต่งให้แข็งขึ้นอย่างเหมาะสม ไม่ได้แข็งกระด้าง แต่ให้การควบคุมรถที่แม่นยำและมั่นใจในทุกย่านความเร็ว นอกจากนี้ยังมีการปรับจูนน้ำหนักพวงมาลัยให้เข้ากับบุคลิกของช่วงล่างในแต่ละรุ่น ส่งผลต่อ ประสบการณ์ขับขี่ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ไม่ธรรมดาสำหรับรถยนต์ในระดับนี้

บนเส้นทางทดสอบ: สัมผัสแห่งความแตกต่าง

จากการทดสอบ Yaris ATIV HEV บนเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่ถนนในเมืองกรุงเทพฯ ไปจนถึงเส้นทางระหว่างจังหวัด กรุงเทพฯ – ระยอง – พัทยา ผมได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากรุ่น 1.2 ลิตรอย่างสิ้นเชิง

รุ่น GR SPORT: สปอร์ต มั่นคง และเหนือความคาดหมาย
เริ่มต้นจากการนั่งเป็นผู้โดยสารในรุ่น GR SPORT ผมสัมผัสได้ทันทีถึงการเก็บอาการของรถบนพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หลุมบ่อต่างๆ ถูกจัดการได้อย่างนุ่มนวลเกินคาดสำหรับช่วงล่างที่ขึ้นชื่อว่า “สปอร์ต” หรือ “แข็งที่สุด” ในสองรุ่น เมื่อสลับมาเป็นผู้ขับขี่ ความรู้สึกกระชับและแม่นยำของช่วงล่างก็ฉายชัด การเข้าโค้ง การเปลี่ยนเลน หรือการขับขี่ด้วยความเร็วสูง รถให้ความมั่นใจได้อย่างน่าประทับใจ พวงมาลัยที่ได้รับการปรับจูนน้ำหนักมาอย่างพอดีมือ ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ

แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ ชุดแต่ง GR SPORT ที่ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่เป็นชุดแต่งที่มีฟังก์ชันทางอากาศพลศาสตร์ที่แท้จริง ในความเร็วที่เกิน 100 กม./ชม. ชุดแต่งนี้จะช่วยเพิ่มแรงกดอากาศ (Downforce) ได้มากถึงประมาณ 30% ส่งผลให้รถมี การยึดเกาะถนน ที่ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับการขับขี่รุ่น 1.2 ลิตรที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ผู้ขับอาจจะรู้สึกกังวลและต้องกำพวงมาลัยแน่น แต่ใน GR SPORT ที่ความเร็วเดียวกัน รถกลับให้ความรู้สึกนิ่ง มั่นคง และสบายอย่างเหลือเชื่อ นี่คือสิ่งที่แยก GR SPORT ออกจากรถยนต์ B-segment ทั่วไป และเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างผมไม่คิดว่าจะได้เห็นในรถยนต์ระดับนี้

ด้านอัตราเร่ง รุ่น GR SPORT ให้การตอบสนองที่ลื่นไหลและเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ได้พุ่งกระชากแบบรถสปอร์ตจ๋า เพราะปรัชญาการออกแบบเน้นที่ การประหยัดน้ำมัน เป็นหลัก แต่ด้วยแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงในช่วงความเร็วกลางทำได้อย่างมั่นใจและไร้รอยต่อ

รุ่น Premium: นุ่มนวล ประหยัด และสบายไร้กังวล
เมื่อเปลี่ยนมาขับรุ่น Premium ผมสัมผัสได้ถึงบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน ช่วงล่างของรุ่น Premium ถูกปรับแต่งมาเพื่อความนุ่มนวลและสุนทรียภาพในการขับขี่ พวงมาลัยมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง การจอดรถ และการเดินทางที่เน้นความผ่อนคลาย รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถประหยัดน้ำมัน ที่มอบความสบายสูงสุดในการเดินทาง โดยไม่ต้องแข่งขันกับใคร หรือต้องการขับขี่ในสไตล์ที่นุ่มนวลและไม่เร่งรีบ

แม้จะเน้นความนุ่มนวล แต่ก็ยังเหนือกว่ารุ่น 1.2 ลิตรอย่างเห็นได้ชัดในด้านความมั่นคงและอาการโคลงเคลงที่ลดลง เพราะโช้คอัพและสปริงที่ปรับแต่งใหม่ยังคงรองรับน้ำหนักของระบบไฮบริดได้ดีกว่าอย่างมาก และในเรื่องพละกำลัง ระบบไฮบริดของ Premium ก็ยังคงมอบอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีกว่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรอย่างไม่ต้องสงสัย

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: จุดแข็งที่ไม่มีใครปฏิเสธ

ไม่ว่าจะเป็นรุ่น GR SPORT หรือ Premium จุดเด่นที่ Yaris ATIV HEV ทั้งสองรุ่นมีร่วมกันคือ อัตราการประหยัดน้ำมัน ที่ยอดเยี่ยม จากการทดสอบที่เข้มข้น ตัวเลขที่ทำได้จริงนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง หากขับขี่แบบทำตัวเลข ผู้ขับสามารถทำได้สูงถึง 32 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับรถยนต์ในกลุ่มนี้ และแม้กระทั่งในการขับขี่ใช้งานปกติโดยไม่เน้นประหยัดมากนัก ก็ยังคงทำได้ดีที่ 24-25 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าที่โรงงานเคลมไว้ที่ 29.4 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน Eco Sticker) นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Yaris ATIV HEV เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์รักษ์โลก ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว

เทคโนโลยีและความปลอดภัย: ครบครันสำหรับปี 2025

ในยุค 2025 ที่ ระบบความปลอดภัย และ เทคโนโลยี กลายเป็นมาตรฐาน รถยนต์อย่าง Yaris ATIV HEV ก็มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่จำเป็น แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นไร้คนขับ 100% แต่ระบบเหล่านี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยและลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ซึ่งในบางรุ่นย่อยมาพร้อมกับ Toyota Safety Sense (TSS) ที่ประกอบไปด้วย:

ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)

ระบบเหล่านี้แม้จะไม่สามารถทดแทนการตัดสินใจของมนุษย์ได้ 100% แต่ก็เป็นเครือข่ายความปลอดภัยที่สำคัญ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง

ส่วนระบบความบันเทิง รุ่นท็อปมาพร้อมเครื่องเสียง Pioneer ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ “พอฟังได้” ตามมาตรฐานของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ผู้บริโภคในปัจจุบันคาดหวัง

สรุป: Toyota Yaris ATIV HEV 2025 ยกระดับ B-Segment อย่างแท้จริง

จากการวิเคราะห์เชิงลึกและประสบการณ์ตรงในการขับขี่ ผมขอยืนยันว่า Toyota Yaris ATIV HEV ในปี 2025 คือรถยนต์ที่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแยกบุคลิกของสองรุ่นย่อย HEV Premium และ HEV GR SPORT ออกจากกันได้อย่างชัดเจน:

หากคุณเป็นคนขับที่มองหาความสปอร์ต ชอบการควบคุมที่เฉียบคม และต้องการความมั่นใจสูงสุดบนความเร็วสูง พร้อมชุดแต่งที่ไม่ได้มีดีแค่สวยงาม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ GR SPORT คือคำตอบของคุณ
หากคุณเน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย ต้องการ รถประหยัดน้ำมัน ที่ขับขี่ง่ายในชีวิตประจำวัน และให้ความสำคัญกับความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง Premium จะเป็นทางเลือกที่ลงตัว

จุดแข็งสำคัญที่ทั้งสองรุ่นมีร่วมกันคือ อัตราการประหยัดน้ำมัน ที่เป็นเลิศ ด้วย เทคโนโลยีไฮบริด ของ Toyota ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านความทนทาน และที่สำคัญคือเรื่องของอะไหล่และการบำรุงรักษา ที่คุณสามารถไว้วางใจในเครือข่ายบริการหลังการขายของ Toyota ได้อย่างแน่นอน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่า Yaris ATIV HEV ไม่ได้เป็นเพียงแค่ รถยนต์ B-segment หรือ รถยนต์อีโคคาร์ ที่ประหยัดน้ำมัน แต่มันคือการยกระดับมาตรฐานใหม่ของการขับขี่ในกลุ่มนี้ ด้วยการผสมผสานงานวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม ช่วงล่างที่เหนือชั้น และความคุ้มค่าระยะยาว ทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในตลาดรถยนต์ปี 2025 และพร้อมเป็น รถยนต์สำหรับครอบครัว ขนาดกะทัดรัดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้อย่างลงตัว

ถึงเวลาที่คุณจะสัมผัสความแตกต่างด้วยตัวคุณเอง!

อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมบอก จนกว่าคุณจะได้มาสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง! เชิญชวนทุกท่านที่กำลังมองหารถยนต์คู่ใจคันใหม่ เข้ามาทดลองขับ Toyota Yaris ATIV HEV ทั้งรุ่น Premium และ GR SPORT ได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ สัมผัสถึงความแตกต่างของช่วงล่าง พละกำลังของระบบไฮบริด และการตอบสนองที่เหนือความคาดหมาย แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม Yaris ATIV HEV จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่คือคู่คิดที่พร้อมจะยกระดับทุกการเดินทางของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้น จองคิวทดลองขับวันนี้ เพื่อเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฮบริด ที่ฉลาด คุ้มค่า และขับสนุกที่สุดในคลาส!