[ครบชุด] 1211063 เรียกร้องความสนใจทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเวลา

Mitsubishi Triton Rallycar: เจาะลึกขุมพลังแชมป์ทางฝุ่น พลิกโฉมกลยุทธ์พิชิต Asia Cross Country Rally 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตมานานกว่าทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่า การแข่งขัน Asia Cross Country Rally (AXCR) ไม่ใช่เพียงแค่การประชันความเร็ว แต่คือบททดสอบความแกร่ง ความอึด และวิศวกรรมที่ไร้ขีดจำกัด และในปี 2025 นี้ สายตาจากทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่การกลับมาทวงบัลลังก์ของ Mitsubishi Motors ด้วย “Mitsubishi Triton Rallycar” ที่พร้อมลงสนามประจัญบานในศึกสุดหฤโหดนี้ถึง 3 คัน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเข้าร่วม แต่เป็นการประกาศศักดาของ “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อภารกิจเดียว นั่นคือชัยชนะ

Mitsubishi Motors มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าภาคภูมิใจในโลกของมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิทางฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นการครองแชมป์ Dakar Rally หลายสมัยในตำนานด้วย Pajero หรือ Lancer Evolution ที่เป็นเจ้าแห่งแรลลี่ทางเรียบ DNA แห่งชัยชนะและความทนทานนี้ได้ถูกส่งต่อมายัง Mitsubishi Triton ซึ่งเป็น “รถกระบะสายลุย” ที่พิสูจน์ตัวเองแล้วทั้งบนถนนจริงและการแข่งขัน ความมุ่งมั่นของ Mitsubishi ในการนำ Triton ลงสนาม AXCR 2025 ไม่ใช่แค่การรักษาชื่อเสียง แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานและแสดงให้เห็นถึง “นวัตกรรมยานยนต์” ที่ไม่หยุดนิ่ง ในโลกที่เทคโนโลยียานยนต์กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ผู้บริโภคมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และความทนทาน การนำรถกระบะโปรดักชั่นมาแปลงโฉมเป็น “รถแข่งทางฝุ่น” ระดับโลก ย่อมสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานอันแข็งแกร่งของ Triton ได้เป็นอย่างดี

จากตำนานสู่ปัจจุบัน: มรดกแห่งชัยชนะของ Mitsubishi ในสมรภูมิแรลลี่

เมื่อพูดถึง Mitsubishi กับการแข่งขันแรลลี่ ภาพของรถยนต์ที่อหังการและเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะจะผุดขึ้นในใจของนักเลงรถทุกคน ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของ Pajero ใน Dakar Rally ที่เปรียบเสมือนบทเรียนด้านความทนทานในสภาพสุดขั้ว ไปจนถึง Lancer Evolution ที่สร้างตำนานบนเส้นทางแรลลี่โลกด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อสุดล้ำ มรดกเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวในอดีต แต่มันคือพิมพ์เขียวที่หล่อหลอมจิตวิญญาณของ Mitsubishi Motors มาจนถึงปัจจุบัน และ “Mitsubishi Triton” คือผู้สืบทอดเจตนารมณ์นั้น ในบริบทของปี 2025 ที่ตลาดรถกระบะทั่วโลกมีการแข่งขันที่ดุเดือด และความต้องการ “รถกระบะอเนกประสงค์” ที่แข็งแกร่งยังคงสูง การที่ Mitsubishi ตัดสินใจนำ Triton มาพัฒนาเป็น “Mitsubishi Triton Rallycar” เพื่อลงสนาม AXCR อีกครั้ง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความภาคภูมิใจในแบรนด์และความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ “รถกระบะแกร่ง” ที่สามารถพิชิตทุกอุปสรรคให้กับลูกค้าทั่วโลก

การเข้าร่วม AXCR 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันเพื่อเกียรติยศส่วนตัว แต่คือการทดสอบเทคโนโลยีภายใต้สภาวะที่โหดร้ายที่สุด ตั้งแต่ความร้อนระอุ ความชื้นสูง ไปจนถึงภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งทางฝุ่นลูกรัง ดินโคลน ทราย และการลุยลำธาร นี่คือห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้วิศวกรได้เรียนรู้และปรับปรุง “เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล” ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และช่วงล่าง ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำองค์ความรู้เหล่านี้มาถ่ายทอดสู่ “รถยนต์โปรดักชั่น” ที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ นี่คือหัวใจสำคัญของปรัชญา “Race on Sunday, Sell on Monday” ที่ Mitsubishi ยึดถือมาโดยตลอด และเป็นสิ่งที่ทำให้ Mitsubishi Triton รุ่นใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาดในปี 2025 ยังคงมี DNA แห่งความทนทานและ “สมรรถนะออฟโรด” ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

Asia Cross Country Rally 2025: สนามทดสอบที่แท้จริงของ “สมรรถนะออฟโรด”

AXCR ไม่ใช่การแข่งขันแรลลี่ทั่วไปที่เน้นความเร็วบนเส้นทางที่ค่อนข้างราบเรียบ แต่เป็น “การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต” ที่ผสมผสานระหว่างความเร็ว ความอึด และทักษะการนำทางบนเส้นทางที่แทบจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ด้วยระยะทางรวมกว่า 3,200 กิโลเมตร ตลอด 6 วันของการแข่งขัน และ 8 ช่วงเส้นทางพิเศษ (SS: Special Stage) ที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ตั้งแต่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมทั่วภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกของประเทศไทย ก่อนจะกลับมาสิ้นสุดที่พัทยาอีกครั้ง ทำให้ AXCR 2025 เป็นบททดสอบที่เข้มข้นอย่างแท้จริงสำหรับทั้งรถ ทีมงาน และนักแข่ง

ภูมิประเทศที่หลากหลายคือความท้าทายหลักของ AXCR เส้นทางลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทางโคลนลึกที่ต้องใช้ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ” ที่แม่นยำ ทรายที่ดูดซับกำลังของเครื่องยนต์ และการลุยน้ำที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทุกสภาพถนนต้องการการปรับแต่งรถที่แตกต่างกัน และการตัดสินใจที่เฉียบขาดจากนักแข่งและผู้นำทาง ในปี 2025 นี้ ด้วยข้อมูลสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศที่รวดเร็ว การเตรียมความพร้อมทางกายภาพและจิตใจของนักแข่งจึงมีความสำคัญไม่แพ้ความพร้อมของรถ โดยทีม Mitsubishi Triton Rallycar ได้ส่งนักแข่งมากประสบการณ์ลงสนามถึง 3 คัน ได้แก่ หมายเลข 112 ขับโดย ชยพล โยธา ผู้นำทาง พีรีพงษ์ สมบัติวงศ์, หมายเลข 105 ขับโดย คัตสึฮิโกะ ทากูชิ ผู้นำทาง ทาคาฮิโระ ยาสุอิ และ หมายเลข 118 ขับโดย คาสุโตะ โคอิเดะ ผู้นำทาง เออิจิ ชิบะ การมีทีมที่แข็งแกร่งและหลากหลายเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของ Mitsubishi ในการไล่ล่าชัยชนะบนเวทีระดับภูมิภาค

แกะรอยขุมพลัง Triton Rally Car: วิศวกรรมที่ออกแบบมาเพื่อชัยชนะ

สิ่งที่ทำให้ “Mitsubishi Triton Rallycar” โดดเด่นกว่ารถกระบะทั่วไปคือการปรับแต่งที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ตัวถังที่คุ้นเคย มันคือ “อะไหล่รถแข่ง” ระดับสูงที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับความท้าทายของ AXCR

เครื่องยนต์: หัวใจแห่งความอึด
หัวใจของรถแข่งทั้งสามคันคือเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4N16 ขนาด 2.4 ลิตร บล็อกเทอร์โบเดี่ยว ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขัน แตกต่างจากรถแข่งทางเรียบที่เน้นแรงม้าสูงสุด การแข่งขันแรลลี่ทางฝุ่นอย่าง AXCR ต้องการ “ความทนทานรถยนต์” เป็นอันดับแรก เพราะเส้นทางที่ยาวไกลและสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ทำให้การเน้นแรงม้าสูงเพียงอย่างเดียวอาจนำมาซึ่งความเสียหายมากกว่าชัยชนะ แม้ว่าตัวเลขแรงม้าที่ระบุจะอยู่ที่ 160 kW (ประมาณ 214 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมสามารถยืนยันได้ว่า “ใส้ในเครื่องยนต์” ของรถแข่ง Triton นี้ ได้ถูกเปลี่ยนและเสริมความแข็งแกร่งทั้งหมด เพื่อให้สามารถรองรับแรงม้าได้สูงถึง 500-600 แรงม้า ซึ่งหมายความว่าวิศวกรได้จูนเครื่องยนต์ให้มีพละกำลังที่เหมาะสมกับสภาพการแข่งขัน เน้นการส่งกำลังที่ราบรื่นและต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาความทนทานสูงสุด นี่คือการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่จำเป็นต่อการพิชิตระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตรได้อย่างสมบูรณ์แบบ เทอร์โบชาร์จจาก Mitsubishi Heavy Industry Engine and Turbocharger ก็ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ เพื่อให้การตอบสนองของเครื่องยนต์มีความเฉียบคมและทรงพลังในทุกรอบความเร็ว ไม่ว่าจะต้องเร่งออกจากโค้งแคบ หรือลุยผ่านอุปสรรคต่าง ๆ

ระบบส่งกำลัง: กลไกแห่งการถ่ายทอดพลัง
ในด้านระบบส่งกำลัง รถหมายเลข 112 และ 105 เลือกใช้เกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีดจาก SADEV ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดเกียร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับมอเตอร์สปอร์ตโดยเฉพาะ เกียร์ประเภทนี้ให้อัตราทดที่แม่นยำและรวดเร็ว ช่วยให้นักแข่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไวในสถานการณ์คับขัน พร้อมเสริมด้วยน้ำมันเกียร์ Moty’s เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ความร้อนและแรงเค้นมหาศาล ขณะที่รถแข่งหมายเลข 118 มีแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ควบคู่กับ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ” แบบ Super Select 4WD-II ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Mitsubishi การใช้เกียร์อัตโนมัติในรถแข่งแรลลี่อาจดูไม่ธรรมดา แต่สำหรับบางสภาวะ มันช่วยลดภาระของนักแข่งและช่วยให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอเส้นทางที่ต้องการการควบคุมที่ละเอียดอ่อนหรือการเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้ง นอกจากนี้ รถแข่งทั้ง 2 รุ่นยังติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (LSD) ของ CUSCO ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะดีที่สุด ทำให้รถสามารถตะกุยผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นใจ

ช่วงล่าง: กระดูกสันหลังแห่งความนุ่มนวลและแข็งแกร่ง
หากจะมีส่วนไหนของ “รถกระบะแต่ง” ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเพื่อการแข่งขันแรลลี่ นั่นก็คือช่วงล่าง ใน Triton Rallycar แทบจะไม่มีชิ้นส่วนช่วงล่างเดิมเหลืออยู่เลย จุดยึดต่างๆ ถูกออกแบบและเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับการกระแทกและแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้นตลอดการแข่งขัน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น (Double Wishbone) ทำงานร่วมกับคอยล์สปริง ซึ่งให้ความยืดหยุ่นและการควบคุมที่แม่นยำ ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริง Rigid 4 Link ที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ การออกแบบนี้ช่วยให้รถสามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การทรงตัวของรถเป็นไปอย่างมั่นคง แม้ในขณะที่แล่นด้วยความเร็วสูงบนเส้นทางขรุขระ นี่คือ “ช่วงล่างรถแข่ง” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพิชิตทุกสภาพพื้นผิว ทำให้ Triton Rallycar สามารถรักษาความเร็วและควบคุมทิศทางได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบเบรก: ความปลอดภัยภายใต้ความเร็วสูง
ความเร็วต้องมาพร้อมกับการควบคุมที่แม่นยำ ระบบเบรกจึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ได้รับการปรับแต่งอย่างเต็มที่ โดยใช้ดิสก์เบรกแบบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์แบบชั้นเดียวจาก ENDLESS ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในวงการมอเตอร์สปอร์ต เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพการเบรกสูงสุดและลดปัญหาอาการเบรกล้าจากการใช้งานหนัก นอกจากนี้น้ำมันเบรกสำหรับการแข่งขันจาก FORTEC ยังช่วยเสริมความทนทานต่อความร้อน ทำให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างสม่ำเสมอและเชื่อถือได้ตลอดการแข่งขันที่ยาวนานและท้าทาย

ล้อและยาง: การยึดเกาะที่ไร้ขีดจำกัด
ล้อขนาด 17 นิ้ว จาก WORK ซึ่งเป็นแบรนด์ล้อที่ได้รับการยอมรับในด้านความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ถูกสวมด้วย “ยางออฟโรดประสิทธิภาพสูง” อย่าง YOKOHAMA GEOLANDAR M/T G003 ขนาด 245/75 R17 ยาง M/T (Mud-Terrain) นี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ด้วยดอกยางที่ดุดันและโครงสร้างยางที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยให้มีการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมบนพื้นผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโคลน ทราย หรือหิน และยังทนทานต่อการเจาะทะลุได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันแรลลี่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค

โครงสร้างและน้ำหนัก: กุญแจสู่ความคล่องตัว

เพื่อเพิ่ม “ความคล่องตัวมากในการแข่งขัน” และลดภาระของเครื่องยนต์ในการลุยทางฝุ่น ตัวถังของ Mitsubishi Triton Rallycar มีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในจุดสำคัญต่างๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อหน้า แผงข้างประตู และกระบะท้าย ซึ่งไม่เพียงช่วย “ลดน้ำหนักรถ” ได้อย่างมาก แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างโดยรวม นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังยังได้รับการเสริมความแข็งแรงด้วยโรลเคจ (Roll Cage) มาตรฐานการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยปกป้องนักแข่งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การออกแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “การพัฒนาเครื่องยนต์” และโครงสร้าง เพื่อให้ได้รถแข่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด

บทบาทของนักขับและผู้นำทาง: หัวใจสำคัญของทีม

แม้ว่าเทคโนโลยีและวิศวกรรมของรถแข่งจะก้าวหน้าไปไกลเพียงใด แต่ชัยชนะในสนามแรลลี่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับ “ประสบการณ์ขับขี่ออฟโรด” และความสามารถของมนุษย์ ทีมงานนักขับและผู้นำทางของ Mitsubishi Triton Rallycar จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ นักขับต้องมีทักษะการควบคุมรถที่ยอดเยี่ยม การตัดสินใจที่เฉียบขาดภายใต้แรงกดดัน และความอดทนทางร่างกายและจิตใจที่สูงมาก การแข่งขันระยะทางกว่า 3,200 กิโลเมตรไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้า ความร้อน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในขณะเดียวกัน ผู้นำทางก็มีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน พวกเขาคือดวงตาและสมองของทีม มีหน้าที่อ่าน Road Book เพื่อนำทางนักขับไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลสภาพถนนล่วงหน้า เพื่อให้นักขับเตรียมพร้อมรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างนักขับและผู้นำทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อชัยชนะใน AXCR นักขับอย่าง ชยพล โยธา, คัตสึฮิโกะ ทากูชิ และ คาสุโตะ โคอิเดะ ต่างก็เป็นนักแข่งที่มีประสบการณ์สูงและมีความเข้าใจในรถ Mitsubishi Triton เป็นอย่างดี ผนึกกำลังกับผู้นำทางที่เชี่ยวชาญ ทำให้ทีม Mitsubishi Triton Rallycar กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตาใน AXCR 2025

จากสนามแข่งสู่ถนนจริง: มรดกทางเทคโนโลยีในยุค 2025

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งจากการเข้าร่วม “การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต” ระดับโลกเช่น AXCR คือการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาสู่ “รถยนต์โปรดักชั่น” ที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถสัมผัสได้ ในปี 2025 ผู้ผลิตรถยนต์ต่างให้ความสำคัญกับการนำเสนอ “รถยนต์เพื่อการผจญภัย” ที่ไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังต้องมีสมรรถนะและความทนทานที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว การที่ Mitsubishi Triton Rallycar สามารถพิชิตความท้าทายใน AXCR ได้สำเร็จ ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพและ “ความทนทานรถยนต์” ของ Mitsubishi Triton ที่มีอยู่ใน DNA ของรถยนต์ทุกคันที่ออกจากโรงงาน

ทุกบทเรียนที่ได้จากความเครียดและแรงกดดันในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ การเสริมความแข็งแกร่งของแชสซีส์ หรือการพัฒนาระบบ “ช่วงล่างรถแข่ง” ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ล้วนถูกนำมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในการปรับปรุง Mitsubishi Triton รุ่นต่อไป ทำให้ “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” คันนี้มีสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ หรือ “สมรรถนะออฟโรด” ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการเดินทางผจญภัยในเส้นทางสุดท้าทาย นี่คือสิ่งที่ทำให้ Mitsubishi Motors ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะในหลายประเทศ และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “นวัตกรรมยานยนต์” ที่แท้จริงไม่ได้มาจากห้องทดลองเพียงอย่างเดียว แต่มาจากสนามแข่งที่โหดร้ายที่สุดด้วย

บทสรุป: ก้าวต่อไปของ Mitsubishi ในยุค 2025

การแข่งขัน Asia Cross Country Rally 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องราวของรถแข่งที่ออกไปลุยทางฝุ่น แต่เป็นเรื่องราวของความมุ่งมั่น วิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และจิตวิญญาณแห่งชัยชนะของ Mitsubishi Motors การที่ “Mitsubishi Triton Rallycar” ทั้งสามคันพร้อมที่จะลงสนามประจัญบานในศึกสุดหฤโหดนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานของ “รถกระบะแกร่ง” ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และการไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา “เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล” และ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ” ให้ก้าวล้ำนำหน้าอยู่เสมอ ในยุคที่ตลาดยานยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Mitsubishi Triton ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือ ที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองหรือเส้นทางออฟโรดที่ท้าทายที่สุด

เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ และสัมผัสความยิ่งใหญ่ของ “Mitsubishi Triton” ไม่ว่าจะเป็นบนสนามแข่งขัน AXCR 2025 หรือในการขับขี่ประจำวันของคุณเอง พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่าทำไม Triton ถึงยังคงเป็น “รถกระบะสายลุย” ที่ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนาน และเตรียมพบกับ “ประสบการณ์ขับขี่ออฟโรด” ที่เหนือกว่าใคร!