[ครบชุด] 2211015 Facebook (35)

ZEEKR 7X: พลิกโฉม SUV ไฟฟ้าพร้อมลุย! ประสบการณ์ใหม่แห่งปี 2025 ที่คุณต้องสัมผัส

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่พัดแรงเข้ามา ทุกวันนี้ การเลือกรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง สมรรถนะอันน่าทึ่ง และความหรูหราที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น และในปี 2025 นี้เอง มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหนึ่งที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด SUV ระดับพรีเมียม นั่นคือ ZEEKR 7X ยนตรกรรมที่ผสมผสานความแรง ความสง่างาม และความสามารถในการลุยได้อย่างน่าประทับใจจนแทบไม่มีคู่แข่งในเซ็กเมนต์เดียวกัน

ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้าอีกคันในตลาด แต่เป็นการประกาศศักดาของแบรนด์ ZEEKR ในการสร้างมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินทางในเมืองใหญ่ การขับขี่ระยะไกล ไปจนถึงการผจญภัยในเส้นทางกึ่งออฟโรด ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ดีไซน์ที่โดดเด่น และสมรรถนะที่เหลือเชื่อ ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่อย่างมีสไตล์และมั่นใจ

การพลิกโฉมตลาด SUV ไฟฟ้า: ZEEKR 7X กับวิสัยทัศน์ปี 2025

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่สาม ซึ่งเน้นไปที่การผสมผสานประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง และเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ZEEKR 7X เข้ามาในจังหวะที่เหมาะสมพอดี ด้วยการนำเสนอคุณสมบัติที่โดดเด่นซึ่งทำให้มันแตกต่างจาก SUV ไฟฟ้าทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ผู้บริโภคเริ่มมองหาอะไรที่มากกว่าแค่ “รถยนต์ไฟฟ้า” แต่ต้องการ “ประสบการณ์ที่ครบครัน”

ZEEKR 7X มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่หลายคนมองว่าเป็น SUV ที่มีความหรูหรา และมีการออกแบบที่ล้ำสมัยตั้งแต่แรกเห็น เส้นสายตัวรถที่คมชัด ผสานกับความโค้งมนอย่างลงตัว สร้างภาพลักษณ์ที่ทรงพลังและสง่างามในเวลาเดียวกัน การนำเข้าในรูปแบบ CBU (Completely Built Up) จากประเทศจีน โดย ZEEKR ประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ถึงมาตรฐานการผลิตและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับราคาคาดการณ์ที่ ZEEKR ประเทศไทยประกาศออกมานั้น ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ:

7X Long Range RWD: ช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
7X Performance AWD: ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

ซึ่งเป็นราคาที่ดึงดูดใจอย่างมากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงระดับนี้ การเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ จึงเป็นที่จับตาของหลายฝ่ายในวงการยานยนต์ไฟฟ้า

นอกจากราคาที่น่าสนใจแล้ว ZEEKR ประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับความอุ่นใจของลูกค้า ด้วยการรับประกันที่ครอบคลุมและแข่งขันได้ในตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคจะนำมาพิจารณาในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าระยะยาว:

รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

การรับประกันที่ยาวนานนี้สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ EV ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และยังเป็นจุดแข็งสำคัญในการแข่งขันในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่มีการแข่งขันสูง

สถาปัตยกรรมแห่งอนาคต: มิติและโครงสร้างอันชาญฉลาด

ZEEKR 7X ไม่เพียงแค่สวยงามภายนอก แต่ยังได้รับการออกแบบบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่รองรับการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและการขับขี่อีกด้วย

ในมิติของตัวถัง ZEEKR 7X แสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างความกว้างขวางและความคล่องตัว:

ยาว: 4,787 มิลลิเมตร
กว้าง: 1,930 มิลลิเมตร
สูง: 1,650 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 2,900 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 173 มิลลิเมตร

ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวเกือบ 3 เมตร ทำให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางอย่างน่าทึ่ง มอบพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทั้ง 5 คน ขณะที่ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร ช่วยให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง และที่สำคัญคือระยะต่ำสุดถึงพื้น 173 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่า SUV ไฟฟ้าทั่วไปบางรุ่น ทำให้ ZEEKR 7X มีความได้เปรียบในการรับมือกับสภาพถนนที่ไม่เรียบหรืออุปสรรคเล็กน้อยได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจในการออกแบบให้เป็น SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้ จริงๆ

สำหรับความต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระ ZEEKR 7X ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง:

ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย: ขนาด 539 – 1,978 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)
ที่เก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk): ขนาด 66 ลิตร

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่ขยายได้เกือบ 2,000 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงนั้น ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปต่างจังหวัด การขนของชิ้นใหญ่ หรือแม้แต่การจัดกิจกรรมกลางแจ้ง และ Frunk ขนาด 66 ลิตร ก็เป็นพื้นที่ที่สะดวกสบายสำหรับการเก็บสายชาร์จ หรือสิ่งของที่ต้องการหยิบใช้บ่อยๆ โดยไม่ต้องรื้อค้นจากด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นข้อดีของการออกแบบ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้เต็มที่

ขุมพลังไฟฟ้า 800V: สมรรถนะที่เร้าใจและประสิทธิภาพเหนือชั้น

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นเหนือใครคือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สถาปัตยกรรม 800V ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันพบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงระดับโลกเท่านั้น สถาปัตยกรรม 800V นี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้รถสามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการสูญเสียพลังงานในระบบอีกด้วย ทำให้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 100 kWh (NMC Lithium-ion) ของ ZEEKR 7X สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

ZEEKR 7X มีให้เลือกสองรุ่นย่อย โดยแต่ละรุ่นมอบสมรรถนะที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่หลากหลาย:

รุ่น Long Range RWD (ขับเคลื่อนล้อหลัง)

มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว
พละกำลังสูงสุด: 422 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 440 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 6.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 210 km/h
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 700 km. (มาตรฐาน NEDC)

สำหรับรุ่น Long Range RWD นี้ แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่พละกำลัง 422 แรงม้า ก็เพียงพอและเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเร่งแซงบนท้องถนน หรือการขับขี่บนทางด่วน การออกตัวที่ 6 วินาทีจาก 0-100 km/h ถือว่าเร็วมากสำหรับ SUV และระยะทางวิ่งที่มากกว่า 700 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งอาจแตกต่างไปในมาตรฐาน WLTP แต่ก็ยังถือว่าสูงมาก) ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปได้อย่างไร้กังวล ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานจริงและการประหยัดพลังงาน

รุ่น Performance AWD (ขับเคลื่อนสี่ล้อ)

มอเตอร์ไฟฟ้า: 2 ตัว (หน้า-หลัง)
พละกำลังสูงสุด: 646 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 710 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 3.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 210 km/h
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 600 km. (มาตรฐาน NEDC)

ในรุ่น Performance AWD นี่คือสุดยอดของ ZEEKR 7X ที่ปลดปล่อยพละกำลังมหาศาล ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่มอบพลังรวมถึง 646 แรงม้า และแรงบิด 710 นิวตันเมตร ทำให้ SUV ขนาดใหญ่นี้สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 km/h ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายรุ่น แรงดึงที่มหาศาลนี้จะสร้างความตื่นเต้นในทุกครั้งที่กดคันเร่ง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้การยึดเกาะถนนและการควบคุมที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะขั้นสูงสุดและความมั่นใจในการขับขี่ในทุกสภาพถนน รวมถึงการลุยในเส้นทางที่ท้าทายมากขึ้น

Charging การชาร์จไฟ: เร็ว แรง ทันใจ

จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ ZEEKR 7X คือความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ด้วยสถาปัตยกรรม 800V ทำให้มันรองรับการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) ได้สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุดในตลาดปัจจุบัน:

รองรับหัวชาร์จ: Type 2 / CCS Combo (มาตรฐานสากล)
กระแสสลับ AC: รองรับสูงสุด 22 kW (สำหรับการชาร์จที่บ้านหรือสถานีชาร์จ AC ทั่วไป)
กระแสตรง DC Fast Charging: รองรับสูงสุด 420 kW
ชาร์จ DC 360 kW (จาก 10-80%): ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที

ความเร็วในการชาร์จระดับนี้ คือสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไปโดยสิ้นเชิง การชาร์จเพียงแค่ 13-16 นาที ระหว่างแวะพักทานกาแฟหรือเข้าห้องน้ำ ก็เพียงพอที่จะเติมพลังงานได้หลายร้อยกิโลเมตร ทำให้ความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” หรือระยะทางวิ่งไม่พอ หมดไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือการตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า ในชีวิตจริงได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ซึ่งช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะออกทริป หรือเป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามฉุกเฉิน

ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมาย: ลุยได้จริงหรือไม่?

ในฐานะนักทดสอบรถยนต์ ผมมักจะสงสัยในคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพูดถึงความสามารถในการ “ลุยออฟโรด” เพราะโดยทั่วไปแล้ว EV มักจะเน้นที่การขับขี่บนทางเรียบ แต่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมการทดสอบ ZEEKR 7X ที่เขาใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ และต้องบอกว่าประหลาดใจกับสิ่งที่รถคันนี้ทำได้ในสนามทดสอบออฟโรด ช่วงล่างด้านหน้าอิสระ Double Wishbone และด้านหลังอิสระ Multi-Link ผสานกับระบบช่วงล่างแบบถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่สามารถปรับความสูงได้อัตโนมัติ ทำให้ ZEEKR 7X มีความยืดหยุ่นและสมรรถนะในการลุยที่เหนือความคาดหมาย

เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมของ ZEEKR 7X จะยกตัวขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มิลลิเมตร เพิ่มระยะห่างจากพื้น (ground clearance) ให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รถสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ในสถานีทดสอบเนินสลับ รถสามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้ดีเยี่ยม แม้ล้อบางข้างจะลอยอยู่กลางอากาศ ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี

เมื่อเจอเนินชัน ZEEKR 7X ก็สามารถไต่ขึ้นไปได้อย่างง่ายดายด้วยพละกำลังที่เหลือเฟือ และในจังหวะที่ต้องหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีการฟรีทิ้งของล้อ สร้างแรงขับเคลื่อนที่มั่นคง สำหรับการลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ราวกับรถยุโรปพรีเมียม ทำให้การลงเนินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย

บนเส้นทางขรุขระ ด้วยช่วงล่างถุงลมที่ปรับได้ ทำให้ ZEEKR 7X ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ที่น่าทึ่ง สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือพวงมาลัยที่นิ่งมาก ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อยเมื่อวิ่งผ่านทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและหิน แสดงให้เห็นถึงการออกแบบระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ซึ่งทำให้การควบคุมรถในสภาพออฟโรดเป็นไปอย่างแม่นยำและสบายมือ สรุปได้ว่าในเรื่องออฟโรด ZEEKR 7X สอบผ่านอย่างคาดไม่ถึง!

มาถึงการขับขี่บนทางเรียบ รุ่น Performance AWD มอบแรงดึงมหาศาลตามที่ระบุในคู่มือทุกประการ พร้อมความนุ่มนวลของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ขณะที่รุ่น Long Range RWD ก็ไม่ได้น้อยหน้า มีแรงดึงที่ดีเยี่ยมเพียงพอต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ ช่วงล่างของทั้งสองรุ่นให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แต่รุ่น Performance จะให้ความรู้สึกที่มั่นคงและนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย อันเนื่องมาจากการปรับจูนที่แตกต่างกันเพื่อรองรับพละกำลังที่สูงกว่าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ การควบคุมรถทำได้ง่ายและแม่นยำ ระบบเบรกดิสก์เบรก 4 pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงแต่ดูดุดัน แต่ยังให้ประสิทธิภาพในการหยุดรถที่ดีเยี่ยมในทุกความเร็ว

ห้องโดยสารระดับ First Class: สุนทรียภาพแห่งการเดินทาง

ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คืออีกหนึ่งจุดที่สะท้อนถึงความหรูหราและความใส่ใจในรายละเอียดอย่างแท้จริง มันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่แห่งการผ่อนคลายและเชื่อมต่อ ที่มอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกการเดินทาง ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรม ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X ก้าวข้ามขีดจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปในเรื่องนี้

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ที่มีชื่อเสียงด้านความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสื่อถึงรสนิยมระดับสูงของผู้ครอบครอง เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือหลังวันทำงานที่เหนื่อยล้า เปลี่ยนการขับขี่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน

จุดเด่นอีกประการคือเบาะหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถยนต์ระดับเดียวกัน ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การทำงาน หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนถึงความเข้าใจในทุกอิริยาบถและความต้องการของผู้โดยสาร นอกจากนี้ ประตูทั้ง 4 บานยังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และมีม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายสูงสุด

ระบบสารสนเทศและบันเทิงสุดล้ำ: เชื่อมต่อโลกดิจิทัลในทุกเส้นทาง

ZEEKR 7X มาพร้อมกับระบบสารสนเทศและบันเทิงที่ล้ำสมัยที่สุดในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งรับประกันความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการประมวลผลกราฟิกที่ยอดเยี่ยม:

หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว: ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: ระบบ Head-Up Display แบบ Augmented Reality ที่ฉายข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็ว เส้นทางนำทาง หรือข้อมูลเตือนต่างๆ บนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดได้อย่างสวยงามและเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงข้อมูลสำคัญของรถได้อย่างรวดเร็ว

การทำงานร่วมกันของหน้าจอเหล่านี้ ทำให้การควบคุมและเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อ ตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างทันทีทันใด นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังยกระดับประสบการณ์ด้านเสียงด้วยระบบ ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำและสมจริงในทุกการเดินทาง

ความปลอดภัยคือหัวใจ: เทคโนโลยีปกป้องทุกการเดินทาง

ความปลอดภัยคือสิ่งที่ ZEEKR ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งเห็นได้จากการที่ ZEEKR 7X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด รถคันนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือ:

คะแนนการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่: 91%
คะแนนการปกป้องผู้โดยสารเด็ก: 90%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความใส่ใจในการปกป้องทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการประมวลผลภาพและข้อมูล เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยประกอบด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ต่างๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล ระบบขับขี่อัตโนมัติกึ่งอิสระนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของ ZEEKR 7X

ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถังและลดน้ำหนักโดยรวมของรถ แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอีกด้วย การออกแบบที่ชาญฉลาดเหล่านี้ส่งผลให้ ZEEKR 7X มีความปลอดภัยในระดับสูงสุด พร้อมทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

สรุป: ZEEKR 7X – นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าที่ครบครัน

จากการวิเคราะห์อย่างละเอียดและประสบการณ์ตรงในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า ZEEKR 7X คือรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจและโดดเด่นอย่างแท้จริงสำหรับปี 2025 มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไม่กี่รุ่นที่สามารถผสมผสานสมรรถนะที่เร้าใจ ความหรูหราเหนือระดับ เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถในการลุยแบบออฟโรดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้มันมีจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาด SUV ไฟฟ้า ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

หากคุณกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่ไม่ใช่แค่พาคุณจากจุด A ไปจุด B แต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะพาคุณออกไปผจญภัยในทุกเส้นทาง ZEEKR 7X คือคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Long Range RWD ที่เน้นระยะทางวิ่งไกลพร้อมความประหยัด หรือรุ่น Performance AWD ที่มอบพละกำลังสูงสุดเพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับช่วงล่างที่ยอดเยี่ยมและออปชันที่จัดเต็มไม่แพ้กัน

ZEEKR 7X คือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับอนาคต ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน แต่ยังนำเสนอวิสัยทัศน์ของยานยนต์ที่เหนือกว่า ซึ่งจะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณไปอีกขั้น อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นเจ้าของนวัตกรรมแห่งยานยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สะดวกสบาย และปลอดภัย

อย่ารอช้าที่จะก้าวสู่อนาคตของการขับขี่! ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ZEEKR 7X และเตรียมตัวสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าได้ที่โชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือติดตามข่าวสารล่าสุดได้ทางเว็บไซต์ของเรา แล้วคุณจะพบว่า ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา