[ครบชุด] 2211018 Facebook (61)

ZEEKR 7X ปี 2025: ปฏิวัติวงการ SUV ไฟฟ้าหรู ด้วยสมรรถนะล้ำหน้า พร้อมลุยทุกเส้นทาง – จากประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรม EV

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นพัฒนาการอันก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและตลาด EV อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ที่การแข่งขันดูจะดุเดือดและเข้มข้นขึ้นกว่าที่เคย ยิ่งกว่าการสร้างรถที่ประหยัดพลังงานหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือการรังสรรค์ยนตรกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร ทั้งในด้านความหรูหรา สมรรถนะ การใช้งานที่หลากหลาย และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งน้อยนักที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าคันใดสามารถรวมคุณสมบัติทั้งหมดนี้ไว้ได้อย่างลงตัว จนกระทั่งผมได้สัมผัสกับ ZEEKR 7X SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่เรียกได้ว่าเป็น “นิยามใหม่ของคำว่า All-Rounder EV” อย่างแท้จริง

ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า SUV ทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างงานดีไซน์ที่หรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการตะลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองขับและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ผมกล้ายืนยันว่า ZEEKR 7X พร้อมแล้วที่จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ในกลุ่ม Premium SUV EV ด้วยข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ

มิติใหม่แห่งการออกแบบที่ผสานความหรูหราและฟังก์ชันการใช้งาน

เมื่อแรกเห็น ZEEKR 7X สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาคือการออกแบบภายนอกที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยว แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและภูมิฐาน สะท้อนปรัชญาการออกแบบของ ZEEKR ได้อย่างชัดเจน เส้นสายตัวถังที่ลื่นไหลผสานกับดีไซน์ไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจและบ่งบอกรสนิยมอันโดดเด่นของผู้เป็นเจ้าของ มิติตัวถังขนาด ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ไม่เพียงแต่ให้สัดส่วนที่ลงตัว แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและนั่งสบาย สำหรับระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มม. นั้นถือว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองและการเดินทางต่างจังหวัดทั่วไป แต่ที่น่าสนใจคือความสามารถในการปรับเพิ่มความสูงได้เมื่อเข้าสู่โหมด Off-Road ด้วยช่วงล่างถุงลม ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร สามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง มอบความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางพร้อมสัมภาระขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งการขนย้ายอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมผจญภัย นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบเพื่อการใช้งานที่ครบครัน

ขุมพลังไฟฟ้า 800V สู่สมรรถนะที่เร้าใจและประสิทธิภาพสูงสุด

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นเหนือคู่แข่งคือขุมพลังไฟฟ้าที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ระดับท็อปของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ประโยชน์ของระบบ 800V คือการรองรับการชาร์จที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ลดการสูญเสียพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบขับเคลื่อน ยิ่งไปกว่านั้น ZEEKR 7X ยังมีให้เลือกถึง 2 รุ่นย่อย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน:

7X Long Range RWD:
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ซึ่งถือว่าจัดจ้านและเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างเหลือเฟือ
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่งมากกว่า 700 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งหมายถึงการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล ด้วยระยะทางที่สามารถพาคุณข้ามจังหวัดได้สบายๆ ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/50 R19

7X Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD All-Wheel Drive)
พละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลที่ 710 นิวตันเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับ Supercar ระดับสูง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้เพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น! แรงดึงที่สัมผัสได้นั้นรุนแรงและเร้าใจอย่างที่ไม่เคยมีใน SUV ไฟฟ้ากลุ่มเดียวกัน
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) แม้จะมีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ยังคงรักษาประสิทธิภาพระยะทางได้อย่างน่าประทับใจ
รุ่น Performance ยังได้รับการยกระดับด้วยล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 และระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot คาลิปเปอร์ Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มประสิทธิภาพการหยุดรถ แต่ยังเสริมความสปอร์ตและความดุดันให้กับตัวรถอีกด้วย

ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาด 100 kWh เช่นเดียวกัน สะท้อนถึงการออกแบบที่มุ่งเน้นทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพในการใช้งานระยะยาว

การชาร์จที่รวดเร็วทันใจ: ปลดล็อกข้อจำกัดของ EV

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยังคงกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าคือระยะเวลาในการชาร์จ ZEEKR 7X ได้เข้ามาตอบโจทย์นี้อย่างชาญฉลาด ด้วยการรองรับการชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในค่าสูงสุดที่มีในตลาด ณ ปี 2025 โดยสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น เมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จ DC ที่รองรับ 360 kW ซึ่งนับเป็นการพลิกโฉมประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้การแวะพักเพื่อชาร์จไฟเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ต่างจากการแวะเข้าปั๊มน้ำมันในยุคก่อน

นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่สำคัญคือระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับ ZEEKR 7X อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เครื่องมือช่าง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน นี่คือคุณสมบัติที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ZEEKR ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็น “พาร์ทเนอร์” ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ช่วงล่างอัจฉริยะ: เหนือกว่าความสบาย สู่ขีดจำกัดแห่งการขับขี่

ZEEKR 7X ไม่ได้มีดีแค่เรื่องพละกำลัง แต่ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยช่วงล่างด้านหน้าอิสระ Double Wishbone และด้านหลังอิสระ Multi-Link ที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถัน สิ่งที่ทำให้ช่วงล่างของ ZEEKR 7X แตกต่างและโดดเด่นคือระบบ Active Air Suspension with CCD (Continuous Damping Control) หรือช่วงล่างถุงลมพร้อมระบบควบคุมแรงกระแทกแบบปรับต่อเนื่อง

เทคโนโลยีนี้ช่วยให้รถสามารถปรับความสูงและแรงหน่วงของโช้คอัพได้อย่างเรียลไทม์ เพื่อให้เข้ากับสภาพถนนและโหมดการขับขี่ที่เลือก ส่งผลให้การขับขี่บนทางเรียบมีความนุ่มนวลและมั่นคงในความเร็วสูง ในขณะเดียวกัน เมื่อเข้าสู่โหมด Off-Road ระบบจะยกระดับความสูงของตัวรถขึ้นโดยอัตโนมัติถึง 230 มม. ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ SUV ที่ต้องการความสามารถในการลุย

พิสูจน์สมรรถนะ: การทดสอบ Off-Road ที่เหนือความคาดหมาย

ก่อนที่จะได้สัมผัส ZEEKR 7X ด้วยตัวเอง ความคิดที่ว่า “รถไฟฟ้าจะลุย Off-Road ได้ดีแค่ไหนกันเชียว?” ก็วนเวียนอยู่ในหัว เพราะโดยทั่วไปแล้ว EV มักจะเน้นที่สมรรถนะบนทางเรียบและความประหยัดพลังงาน แต่หลังจากการทดสอบจริง ณ สนามทดสอบที่เขาใหญ่ ผมต้องยอมรับว่า ZEEKR 7X สร้างความประหลาดใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่ได้ “ลุยได้นิดหน่อย” อย่างที่หลายคนคาดการณ์ แต่กลับทำได้ดีจนน่าประทับใจ และเป็นจุดเด่นที่ทำให้มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ในการทดสอบ Off-Road ที่มีสถานีหลากหลายรูปแบบ เมื่อปรับเป็นโหมด Off-Road ช่วงล่างถุงลมทำงานทันที ยกระดับความสูงของรถขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมเผชิญอุปสรรค
สถานีเนินสลับ: ZEEKR 7X วิ่งผ่านเนินที่ทำให้ล้อลอยออกจากพื้นได้อย่างง่ายดาย ระบบขับเคลื่อนส่งกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าทึ่งคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก บ่งบอกถึงการควบคุมการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม
เนินชัน: พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอันมหาศาลพา ZEEKR 7X ไต่เนินชันได้อย่างไม่ยากเย็น และในสถานการณ์ที่ต้องหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจัดการพลังงานทำได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการล้อฟรีทิ้ง ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างมั่นใจ
การลงเนินสูง: ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC – Hill Descent Control) ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถโฟกัสกับการบังคับพวงมาลัยได้อย่างเต็มที่ ความรู้สึกที่ได้ไม่ต่างจากรถ SUV ระดับพรีเมียมจากยุโรปที่ออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ
เส้นทางขรุขระ: ด้วยช่วงล่างถุงลมที่มอบความนุ่มนวล การวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระเป็นไปอย่างสบาย สิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมายคือพวงมาลัยยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือ ซึ่งเป็นสัญญาณของคุณภาพงานประกอบและช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม

เรียกได้ว่า ZEEKR 7X สอบผ่านการทดสอบ Off-Road ได้อย่างงดงาม ไม่เพียงแค่ทำได้ แต่ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้มากนัก

สมรรถนะบนทางเรียบ: แรง นุ่มนวล และมั่นคง

เมื่อเปลี่ยนกลับมาสู่ทางเรียบ ZEEKR 7X ก็ยังคงแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องความแรง แรงบิดมหาศาลของรุ่น Performance ดึงรถทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง มอบความรู้สึกที่ตื่นเต้นเร้าใจแต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและความมั่นคง แม้ในรุ่น Long Range RWD พละกำลังก็ยังคงเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบ อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจทำให้การแซงเป็นเรื่องง่าย และการขับขี่ในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างราบรื่น

ช่วงล่างถุงลมยังคงมอบความนุ่มนวลที่เหมาะสมกับสภาพถนนของประเทศไทย ดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม มอบความสบายในการเดินทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัด แม้รุ่น Long Range อาจจะให้ฟิลลิ่งที่เฟิร์มกว่า Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าประทับใจและให้ความมั่นใจในการควบคุม

ห้องโดยสารพรีเมียม: นวัตกรรมความสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราเหนือระดับและบรรยากาศที่ถูกออกแบบมาเพื่อการผ่อนคลายอย่างแท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและสัมผัสที่ประณีต ไม่เพียงแต่ให้ความสบายสูงสุดในการเดินทาง แต่ยังสะท้อนรสนิยมอันโดดเด่นของผู้เป็นเจ้าของ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะทางไกลหรือหลังจากวันทำงานที่เหน็ดเหนื่อย เปลี่ยนการเดินทางให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงานอย่างแท้จริง

สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ก็ไม่ถูกละเลยด้วยเบาะที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับองศาการนั่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ทำงาน ทำให้พื้นที่ด้านหลังกลายเป็นห้องรับรองส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบภายในที่คำนึงถึงทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร

ฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายยังรวมถึงประตูทั้ง 4 บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความหรูหราและเทคโนโลยีที่ ZEEKR มอบให้

ระบบสารสนเทศและความบันเทิง: เชื่อมต่อโลกดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ

ZEEKR 7X ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร ระบบสารสนเทศและบันเทิงถูกนำเสนอผ่านหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K ที่ให้ภาพคมชัดและสีสันสดใส สามารถแสดงผลได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแผนที่นำทาง การรับชมสื่อบันเทิง หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดการละสายตาจากถนน ZEEKR 7X มาพร้อมหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 36.21 นิ้ว ซึ่งจะฉายข้อมูลสำคัญต่างๆ ขึ้นมาบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ข้อมูลการขับขี่ได้โดยไม่ต้องก้มมองหน้าจอ

ในขณะที่หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่หลักในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย การทำงานของระบบหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งเป็นชิปประมวลผลระดับท็อป ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว ลื่นไหล และตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างฉับไว มอบประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อ

ประสบการณ์ความบันเทิงสมบูรณ์แบบด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอ 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความดื่มด่ำในทุกการเดินทาง

ความปลอดภัยระดับสูงสุด: มั่นใจทุกเส้นทาง

ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของ ZEEKR 7X รถยนต์คันนี้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในยุโรป โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนในครอบครัว

นอกจากโครงสร้างที่แข็งแกร่งแล้ว ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems) ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า การแจ้งเตือนการออกนอกเลน หรือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ

โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งและปลอดภัย แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นอีกด้วย

บทสรุปจากประสบการณ์จริง (อัปเดตราคาอย่างเป็นทางการ ปี 2025)

ZEEKR 7X นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าโลกของรถยนต์ไฟฟ้าได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปไกลแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่รถที่ใช้พลังงานทางเลือก แต่เป็นยนตรกรรมที่สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านความหรูหรา สมรรถนะ และความอเนกประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการลุย Off-Road ที่ทำให้ ZEEKR 7X มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ในตลาด SUV ไฟฟ้า

สำหรับราคาที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 (นำเข้า CBU จากจีน) นั้น:
7X Long Range RWD มีราคาเริ่มต้นที่ 1,700,000 บาท
7X Performance AWD มีราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

พร้อมกันนี้ ZEEKR ประเทศไทยยังมอบข้อเสนอการรับประกันที่น่าสนใจ:
รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.

จากประสบการณ์ 10 ปีในวงการ EV ผมมองว่า ZEEKR 7X เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า SUV ระดับพรีเมียม ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังมอบความท้าทายและความสามารถในการผจญภัยในเส้นทางที่ยากลำบากได้อย่างเหนือความคาดหมาย นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมจะ redefined คำว่า SUV และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแห่งอนาคต! หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ SUV ไฟฟ้าที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และความสามารถในการลุยได้อย่างลงตัว ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัส ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถคันนี้ถึงเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ EV ไทย ห้ามพลาดโอกาสในการขับขี่อนาคตที่รอคุณอยู่!