[ครบชุด] 2211032 นัดเดทกับท่านประธาน กิตติ์ จำโบ้ซีรี่ย์

ZEEKR 7X 2025: ยกระดับประสบการณ์ SUV ไฟฟ้า พร้อมลุยทุกเส้นทาง

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของเทคโนโลยีและแนวคิดการออกแบบรถยนต์พลังงานสะอาด จากรถยนต์ต้นแบบที่ดูห่างไกลความจริง สู่ยานพาหนะคู่ใจที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนนับล้านทั่วโลก และในปี 2025 นี้เอง เราได้เห็นการปรากฏตัวของ ZEEKR 7X ซึ่งไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้าธรรมดาๆ แต่เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ที่รถยนต์ไฟฟ้าเคยมีมา นำเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ ทั้งความหรูหรา สมรรถนะที่เร้าใจ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ “ความสามารถในการลุย” ที่มักจะเป็นจุดอ่อนของรถ EV ทั่วไป

ZEEKR 7X เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่พร้อมจะสร้างนิยามใหม่ให้กับเซ็กเมนต์นี้ ด้วยการผสมผสานดีไซน์อันโดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย และขุมพลังที่เหลือล้น ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการขับขี่บนท้องถนนเรียบเท่านั้น แต่ยังฉีกกรอบด้วยการมอบประสบการณ์ Off-Road ที่เหนือความคาดหมาย นี่คือการประกาศศักดาครั้งสำคัญของ ZEEKR ในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ผู้บริโภคกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

พลิกโฉมดีไซน์และมิติแห่งยนตรกรรมไฟฟ้า

ZEEKR 7X สร้างความประทับใจแรกด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและกล้าหาญ สะท้อนปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว เส้นสายที่เฉียบคมและโค้งมนถูกร้อยเรียงกันอย่างมีศิลปะ สร้างมิติที่น่าดึงดูดใจจากทุกมุมมอง แผงไฟหน้า Stargate Front Light Panel ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบไฟส่องสว่าง แต่ยังเป็นงานศิลปะที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนบนท้องถนนยามค่ำคืน ตัวถังขนาดกำลังดีที่ ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ไม่เพียงแต่ให้สัดส่วนที่ลงตัว แต่ยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายอย่างน่าประหลาดใจ ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มม. ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองและการเผชิญกับเส้นทางที่ไม่ราบเรียบเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการปรับเพิ่มระยะ Ground Clearance ได้เมื่อเข้าสู่โหมด Off-Road ด้วยระบบช่วงล่างถุงลมอันชาญฉลาด ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นแค่ “รถ EV หรู” ที่สวยงาม แต่ยังเป็นยานพาหนะที่พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง

ขุมพลังไฟฟ้า 800V: สมรรถนะเหนือระดับ พร้อมทะยานทุกความท้าทาย

หัวใจหลักของ ZEEKR 7X คือสถาปัตยกรรม 800V ที่เป็นเทคโนโลยีระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 ซึ่งให้ประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านสมรรถนะและการชาร์จ โดยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก ได้แก่ Long Range RWD และ Performance AWD

รุ่น Long Range RWD: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “รถ EV สมรรถนะสูง” ที่เน้นประสิทธิภาพและระยะทางในการขับขี่สูงสุด มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลที่ 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ช่วยให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. นั้นเพียงพอที่จะตอบสนองการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเร่งแซงหรือเดินทางไกล
รุ่น Performance AWD: สำหรับผู้ที่ปรารถนาขีดสุดแห่ง “รถไฟฟ้าแรงม้าสูง” และ “รถไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ” ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจอย่างไร้ขีดจำกัด รุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุดถึง 710 นิวตันเมตร ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh เท่ากัน ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ขนาดใหญ่ ความเร็วสูงสุดยังคงอยู่ที่ 210 กม./ชม. และมีระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับ “รถ EV สมรรถนะสูง” ที่เน้นพละกำลังขนาดนี้

ระบบส่งกำลังและแบตเตอรี่ 800V ไม่เพียงแต่ทำให้ ZEEKR 7X มี “อัตราเร่ง EV” ที่น่าประทับใจ แต่ยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพโดยรวมของตัวรถ ทำให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างคุ้มค่า และลดการสูญเสียพลังงานระหว่างการถ่ายทอดกำลัง

สุดยอดเทคโนโลยีการชาร์จ: ลดเวลา หยุด เพิ่มเวลาเดินทาง

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ความสำคัญคือความเร็วในการชาร์จ ZEEKR 7X เข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดี และมาพร้อมกับ “เทคโนโลยี 800V” ที่รองรับการชาร์จ “DC Fast Charging” ได้สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ทำได้ในปัจจุบัน หากใช้งานสถานีชาร์จที่มีกำลังไฟ 360 kW ขึ้นไป ZEEKR 7X สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ไปถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น! นี่คือตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ต้องวางแผนหยุดพักนานๆ ตอนนี้คุณสามารถแวะชาร์จกาแฟแก้วเดียว แบตเตอรี่ก็พร้อมสำหรับการเดินทางอีกหลายร้อยกิโลเมตรแล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จ AC สูงสุด 22 kW และที่ขาดไม่ได้คือระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW ซึ่งเปลี่ยนรถของคุณให้กลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือยามฉุกเฉินได้อีกด้วย

เหนือความคาดหมาย: SUV ไฟฟ้าที่ “ลุยได้จริง”

จุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจาก “รถ EV ลุยได้” ทั่วไปในตลาดคือความสามารถในการขับขี่แบบ Off-Road ที่ผ่านการทดสอบมาอย่างเข้มข้น ก่อนการทดสอบ หลายคนอาจมีข้อกังขาว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถลุยเส้นทางวิบากได้ดีเพียงใด แต่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์แล้วว่ามัน “สอบผ่าน” อย่างน่าประทับใจ ด้วยระบบช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่สามารถปรับความสูงได้อัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่โหมด Off-Road ระบบจะยกตัวรถขึ้นสูงสุดถึง 230 มม. เพื่อเพิ่มระยะ Ground Clearance และป้องกันการกระแทกใต้ท้องรถ

ในการทดสอบในสนาม Off-Road ZEEKR 7X ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่ง:
เนินสลับ: การวิ่งผ่านเนินสลับที่ทำให้ล้อลอยจากพื้น ZEEKR 7X สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นผิวได้อย่างราบรื่น ทำให้รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ตัวรถมีการโคลงตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงการทำงานของช่วงล่าง Multi-Link และ Double Wishbone ที่มีประสิทธิภาพสูง
เนินชัน: พละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งออกมาทันทีทันใดทำให้ ZEEKR 7X สามารถปีนขึ้นเนินชันได้อย่างง่ายดาย แม้ในจังหวะที่หยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ไม่มีการออกตัวที่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
การลงเนินสูง: ระบบ HDC (Hill Descent Control) หรือระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ให้ความรู้สึกมั่นใจและสบายใจเสมือนขับรถยุโรปพรีเมียม ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลกับการควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน
เส้นทางขรุขระ: แม้จะวิ่งผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินและหลุมบ่อ ด้วยช่วงล่างถุงลมทำให้ห้องโดยสารยังคงความนุ่มนวล แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างยิ่งคือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นสะท้านหรือตีมือแต่อย่างใด นี่คือข้อพิสูจน์ถึงวิศวกรรมการออกแบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ ZEEKR 7X เป็น “ออฟโรดไฟฟ้า” ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้

ประสบการณ์ขับขี่บนทางเรียบ: ผสมผสานความแรงและความนุ่มนวล

บนทางเรียบ ZEEKR 7X ยังคงไม่ทำให้ผิดหวัง รุ่น Performance AWD มอบแรงดึงมหาศาลที่สะกดทุกความรู้สึกเมื่อกดคันเร่ง พร้อมความนุ่มนวลในการโดยสารที่น่าประทับใจ ในขณะที่รุ่น Long Range RWD แม้จะมีพละกำลังน้อยกว่า แต่ก็ยังคงมอบแรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ ช่วงล่างของทั้งสองรุ่นถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยม ให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แต่ในรุ่น Performance จะให้ความรู้สึกที่มั่นคงและควบคุมได้ดีกว่าเล็กน้อย ด้วยล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/40 R21 และระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot คาลิปเปอร์ Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังมอบประสิทธิภาพการเบรกที่ไว้ใจได้ในทุกความเร็ว

ห้องโดยสารพรีเมียม: นวัตกรรมและสุนทรียภาพแห่งการเดินทาง

ก้าวเข้ามาภายใน ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่แห่งการผ่อนคลายขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกการเดินทาง นี่คือ “ห้องโดยสารพรีเมียม” ที่แท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพสูง ไม่เพียงแต่มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและหรูหรา แต่ยังมาพร้อมกับระบบนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้า ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือวันที่เหน็ดเหนื่อย เบาะหลังปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้โดยสารสามารถปรับอิริยาบถได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ทำงาน

“ระบบ Infotainment EV” ของ ZEEKR 7X เป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัดและสีสันสดใส การทำงานทั้งหมดขับเคลื่อนด้วย “ชิป Snapdragon 8295” ของ Qualcomm ที่ใช้เทคโนโลยี 5nm Process Technology ให้การประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ตอบสนองทุกคำสั่งการได้อย่างฉับไวไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ยังมี “จอ HUD” แบบ AR (Augmented Reality) ขนาด 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่รับทราบข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ส่วนหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง ZEEKR 7X มาพร้อมกับ “ระบบเสียง Hifi” ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเคลื่อนที่ มอบสุนทรียภาพแห่งเสียงเพลงที่เหนือระดับ

ความปลอดภัย: มาตรฐานสูงสุดเพื่อทุกคนในครอบครัว

ZEEKR 7X ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ด้วยการสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ที่ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วย “มาตรฐานความปลอดภัย Euro NCAP 5 ดาว” โดยทำคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยมถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงการใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว

นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังติดตั้ง “ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS” ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและน่าเชื่อถือในการตรวจจับสภาพแวดล้อมและช่วยเหลือผู้ขับขี่ โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งและความปลอดภัยสูงสุด แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นอีกด้วย

สรุป: ZEEKR 7X 2025 ยานยนต์แห่งอนาคตที่พร้อมสำหรับปัจจุบัน

ZEEKR 7X คือ SUV ไฟฟ้าที่มาพร้อมการผสมผสานอันลงตัวระหว่างความหรูหรา สมรรถนะที่เร้าใจ เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถในการลุย Off-Road ที่ไม่เคยมีในรถ EV รุ่นใดมาก่อนในตลาดปี 2025 ด้วยราคาคาดการณ์ที่น่าสนใจและแพ็คเกจการรับประกันคุณภาพตัวรถ แบตเตอรี่ มอเตอร์ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินที่ยาวนาน ทำให้ ZEEKR 7X เป็นตัวเลือกที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมือง การเดินทางไกล หรือแม้แต่การออกผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ นอกเส้นทาง ZEEKR 7X พร้อมที่จะเป็นคู่หูที่เชื่อถือได้ในทุกการเดินทางของคุณ

หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหา “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่ไม่เพียงแค่พาคุณไปถึงจุดหมาย แต่ยังมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ ปลอดภัย และเต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคต ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและกำหนดนิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าด้วยตัวคุณเอง

ก้าวเข้าสู่โลกของ ZEEKR 7X เพื่ออนาคตการเดินทางของคุณ สำรวจความเป็นไปได้และสัมผัสประสบการณ์จริงได้ที่โชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย พร้อมเปิดให้จองและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้!